อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 307 การเผชิญหน้า

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 307 การเผชิญหน้า

เมื่อกลับมาถึงสำนักสายลมประจิม ภารกิจพิเศษของ เหยาซาน แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทว่าก็ถือเป็นการปฏิบัติภารกิจที่สมบูรณ์ ดังนั้น เหยาซาน ย่อมได้เลื่อนขั้นกลายเป็นศิษย์สายในทั้งยังได้รับ สิทธิ์พิเศษนอกเหนือกฎ ของสำนักอีกด้วย…

แน่นอนว่าทันทีที่ เหยาซาน เอ่ยปากขอให้ตนมีอิสระในการสลับเปลี่ยนแผนกโดยไม่จำเป็นต้องชี้ชัดแผนกใดแผนกหนึ่งในแต่ละเดือน ผู้อาวุโสเถิง และผู้อาวุโสจาง พลันออกมาปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าดุดัน!! แต่เมื่อ เป่ยเตียวหุย แค่นเสียงต่ำในลำคอ และพยักหน้ายอมรับ สองผู้อาวุโสหัวหน้าแผนกก็ได้แต่ต้องจำยอมคอตกไปตาม ๆ กัน เห็นได้ชัดว่า ผู้อาวุโสเถิง และ ผู้อาวุโสจาง มีความเคารพต่อรองเจ้าสำนักทั้งสองอย่างถึงที่สุด มิต่างผู้อาวุโสที่ลำดับชั้นสูงกว่า...

ยามนี้ เหยาซาน สวมชุดคลุมสีดำของศิษย์สายใน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เคยเงียบงันไปหลายวันเกี่ยวกับ แมวสวรรค์ ก็พลันกระหึ่มขึ้นมาอีกระลอก สะเทือนไปถึงในหมู่ศิษย์หลักภายในเมืองหลวง เวลานี้ตัวตนของ เหยาซาน แทบมิต่างจาก 1 ใน 10 ศิษย์หลักแห่งความภาคภูมิใจผู้หนึ่งแล้วในแง่ของชื่อเสียง แม้จะเป็นชื่อเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนักก็ตามที

และยิ่งแน่นอนว่า มันได้สร้างแรงกระเพื่อมที่แผ่กระจายออกมาในหมู่ศิษย์หลัก แม้แต่ในกลุ่มศิษย์หลักชั้นแนวหน้าที่มิได้ให้ความสนใจ ก็เริ่มที่จะชายตามองมายังเด็กหนุ่มผู้นี้บ้างแล้ว... และมันย่อมรวมถึงสองตัวตนที่เปรียบดังดวงตะวันและจันทราแห่งหมู่ศิษย์...

เจี่ยโย่วเทียน และ ลั่วชิงเหอ...

หลายเดือนมานี้ ทั้งสองคนปิดด่านฝึกตนเพียงลำพัง เพราะการประลองศึกใหญ่ภายในพระราชวังไป๋หู่กระชั้นเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เป้าหมายของทั้งสองย่อมเป็นตำแหน่งที่สูงล้ำยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

ด้าน ลั่วชิงเหอ ที่เวลานี้แม้พลังฝีมือจะเข้าขั้นแล้ว แต่ก็ยังขาดเวทีอันเหมาะสมที่จะเจิดจรัส จึงยังไม่ได้รับตำแหน่งเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ดังนั้นการประลองในครั้งนี้จึงตั้งใจจะเลื่อนขึ้นตำแหน่งให้ได้ ซึ่งคงไม่มีเวทีประลองใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าเวทีในพระราชวัง...

ส่วนทางด้าน เจี่ยโย่วเทียน ก็มีเป้าหมายที่จะเป็นอันดับ 1 ในหมู่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของทวีป... ซึ่งเวลานี้ เจี่ยโย่วเทียน ยังเป็นแค่อันดับที่ 3 เท่านั้น ด้านลำดับยังเป็นรอง ไป๋หู่จิวหรง องค์รัชทายาทลำดับที่ 9 จากหน่วยเทพพยัคฆ์ ที่เป็นอันดับ 2 ของทวีป

และอัจฉริยะผู้เยาว์อันดับ 1 ของทวีปแห่งนี้ก็คือ...
เฉียงตงฟาง แห่งพรรคมังกรฟ้า สาขาทวีปพยัคฆ์ขาว

ณ สำนักสายลมประจิม ภายในเมืองหลวง...
เจี่ยโย่วเทียน ก้าวเดินออกมาจากเรือนของรองเจ้าสำนัก เตียมู่หยง หลังเข้าไปขอคำชี้แนะด้านวิถีแห่งเพลงกระบี่ ถึงจะเป็นเพียงผู้เยาว์ในวัย 20 ปี ทว่ากลับแผ่รังสีกระบี่ออกมารอบกายอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับตนเองเป็นกระบี่ชั้นเลิศเล่มหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาไร้ตำหนิ แววตาเต็มไปด้วยรัศมีแห่งผู้กล้าทะนงตน

เมื่อผ่านมาถึงช่วงกลางเขตสำนัก กลับบังเอิญพบเจอบุรุษหนึ่งอีกคนด้วยความบังเอิญ... ใบหน้าของคนผู้นี้ดูอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย รอบกายปรากฏภาพบิดเบือนของความว่างเปล่าโดยรอบ จากปราณอัคคีที่ร้อนแรงแผ่ซ่าน ดวงตาเจิดจรัสดุจดวงตะวันยามเที่ยงตรง ซึ่งคนผู้นี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลั่วชิงเหอ...

สายตาของทั้งสองคนประสานกันเล็กน้อย ทั้งคู่แทบจนหดตาดำหรี่แคบพร้อมเพียง เผยแววไม่ถูกชะตาออกมาอย่างชัดเจน ทั้งสองกล่าวได้ว่าเป็นคู่แข่งกันภายในสำนัก ถึงแม้ว่า เจี่ยโย่วเทียน จะเหนือกว่าขั้นหนึ่งก็ตามที แต่หากประมาท ลั่วชิงเหอ ก็พร้อมจะเหยียบย่ำขึ้นแซงหน้า ถือเป็นดวงดาวที่สุกสกาวสองดวงของสำนักสายลมประจิม...

เมื่อพิจารณาอีกฝ่ายได้สักระยะ ลั่วชิงเหอ ก็พลันบังเกิดความไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งขึ้นมา เพราะการปิดด่านหลายเดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้ ลั่วชิงเหอ สามารถทะลวงผ่านชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นปลาย บรรลุขั้นที่ 7 ได้เป็นผลสำเร็จ เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมหลังจากที่พยายามไล่ตามระดับพลังของ เจี่ยโย่วเทียน มาโดยตลอด เวลานี้ก็ตามได้ทันเสียที

ทว่าหลังการปิดด่านครั้งนี้ เจี่ยโย่วเทียน กลับหนีห่างออกไปเป็นชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นที่ 8 ทั้งยังคล้ายแตกฉานรู้แจ้งในวิถีกระบี่มากยิ่งขึ้น จนแผ่อำนาจสะกดข่มออกมาอย่างชัดเจนยิ่ง สิ่งนี้ทำให้ ลั่วชิงเหอ ถึงกับกัดฟันกรอดอย่างมิอาจยอมรับ...

ลั่วชิงเหอ หลังจากแสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ประสานมือโค้งตัวสุภาพ ด้วยใบหน้าที่มองอย่างไรก็ดูจะเป็นการเสแสร้ง...
“ยินดีด้วยศิษย์พี่เจี่ย ที่บรรลุขั้นที่ 8 ได้แล้ว”

เจี่ยโย่วเทียน เผยสีหน้าประหลาดเล็กน้อย ความนิ่งขรึมดุจกระบี่ยังคงเป็นเอกลักษณ์...
“เจ้าก็เช่นกันศิษย์น้องลั่ว ไม่คิดว่าจะบรรลุขั้นที่ 7 ก่อนเริ่มการประลองในพระราชวังได้จริง ๆ ดังที่เจ้าเคยลั่นวาจาเอาไว้... หากการประลองครั้งนี้เจ้าสามารถแซงหน้า เกาทงหลิน แห่งพรรคราชสีห์สวรรค์ และ ซวงฉวี่ แห่งสำนักบุปผาประจิมได้ สำนักสายลมประจิมของเราจะเกรียงไกรเหนือสองขุมกำลังในรุ่นนี้อย่างสมบูรณ์...”

ลั่วชิงเหอ ได้ยินเช่นนั้นก็พ่นลมหายใจแรงออกมา ใช้น้ำเสียงที่ฟังดูแสนเย่อหยิ่ง... “ข้าไม่ได้สนใจ เกาทงหลิน และ ซวงฉวี่ อยู่แล้ว เป้าหมายของข้า คือคนที่อยู่สูงยิ่งไปกว่านั้น...”

เจี่ยโย่วเทียน หดนัยน์ตาแคบลงทันที ซวงฉวี่ และ เกาทงหลิน คืออันดับ 4 และอันดับ 5 ในหมู่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของทวีป ดังนั้นความหมายในวาจาของ ลั่วชิงเหอ ย่อมต้องเป็นการเพ่งเล็งมาที่ตำแหน่งของตนในปัจจุบัน...

เจี่ยโย่วเทียน นอกจากจะไม่มีท่าทีโกรธเคืองแล้ว ยังหัวเราะเสียงเย็น...
“หึหึ... ศิษย์น้องลั่ว ช่างมีความกล้าหาญทะเยอทะยาน ไม่หวั่นเกรงต่อยอดเขาใด สมแล้วที่เป็นถึงศิษย์หลักอันดับ 2 ของสำนัก นับเป็นศิษย์ต้นแบบที่น่าชื่นชม... ทว่าศิษย์น้องคงปิดด่านเก็บตัวไปนาน เวลานี้มีการพูดถึงข่าวสารภายในสำนักที่เจ้ามักจะไม่เคยให้ความสนใจ

ที่สำนัก 4 ขุนเขา 1 ทะเลสาบ ได้ปรากฏศิษย์สำนักคนใหม่ ที่ราวกับเป็นอัญมณีล้ำค่า แตกฉานพรสวรรค์ทุกธาตุ ทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับความรักจากศาสตรา จนแม้แต่สองผู้อาวุโสเถิง และผู้อาวุโสจาง ยังต้องยื้อแย่งตัวเข้าแผนกกันเลย...

ข้านั้นพอเข้าใจได้ ว่าสายตาของเจ้ามักจะมองแต่เบื้องบน ไม่เคยสนใจใยดีผู้ที่อยู่เบื้องล่าง... ทว่าข้าอยากจะเตือนเจ้าเอาไว้สักอย่าง เจ้าเอาแต่ปีนป่ายไล่ตามหลังของข้า เวลานี้ลองชำเรืองไปด้านหลังตนเองเสียบ้าง ไม่แน่ว่าอาจมีใครกำลังหายใจรดต้นคอเข้าอยู่ก็เป็นได้...”

เจี่ยโย่วเทียน คำรามเสียงหัวเราะอีกครั้งท่าทางสะใจยิ่ง พลางเดินจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงความสลับซับซ้อนในแววตาของ ลั่วชิงเหอ... การปะทะเล็ก ๆ ของทั้งสองคนด้วยวาจานั้น มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ แต่ส่วนมากจะแยกจากไปด้วยความขุ่นเคืองของทั้งสองฝ่าย ทว่าเวลานี้กลับมีเพียง เจี่ยโย่วเทียน ที่หัวเราะออกไปเท่านั้น...

ซึ่งแน่นอนว่า ลั่วชิงเหอ ย่อมบังเกิดจิตมุ่งมาดบางอย่าง...

ห่างไกลออกไป เตียมู่หยง ที่จับตามองทั้งสองคนอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวพรืดหนึ่ง...
“ลั่วชิงเหอ เป็นอัจฉริยะที่อายุยังน้อย หากมีอายุมากกว่านี้อีก 2 ปี เท่ากับ เจี่ยโย่วเทียน อาจจะแข็งแกร่งกว่า เจี่ยโย่วเทียน ก็เป็นได้... แต่ทว่าในด้านชั้นเชิงต่าง ๆ ล้วนมิอาจเปรียบวัด!! แน่นอน ว่า เจี่ยโย่วเทียน ในเวลานี้เอง ก็คงไม่สบอารมณ์กับการปรากฏตัวของ เหยาซาน ผู้เป็นที่รักแห่งศาสตราอีกคนหนึ่งในรุ่นเดียวกัน

แต่ด้วยสถานะของศิษย์หลักอันดับ 1 ก็ไม่คิดจะลดตัวลงไปจัดการศิษย์ระดับล่างอย่าง เหยาซาน ด้วยตนเอง จึงเลือกใช้คำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวยุแยงเติมไฟให้ ลั่วชิงเหอ เกิดความเคลือบแคลง อ่านออกทะลุจิตใจว่าด้วยอุปนิสัยของ ลั่วชิงเหอ คงยากที่จะนิ่งเฉยในเรื่องนี้

กลยุทธยืมดาบสังหารคนของ เจี่ยโย่วเทียน แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้น ที่เฉียบคมกว่า ลั่วชิงเหอ ได้จริง ๆ” เตียมู่หยง กล่าวพึมพำพลางทอดถอนหายใจอีกครั้ง ทว่าก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปแทรกแซงเรื่องราวความบาดหมางของหมู่ศิษย์ ขอเพียงแค่ไม่ลงมือเกินไปกว่าขอบเขตในกฎสำนักก็ถือว่ายังรับได้

ด้าน เหยาซาน เอง ในเมื่อกล้าที่จะสร้างชื่อเสียงในสำนักขึ้นแล้ว ก็คงย่อมต้องหาทางแก้ไขผลกระทบเหล่านั้นด้วยตนเอง นี่คือแนวทางการสอนสั่งของชนชั้นผู้อาวุโสที่เฝ้ามองจากเบื้องบน ไม่จำเป็นต้องเข้าไปประคบประหงมจนเกินไป มิเช่นนั้นจะทำให้ศิษย์ปวกเปียกไร้ความสามารถ...

“ยุทธภพนั้นโหดร้ายยิ่งนัก ไม่มีช่องว่างสำหรับผู้ที่อ่อนแอ... เหยาซาน หากความลำบากเล็ก ๆ ภายในสำนัก ยังทำให้เจ้าสั่นคลอนได้ นั่นแปลว่าเจ้าก็ยังไม่สมควรจะก้าวออกไปสู่โลกแห่งยุทธภพแท้จริง...” เตียมู่หยง เอ่ยพึมพำ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือน

...................................................

ณ ถ้ำปิดด่าน...

เหยาซาน กำลังเพ่งมองตำราศาสตร์แห่งความตายโบราณ หุ่นเชิดศพกองทัพจีรัง แน่นอนว่าอักษรโบราณเหล่านี้ เหยาซาน ย่อมไม่สามารถอ่านมันได้แม้แต่ตัวเดียว... ทว่าเบื้องหน้าของ เหยาซาน นั้น ยังมีดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่า จิตวิญญาณสั่นไหวราวกับไร้สมดุล พร้อมจะแตกดับไปทุกเมื่อ...

และดวงวิญญาณนี้ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็น สู่เหยียนกุ่ย ที่ยามนี้ถูกกำราบยอมศิโรราบเป็นที่เรียบร้อย ความเจ็บปวดยามเป็นดวงวิญญาณน่ากลัวยิ่งกว่ายามที่ยังมีชีวิตเสียอีก เพราะมิอาจใช้ความตายหลีกหนีความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาได้ และภายใต้อำนาจทรมานของ บ่วงทรทัณฑ์ ดวงวิญญาณใดก็ยากที่จะขัดขืน...

เหยาซาน จึงหยิบยื่นข้อเสนอให้ สู่เหยียนกุ่ย ยอมรับใช้ตน 50 ปี แล้วยอมปล่อยให้เป็นอิสระ รวมถึงดวงวิญญาณของเหล่าพี่น้องตระกูลสู่ แน่นอนว่าทุกตนย่อมไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ตกอยู่ภายใต้พันธสัญญาทาสวิญญาณของ เหยาซาน ทั้งหมด...

เวลานี้ เหยาซาน จึงเรียก สู่เหยียนกุ่ย ออกมาเพื่อให้ช่วยชี้แนะตำราโบราณที่อ่านไม่ออกเล่มนี้ อย่างไรเสีย สู่เหยียนกุ่ย ก็เป็นศิษย์ของชายชราสวมหน้ากากอสูรขาว ทั้งยังทำหน้าที่หลอมศพในระดับ 1 จนสำเร็จเสร็จสิ้น มากน้อยอย่างไรก็คงจะทราบเนื้อหาตำราอยู่บ้าง...

เวลานี้ศพทั้งหนึ่งพันร่างที่ผ่านการหลอมระดับ 1 เรียบร้อยแล้วนั้น เฒ่าชีเปลือย ก็ส่งต่อให้กับ เหยาซาน แทนการแลกเปลี่ยนด้วยเงื่อนไข ให้ช่วยหลอมศพใบหน้าหล่อเหลาและแข็งแกร่งสักร่างหนึ่ง เพื่อที่ตนจะได้ใช้เป็นร่างสถิตชั่วคราว

หากว่าศพนับพันเหล่านี้ยังคงเน่าเปื่อยเฉกเช่นศพทั่วไป เหยาซาน ก็คงปฏิเสธโดยไม่ลังเล ทว่ายามนี้เมื่อศพทั้งหมดได้ผ่านการหลอมมา 1 ขั้นไปแล้ว จนไม่เน่าไม่เปื่อย คงสภาพได้ยาวนานนับสิบปี หากทำลายศพเหล่านี้ทิ้ง ก็เท่ากับสูญเสียทรัพยากรที่ใช้เวลาหลายปีในการสรรสร้าง ศพนั้นก็เหมือนภาชนะสำหรับวิญญาณ ต่อให้เผาทิ้งไปก็ไม่ก่อผลให้เปลี่ยนแปลงความจริงที่เป็นเพียงภาชนะ

เฒ่าชีเปลือย จึงใช้วาจายั่วยุปลุกปั่นเล็กน้อย ให้ เหยาซาน เห็นถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่อหังการของกองทัพอมตะในภายภาคหน้า สุดท้าย เหยาซาน ก็ตัดใจทำลายศพเหล่านี้ไม่ลง ยอมเชื่อถือคำพูดของ เฒ่าชีเปลือย อีกสักครา...

“สู่เหยียนกุ่ย... เจ้าบอกว่า หุ่นเชิดศพ สามารถหลอมคความแข็งแกร่งยกระดับได้ถึง 8 ขั้น เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?!” เหยาซาน ฉากหน้าเค้นถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ทว่าภายในใจนั้นกลับเปล่งประกายความตื่นเต้นไร้สิ้นสุดออกมา สัมผัสได้ถึงศาสตร์บางอย่างที่ล้ำลึก

“จริงนายท่าน... ตำราโบราณนี้ได้ระบุไว้เช่นนั้นจริง ๆ ทว่าตามที่อาจารย์ข้าได้เคยบอกไว้ ดูเหมือนว่าทรัพยากรในยุทธภพ หรือแม้แต่ในโลกมนุษย์นี้ จะไม่อาจหล่อหลอมศพได้เกินไปกว่าระดับ 5 ได้...”

เหยาซาน หลังจากได้ยินก็แสดงท่าทีครุ่นคิด เพราะข้อมูลที่ได้มานั้นมันค่อนข้างจะน่าเหลือเชื่ออย่างมาก... ศพที่ถูกหล่อหลอมเพื่อยกระดับจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ มิต่างจากผู้ฝึกตนที่ผ่านการสั่งสมลมปราณ...

ศพระดับ 1 จะไม่เน่าไม่เปื่อย แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีม่วง
ศพระดับ 2 มีโลหิตหมุนเวียน แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีคราม
ศพระดับ 3 สามารถฟื้นฟูบาดแผล แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีน้ำเงิน
ศพระดับ 4 ฟื้นฟูถึงขั้นงอกอวัยวะ แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีเขียว
ศพระดับ 5 มีผิวกายดุจโลหะ แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีเหลือง
ศพระดับ 6 มีกำลังขั้นอสูรกาย แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีส้ม
ศพระดับ 7 ก่อสติปัญญาขึ้น แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีแดง
ศพระดับ 8 คือศพจีรังไร้พ่าย แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นลมปราณสีรุ้ง!!


............................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว