ตอนที่ 43
ร่างเล็กกำลังยืนลองชุดอยู่หน้ากระจก ภายในสตูดิโอแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง สีหน้าของเธอดูเป็นกังวลนัก ตั้งแต่เมื่อวานที่ชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน เขาก็ตรงมายังเธอ ก่อนจะพูดเชิงอ้อนวอนขอให้เธอมาเดินแบบให้กับงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของเขาในครั้งนี้ ถึงเธอจะปฏิเสธ แต่เขาก็ยังคงอ้อนวอนอยู่ จนเธอเองใจอ่อน เพราะดูท่ามอร์แกนจะอยากให้เธอมาเดินแบบงานนี้อยู่เหมือนกัน
“ชุดแทบจะไม่ต้องแก้อะไรเลยนะคะเนี่ย” ชุดสีขาวลากยาวลายลูกไม้จากแบรนด์ดังบนเรือนร่างของเธอตอนนี้สวยไม่มีที่ติ เธอมองไปยังกระจกแล้วรู้สึกประหม่านิดหน่อย
“คุณมอร์แกนเข้ามาพอดีเลยค่ะ” พนักงานหันมาบอกเธอ หญิงสาวหันไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามา มอร์แกนมองมายังหญิงสาวแล้วอดยิ้มไม่ได้ ผิวขาวนวลของเธอยิ่งดูขาวขึ้นเมื่ออยู่ในชุดสีขาวลูกไม้แบบนั้น
“ฉันว่า...”
“สวยมาก” ชายหนุ่มเอ่ยปากชมพลางเดินมาหาเธอ
“ฉันกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี”
“ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง ว่าเธอทำดีหรือไม่ดี” เขาว่าพลางส่งยิ้มมาให้ เธอเองก็ยิ้มกลับเช่นเดียวกัน ตอนนี้ความกดดันภายในใจเริ่มลดน้อยลง อันนาเปลี่ยนชุดก่อนจะออกมาเจอมอร์แกนที่ห้องรับแขก เธอจะต้องไปลองเดินแบบที่สถานที่จริง เพื่อดูคิวและการเดินในวันงาน ถึงจะกะทันหันแบบนี้ ยังไงเธอก็คงต้องทำออกมาให้ดีที่สุด
ร่างเล็กเดินเข้าไปยังสถานที่จัดงานพร้อมกับชายหนุ่ม สายตาทุกสายตาต่างจับจ้องมายังเธอเมื่อเขาจับมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องกลัว ทำให้เต็มที่ก็พอ” เขาหันมาบอกก่อนจะส่งเธอให้กับทีมออแกไนซ์ นางแบบนับสิบต่างยืนประจำที่ตัวเองแล้ว อันนาเดินเก้ๆกังๆไปยังตำแหน่งของเธอ
“ตอนนี้เรามีนางแบบทั้งหมดสิบสองคนนะคะ ในงานเปิดตัวจะมีรถสิบสองคัน สิบสองสี นางแบบแต่ละคนจะได้ใส่ชุดตามสีรถของตัวเอง” ทางออแกไนซ์เริ่มอธิบายธีมงานให้แก่เหล่านางแบบฟัง
“เราจะเดินออกมาทีละคน ตามคิวที่พี่วางไว้ให้ สีสุดท้ายที่จะออกมาคือสีขาว เป็นไฮไลท์ของงานนี้เพราะคันสีขาวจะมีผลิตเพียงแค่คันเดียวในโลกเท่านั้น” คำพูดนั้นยิ่งทำให้เธอกดดันมากขึ้นไปอีก คันเดียวในโลกนั่นหมายความว่าทุกคนจะจับจ้องมายังเธอเป็นแน่
“เดี๋ยวเราจะลองซ้อมกันนะคะ เอาละทุกคนเข้าที่ได้” หญิงสาวเดินไปประจำจุดหลังม่าน นางแบบแต่ละคนต่างดูเป็นมืออาชีพ เว้นเสียแต่เธอเท่านั้น จังหวะเพลงดังขึ้น นางแบบทยอยออกไปตามคิว หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ เมื่อถึงคิวเธอ เธอก็เดินออกมาโดยอาศัยดูการเดินจากนางแบบคนก่อนหน้า เมื่อถึงตัวรถ มือบางค่อยๆวางมือลงบนรถอย่างแผ่วเบา หน้าที่เธอคือนำเสนอรถออกมาให้ดูน่าสนใจที่สุด และสง่างามที่สุด แค่ซ้อมยังตื่นเต้นขนาดนี้ วันจริงเธอจะตื่นเต้นขนาดไหนกันนะ
“โอเคค่ะ ดีมาก วันจริงขอให้ทุกคนยึดตามนี้เลยนะคะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ ชายหนุ่มเดินมาหาเธอพร้อมน้ำในมือ
“ดื่มน้ำก่อนสิ”
“ขอบคุณนะคะ” เธอดื่มน้ำจนหมดแก้ว เธอยังเกร็งไม่หายเลย หากวันจริงทำพลาดขึ้นมา จะทำยังไงดี
“ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน ฉันนึกว่านางแบบมืออาชีพซะอีก”
“ฉันก็ทำตามๆนางแบบคนอื่นๆนั่นแหละค่ะ”
“งั้น...เธอไม่ต้องทำงานบ้านแล้วนะ ฉันอยากให้เธอเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานนี้”
“อ่อ...ก็ได้ค่ะ”
“เรื่องแม่ของเธอ...อยากให้ฉันช่วยอะไรรึป่าว” ชายหนุ่มถามขึ้น หลังจากคืนนั้นท่าทางของอันนาก็ดูไม่ค่อยดีนัก เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เขาเองไม่อยากถามเธอมากนัก กลัวว่าจะกระทบกับจิตใจของเธอ แต่หากเขาพอช่วยได้เขาก็ยินดีที่จะช่วย เพราะไอยราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย
“แม่ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดอีกนะคะ”
“....”
“ระวังแม่ฉันเอาไว้ดีกว่าค่ะ ฉันมีลางสังหรณ์แปลกๆอยู่ด้วย”
“งั้นกลับกันเถอะ” อันนาวางเรื่องของแม่ลง เธอไม่อยากเก็บมาคิดมานัก สิ่งที่เธอต้องสนใจตอนนี้ คือการทำงานที่ชายหนุ่มมอบให้ ให้ออกมาดีที่สุด หญิงสาวเดินตามเขาไปขึ้นรถ เธอคงต้องลองซ้อมเดินแบบหน้ากระจกดูบ้างซะแล้ว อย่างน้อยงานนี้เธอก็ไม่อยากทำขายหน้า แขกเหรื่อในงานคงมีแต่นักธุรกิจมากมายเต็มไปหมด เธอเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้มอร์แกนอีกแล้วด้วย แต่ทำไมเธอถึงได้มีลางสังหรณ์แปลกๆ ราวกับว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นอีกแล้วนะ....
....................................................................................
คุณเลขาวางเอกสารกองโตไว้บนโต๊ะทำงานของมิลาน เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ทำให้เธออ้าปากค้างไปในทันที
“หมดนี่เลยหรอคะ”
“ใช่ อ้อ แล้วก็..นี่” คุณเลขาวางเอกสารที่ด้านหน้าเขียนไว้ว่าเร่งด่วนตรงหน้าเธอ
“อันนี้ต้องใช้ด่วนเลย ขอวันนี้” ถึงเธอจะอยากเถียงแต่นี่เป็นการเริ่มงานวันที่สอง เธอเองไม่อยากมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีที่ไป เธอเอื้อมมือไปเปิดดูเอกสารก่อนจะถามรายละเอียดของงาน
“ตรงนี้ต้องให้เจ้าของบริษัทเซ็นนี่คะ”
“ใช่”
“แล้วยังไงล่ะคะ” ตอนนี้เธอเองยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของบริษัท แถมยังไม่เคยมีใครบอกอีกด้วย
“เธอก็เอาไปให้เจ้าของบริษัทเซ็นไง”
“ก็ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบริษัทเลยนี่คะ เป็นใครก็ไม่รู้ ฉันถามก็ไม่เคยมีใครบอก”
“เธอไม่รู้จริงๆหรอ”
“ค่ะ เห็นแต่คุณไททันทำงาน จนฉันนึกว่าเขาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ซะแล้ว...เอ๊ะ หรือว่า” หญิงสาวหันไปมองคุณเลขาที่ส่งยิ้มมายังเธอ
“แล้วเธอคิดว่าคุณไททันเป็นใครกันล่ะ”
“ก็แล้วทำไมไม่มีคนบอกฉันเลยล่ะ”
“เธอเคยฟังใครซะที่ไหนล่ะ รีบทำงานได้แล้ว เอกสารต้องใช้วันนี้” คุณเลขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป หญิงสาวยิ้มแห้งให้กับตัวเอง เธอก็นึกว่าไททันจะเป็นแค่พวกคนดูแล หรือไม่ก็รักษาการแทนเจ้าของโรงแรมก็แค่นั้น หญิงสาวเปิดเอกสารดูก่อนจะเร่งมือทำงานด่วน อย่างนี้ไททันก็คงรู้ประวัติของเธอหมดแล้วสินะ ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เพราะเธอเองก็ขายโรงแรมนี้ให้เขาด้วย
เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมง งานด่วนของเธอก็เสร็จ หญิงสาวเดินถือเอกสารก่อนมาหยุดยืนที่หน้าห้องของเขา พอรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของโรงแรม เธอก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที
“นี่คุณเป็นเจ้าของโรงแรมจริงๆหรอเนี่ย” เธอยืนพึมพำกับตัวเอง อีกอย่างเธอพูดจาว่าร้ายโรงแรมไปเยอะอยู่ด้วย แถมยังพูดต่อหน้าเขาอีกต่างหาก
“เธอมายืนทำอะไรตรงนี้” ร่างเล็กสะดุ้งโหย่ง เมื่อเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลังเธอ
“เอ่อ..ฉัน ฉันเอาเอกสารมาให้คุณเซ็นค่ะ”
“อือ เข้าไปในห้องสิ” ชายหนุ่มว่าพลางผลักประตูเดินนำเข้าไป
“เป็นเอกสารด่วนค่ะ” เธอวางเอกสารตรงหน้าเขา ก่อนจะยืนอยู่เงียบๆ
“เป็นอะไร”
“ปะ..ป่าวนี่ค่ะ”
“ฉันเห็นเธอยืนอยู่หน้าห้องฉันตั้งนานสองนาน ไม่กล้าเข้ามารึไง” เขาว่าก่อนจะเซ็นเอกสาร
“คุณเป็นเจ้าของโรงแรมนี้จริงๆหรอคะ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ถามคำถามนี้ออกมา ตอนนี้มิลานทำหน้าราวกับว่าเธอทำความผิดมากมายเอาไว้
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”
“ทำไมคุณไม่บอกฉันละคะ อย่างงี้คุณก็...”
“ก็รู้ว่าเธอเป็นใคร แถมรู้ด้วยว่าเธอด่าโรงแรมฉันไว้ยังไงบ้าง” ไททันตอบกลับ ราวกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“....”
“ที่นี่ห่วยแตกและเฮงซวยมาก” ชายหนุ่มทำเสียงเลียนแบบหญิงสาว ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฉัน....ขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก บางทีที่นี่อาจจะเฮงซวยแล้วก็ห่วยแตกจริงๆนั่นแหละ” เมื่อพูดจบเขาก็ส่งเอกสารคืนให้แก่หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก ชายหนุ่มมองเธอไปจนลับตา เขาหยิบการ์ดเชิญในลิ้นชักขึ้นมาดู ก่อนจะอ่านรายละเอียด
“ขออนุญาตครับคุณไททัน” คุณเลขาเดินเข้ามาภายในห้อง พลางวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะทำงานของเขา
“ทำไมวันนี้เอากาแฟมาให้ช้านักล่ะ ปกติไม่เคยเกินเวลาเลยนี่” เขาถามไม่ใช่เพื่อจับผิด แต่เลขาของเขาไม่เคยผิดเวลาเลยสักครั้ง
“พอดีผมไปรับแขกมาครับ”
“คนสำคัญมาหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าสำคัญไหมน่ะครับ แต่ว่าตอนนี้เธออยู่หน้าห้องแล้วครับ” ไททันมองหน้าคุณเลขาที่ทำท่าทางยึกยักจนเขาแอบรำคาญ เขาเลยลุกออกไปดูเองซะให้จบเรื่อง เมื่อเปิดประตูห้องออกไปก็พบกับร่างเล็กที่ยืนถือกระเป๋าใบใหญ่อยู่หน้าห้อง
“พารัน” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาทันทีที่เห็นหน้า ชายหนุ่มพาเธอเข้ามานั่งในห้องก่อนจะไล่คุณเลขาให้ออกไป
“ขอโทษที่มาไม่ได้บอกแบบนี้นะ” หญิงสาวนั่งลงพลางขอโทษขอโพยชายหนุ่ม
“มีอะไรรึป่าว โทรมาบอกให้ฉันไปรับก็ได้นิ ลูกน้องฉันก็อยู่ที่นั่น”
“ฉันแอบออกมาเอง กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต”
“เกิดอะไรขึ้นรึป่าว”
“อือ...คือว่า” หญิงสาวยื่นการ์ดเชิญให้เขา ชายหนุ่มมองดูก่อนจะพบว่าเป็นการ์ดเชิญใบเดียวกับที่เขาได้รับ
“การ์ดเชิญไปงานเปิดตัวรถของมอร์แกน...เธอได้มาได้ยังไง มอร์แกนส่งไปให้เธอหรอ”
“ป่าวหรอก”
“แล้วเธอได้มาได้ยังไง” ชายหนุ่มเค้นถาม หากมอร์แกนไม่ได้เป็นคนส่งให้ แล้วจะเป็นใครกัน
“มิรันตา...มิรันตาเอามาให้ฉัน”
“เมื่อไหร่ แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน” หญิงสาวก้มหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่”
“เธอห้ามไปงานนี้เด็ดขาด เราไม่รู้ว่ามิรันตาคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่ได้...ฉันต้องไป” หยิงสาวตอบกลับ
“มิรันตาขู่เธอไว้สินะ”
“ฉันจะไม่หนีอีกแล้วไททัน ฉันเหนื่อยที่จะต้องคอยหลบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันกลัวมาตลอด และฉันไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว” สีหน้าของหญิงสาวแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเข้าใจความรู้สึกเธอดี
“เธอมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวฉันจัดการที่พักให้เธอเอง”
“อื้อ” หญิงสาวตอบรับ
“มาขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวฉันให้คนเตรียมชุดสำหรับไปงานด้วยเลยละกัน”
“ขอบคุณนะ ฉันมารบกวนอีกแล้ว”
“เธอเป็นเพื่อนฉันนี่ ไปพักเถอะนะ แล้วก็...ไม่ต้องคิดอะไรมาก” หญิงสาวพยักหน้ารับ ชายหนุ่มต่อสายหาคุณเลขาก่อนจะส่งเธอให้เขา คราวนี้มิรันตาต้องมีแผนการอะไรอยู่แน่ และดูท่ามิรันตาคงจะต้องดึงอันนาเข้ามาเกี่ยวกับแผนการนี้ด้วยแน่ เธอต้องการอะไรอยู่กันแน่นะมิรันตา....
.................................................................
แก้วไวน์สองแก้วชนกันเบาๆ ก่อนจะถูกกระดกรวดเดียวจนหมดโดยชายวัยกลางคนทั้งสองคน
“หลังจบจากงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ มอร์แกนคงเริ่มหาทางหยุดธุรกิจคาสิโนนี้แน่” ฮ็อบส์พูดกับคู่สนทนา
“ทำไมถึงต้องเอามอร์แกนเข้ามาร่วมตั้งแต่แรกด้วยล่ะครับ จำเป็นอะไรที่จะต้องใช้มอร์แกนด้วย” เมธาถามออกมาด้วยความสงสัย
“ตอนแรกฉันแค่อยากยืมมือพวกมันมาสร้างรากฐานของฉันให้แข็งแรงขึ้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันอยากจะกำจัดมันซะมากกว่า”
“จะจัดการยังไงหรอครับ”
“ไว้ถึงเวลาก็รู้เองนั่นแหละ” เขาว่าพลางคีบอาหารเข้าปาก
“นี่ก็ถึงเวลานัดแล้ว ทำไมยังไม่มาซะที” เมธาบ่นอุบ สายตาของเขาจ้องมองไปยังนาฬิกาบนข้อมือไม่วางตา
“ขอโทษที่ให้รอครับ” ชายที่เพิ่งถูกบ่นกล่าวขึ้น เขาเดินเข้ามาก่อนจะก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ....เหมันต์” เหมันต์นั่งลงร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มบ้าง
“นัดผมมาเจอแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรอครับ” เหมันต์ถามขึ้น
“นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้มาทานอาหารร่วมกันแบบนี้” ฮ็อบส์ว่าก่อนจะส่งยิ้มให้ เหมันต์เองก็ส่งยิ้มตอบกลับ
“นั่นสิครับ อาจจะตั้งแต่โรมันเสียก็ได้ นับได้ก็เกือบสิบห้าปีแล้วนะครับ” เหมันต์พูดพร้อมจิบมาตินี่ในมือ
“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ไม่ควรพูดถึงนะครับ” เมธาเอ่ยขึ้นบ้าง สีหน้าของเขาดูไม่พอใจคำพูดของเหมันต์นัก
“ผมพูดอะไรผิดไปหรอครับ” เหมันต์หันไปถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเองไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาขู่ได้ง่ายๆเช่นกัน
“ฉันก็แค่คิดถึงมิตรภาพที่เราเคยมีให้กัน ก็แค่นั้นเอง” ฮ็อบส์ว่าก่อนจะมองไปยังเหมันต์
“มิตรภาพมันยังมีอยู่อีกหรอครับ ผมไม่เห็นรู้มาก่อนเลย” เหมันต์เองก็ไม่ยอมหยุด ตั้งแต่โรมันตาย เขาก็แทบจะไม่มายุ่งกับฮ็อบส์อีกเลย มีเพียงเจอกันในงานสังคมบ้างก็เท่านั้น
“ฉันก็แค่อยากเตือนอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะสายไป”
“เตือนเรื่องอะไรหรอครับ” เหมันต์ยังคงส่งยิ้มให้ฮ็อบส์ราวกับต้องการกวนประสาทฝ่ายตรงข้าม
“เรื่องราวของ AU Group ฉันหวังว่ามันจะไม่หลุดออกจากปากของนายนะ...เหมันต์” ฮ็อบส์เอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงรับปาก แต่ตอนนี้เวลาเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยน ผมคงรับปากไม่ได้”
“คิดจะลองดีกับฉันแล้วหรอ” สายตาแข็งกร้าวของฮ็อบส์ถูกส่งตรงมายังเหมันต์
“ความจริงก็คือความจริงอยู่ดี เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้หรอกนะครับ ถึงผมจะไม่พูดเรื่องนี้ ยังไงก็มีคนพูดเรื่องนี้อยู่ดี”
“งั้นก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีล่ะ ทั้งตัวแกเอง และก็ลูกชายแกด้วย ถ้าคลอเรนไม่หยุดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็คงต้องจัดการหน่อย”
“ขอบคุณที่เตือนนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว” เหมันต์ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไป แต่เขาก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ฮ็อบส์ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางและสายตาที่ดูเอาจริง
“แกอยากรู้รึป่าวว่าใครสั่งฆ่าโรมัน” เหมันต์ชะงักในทันที การตายของโรมันจนป่านนี้ก็ยังหาตัวคนทำไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เขาสงสัยมาตลอดสิบห้าปี แม้ว่าจะหาตัวคนทำยังไงก็หาไม่เจอ แม้กระทั่งตำรวจก็สืบสาวหาต้นตอไม่ได้
“....”
“ถ้าแกไม่อยากเป็นแบบนั้น ก็อย่าคิดมาลองดีกับฉัน”
“....”
“ไม่อย่างงั้น ทั้งแกและลูกชายของแก ก็จะมีจุดจบไม่ต่างกับโรมันหรอก” เหมันต์ไม่ได้หันหน้ามามองหน้าฮ็อบส์ เขายืนกำหมัดแน่น ความโกรธพุ่งพล่านอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะระเบิดออกมา เขาไม่ได้หันมาตอบโต้แต่เดินออกไปเฉยๆ ดูท่าเขาเองจะปล่อยเรื่องนี้ให้จบไปง่ายๆไม่ได้ซะแล้ว
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว