อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 341 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 341 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

สุ่ยเหอ และพรรคพวก หลังจากเห็นหมัดมหากาฬที่ทำลายได้กระทั่งม่านพลัง ก็ทำเอาคนทั้งกลุ่มถึงกับทำหน้าเซ่อออกมา อ้าปากค้างจนปลายคางจวนกระแทกพื้นอยู่รอมร่อ... เมื่อ ซุน สืบเท้าเดินมาจากสวน พร้อมพลานุภาพสยบที่ส่งแรงกดดันบีบทับลงมายังร่าง ก็ทำให้ผู้เยาว์เหล่านี้อยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนั้น...


เสียงระเบิดของม่านพลังนั้น กังวานก้องในระดับที่รอบรัศมีหลายลี้ล้วนได้ยินกันอย่างแจ่มชัด ต่อให้ในเขตสวนพืชหญ้าในเวลาปกติจะไม่ค่อยมีคนผ่านทางมา แต่พอเกิดเรื่องขึ้นในเวลาเพียงไม่นานก็เริ่มมองเห็นกลุ่มที่ห้อทะยานมาจากที่ไกล ๆ


แต่พอหลายคนเห็นว่าสิ่งที่ถูกทำลายนั้น คือม่านพลังของพืชหญ้าตำแยฟ้ามุ้ย สีหน้าของทุกคนก็ล้วนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ยิ่ง รีบหยุดร่างอย่างไม่รีรอ จนเท้าขูดลากยาวไปกับพื้น ร่นถอยกลับมานอกรัศมีอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้บริเวณนั้น...


ซุน กวาดมองไปรอบ ๆ พอได้เห็นศิษย์ของสถาบันฯ มารวมกันจำนวนหนึ่ง ก็แค่นเสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์... “ก่อนหน้านี้ข้าพยายามเข้าหา พวกเจ้ากลับวิ่งหนี... พอมาคราวนี้ เหตุใดจึงตะบึงมาไวนักเล่า?!”


ซุน พอหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตนเดินเตร่อยู่ในสถาบันฯ ถูกมองเมินอย่างไร้ตัวตน ก็อดที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาไม่ได้ เขม็งมองตรงมายังกลุ่มพรรคพวกของ สุ่ยเหอ ที่กำลังยืนตัวสั่นงันงก... “พวกเจ้าจะเมินเฉยต่อข้า ข้าก็ไม่ว่าอะไร... พวกเจ้าจะไม่ตอบคำถามข้า ข้าก็ไม่คิดใส่ใจ... พวกเจ้าพากันหลีกหนีข้าด้วยท่าทีรังเกียจ ข้าก็ไม่ติดใจเอาความ...


ทว่า...พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มารังแกกันเช่นนี้!! สมญานาม แมวสวรรค์ ของข้ามิใช่ได้มาเพราะความบังเอิญ แต่มันเป็นเพราะข้าไม่เคยยินยอมที่จะถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียว!! ข้าจะทำให้พวกเจ้าจดจำนามของ แมวสวรรค์ ไปอีกนานแสนนาน...


และในเมื่อพวกเจ้าอยากเห็นข้าดิ้นพล่านเปลือยกายเพื่อประจานให้ข้าอับอาย เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกเจ้าซึมซับความรู้สึก และสัมผัสกับสิ่งนั้นด้วยตัวของพวกเจ้าเอง!!”


ซุน เผยแววตาดุร้ายเด็ดขาด กางแขนออกสองข้างขับขานปราณแห่งสายลมให้พัดกรรโชกหมุนวน พริบตาที่กลุ่มก้อนสายลมกวาดผ่านสวนพืชหญ้าตำแยฟ้ามุ้ย ก็ได้หอบหิ้วเอาละอองขนพิษจำนวนนับไม่ถ้วนติดมาพร้อมกันด้วยผ่านการควบคุมสายลม


จากนั้นสายตาที่ดุร้ายก็ทอดมองไปยังกลุ่มของ สุ่ยเหอ และลูกสมุนอีก 7-8 คน ที่กำลังยืนตัวสั่นหวาดผวาเมื่อมองเห็นสายลมแห่งหายนะแท้จริง แม้แต่วาจาจะเอ่ยกล่าวขอโทษ ก็ยังไม่อาจเปล่งคำใด ๆ ออกมาได้จากอาการลิ้นพันกัน และฟันสั่นกระทบระรัว ทำได้เพียงมองละอองขนพิษที่ลอยตรงเข้ามา...


สุ่ยเหอ ยังสมเป็นศิษย์หลัก สามารถตั้งสติขึ้นมาได้หลังผ่านไปไม่กี่อึดใจ จึงรีบขับขานเคล็ดวิชาลับเฉพาะตัว สร้างเป็นม่านแสงสีแดงขึ้นจากลมปราณในร่าง เป็นเกราะคุ้มกันรอบกายเอาไว้... ถึงแม้จะไม่อาจคงสภาพเช่นนี้ไว้ได้ไม่นานนัก ได้แต่ร้องภาวนาอยู่ภายในใจ ให้มีใครสักคนมาช่วย...


เหล่าลูกสมุนศิษย์สายในไม่มีทักษะลับเช่นนี้ จึงได้แต่ถูกละอองขนพิษเข้าไปเต็ม ๆ ส่งเสียงแหบโหยคร่ำครวญออกมา พร้อมกับมือที่เกาไปบนผิวหนังจนเป็นผื่นแดงเด่นชัด แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจทนต่อพิษคันที่ราวกับถูกรุมทึ้งโดยฝูงมดกองทัพยุง ฉีกกระชากอาภรณ์จนเปล่าเปลือยเพื่อให้เกาไปบนผิวหนังได้สะดวกยิ่งขึ้น คันคะเยอจนหลงลืมความอับอายจากสายตาผู้คนรอบด้าน ที่บัดนี้กำลังเฝ้ามองด้วยใบหน้าเหยเก


สุ่ยเหอ ที่อยู่ในม่านแสงคุ้มกัน มองเห็นเหล่าลูกสมุนมีสภาพเช่นนั้น ก็ถึงกับใบหน้าขาวซีดไร้โลหิตหมุนเวียนไปชั่วขณะ... จวบจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงเส้นสายตาที่เพ่งมองมายังตน ด้วยความรู้สึกที่ขนลุกชูชันทั่วสรรพางกายค์...


ต่อหน้า ซุน แล้ว ทักษะลับหรือม่านพลังของชนชั้นลมปราณสีเขียวคนใดก็ย่อมไร้ค่า... ชายหนุ่มดีดนิ้วเพียงครั้ง คลื่นสายลมกรรโชกระลอกหนึ่งพลันกระแทกใส่ม่านแสงสีแดงของ สุ่ยเหอ จนปรากฏรอยร้าวขึ้นทั้งหมด...


สุ่ยเหอ รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาในทันที รีบประสานมือด้วยท่าทีลนลาน... “สะ...สหายชาวยุทธโปรดยั้งมือ ข้านั้นผิดไปแล้ว... ข้าขอน้อมรับความผิดทั้งหมด พร้อมจะชดใช้ทุกสิ่ง ขะ...ข้ายินดีติดตามเป็นลูกสมุนของท่านก็ยังได้ ขอแค่อย่าให้ข้ามีสภาพเช่นนั้นเลย!!”


ซุน ใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นเยือก “ว่าต่อไป... กล่าวสิ่งที่จะตอบแทนข้าไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็ยอมรับสภาพเช่นเดียวกับศิษย์สายในพวกนั้น!!”


สุ่ยเหอ ใจสั่นระรัวเต้นโครมคราม จนแทบจะกระเด็นออกมาจากหน้าอก เอ่ยปากต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะสิ่งตอบแทนใด ๆ หรือคำสรรเสริญใด ๆ ที่หวนนึกออกมาได้ ก็ล้วนพรั่งพรูผ่านปากไม่รู้จบ ไม่มีฉุกคิดถึงผลที่จะติดตามเลยเสียด้วยซ้ำ ขอแค่ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้...


ซุน มิได้โง่เขลา... พอจะมองออกว่า สุ่ยเหอ เป็นชนชั้นศิษย์หลัก และก็คงมีสถานะที่ไม่ธรรมดาในระดับหนึ่ง หาไม่แล้วคงมิได้รับมอบหมายหน้าที่ในการเฝ้าสวนพืชหญ้าเช่นนี้ได้... เพราะตำแยฟ้ามุ้ย จัดเป็นพืชสมุนไพรที่ล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ผู้ที่รับผิดชอบจะต้องได้รับความไว้วางใจจากเบื้องบนเป็นอย่างมาก...


ทั้ง สุ่ยเหอ ยังเป็นศิษย์หลักเพียงคนเดียวในสถาบันฯ ที่กล้าพาลูกสมุนเข้ามาเล่นงานตน ทั้งที่รู้แก่ใจว่า ซุน เป็นคนของพรรคมังกรฟ้า... ดังนั้นเทียบกับศิษย์หลักคนอื่น ๆ ที่เอาแต่หลบหนีไม่ข้องแวะ แปลว่าอีกฝ่ายย่อมเบื้องหลังที่มีดีอยู่พอสมควร...


การที่ ซุน เล่นงานศิษย์สายในก็ยังพอจะหาเหตุผลเอ่ยอ้างได้ แต่หากลงมือกับศิษย์หลักสถานะสูงส่ง เกรงว่าจะเกิดเรื่องกระทบตามมาทีหลัง... อีกทั้ง สุ่ยเหอ เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลสวนพืชหญ้าแห่งนี้ ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับม่านพลัง ซุน จำเป็นต้องหาคนมารับผิดชอบแทนตน


ได้คนมารับผิดชอบ... ได้รับสิ่งตอบแทน... ทั้งยังได้ลูกสมุนดี ๆ มาเพิ่มหนึ่งคนในสถาบันฯ ไม่ว่าจะมองอย่างไร ตนก็ได้ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะภายในใจกับความฉลาดล้ำของตนที่เลือกลงมือ...


หลังจากที่ สุ่ยเหอ เอ่ยคำพูดสรรเสริญมากมายออกมาจนเหนื่อยหอบ ซึ่งอยู่ในระดับที่ ซุน พึงพอใจแล้ว ชายหนุ่มจึงโบกมือเบา ๆ ออกไปหนึ่งครั้ง สายลมกรรโชกระลอกหนึ่งก็หอบหิ้วละอองขนพิษลอยขึ้นไปด้านบนและหมุนวนอยู่เช่นนั้น ไม่ได้แตกกระจายไปไหนภายใต้การควบคุม...


ด้านล่างเหลือทิ้งไว้แต่เพียงสภาพของศิษย์สายในจำนวนหนึ่งที่เปลือยกายล่อนจ้อน ผิวหนังมีแต่ผื่นแดง และรอยเกาที่รุนแรงต่อเนื่องจนเลือดไหลซึมให้เห็น สภาพเรียกได้ว่าน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง...


ส่วนทางได้ สุ่ยเหอ ยิ่งมองไปยังเหล่าลูกสมุนศิษย์สายใน ก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวต่อชายหนุ่มผมขาวที่ตนพยายามไปตอแยด้วย ความน่าพรั่นพรึงที่สุดของชายหนุ่มผมขาวผู้นี้อาจมิใช่เพียงแค่พลังฝีมือที่แข็งแกร่ง...


แต่เป็นการลงมือที่เด็ดขาดราวกับไม่หวาดกลัวผลลัพธ์ใด ๆ ที่จะตามมา ทั้งที่ตนเป็นศิษย์หลักของสถาบันฯ แท้ ๆ แต่กลับคล้ายว่าถูกรังแกในบ้านตนเองจากคนแปลกหน้า!! ยิ่งคิดก็ยิ่งสะท้านสะเทือนไปสุดขั้วหัวใจ หากย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้ตาย สุ่ยเหอ ก็คงไม่คิดจะมายุ่งเกี่ยวกับคนบ้าเช่นนี้...


‘มิน่าเล่า... เจ้านี่ถึงตามหาตัวของผู้อาวุโส ฟู่เหว่ยหลุน ที่แท้คนผู้นี้ก็บ้าพอกันนี่เอง!!’ สุ่ยเหอ มิได้กล่าวออกมา เพียงแค่ร่ำร้องประโยคนี้อยู่ภายในใจ...


ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แน่นอนว่ามีหมู่ศิษย์สถาบันฯ ที่เฝ้าจับตามองอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งหลายคนในจำนวนนั้นยังกัดแน่น แววตามืดทะมึน เมื่อมองตรงมายังชายหนุ่มผมขาว คนที่ดูคล้ายจะบ้าบิ่น ไม่ยี่หระต่อสายตาและใต้หล้า...


ซุน ในเวลานี้เพียงแค่พยายามควบคุมละอองขนพิษอันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อเฝ้ารอจนกว่าจะมีชนชั้นผู้ฝึกสอน หรือชนชั้นผู้อาวุโสในความรับผิด มาสร้างม่านพลังที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่เท่านั้นเอง จากนั้นเรื่องทั้งหมดก็สมควรจบสิ้นลง โดยที่เจ้าตัวมีเหตุผลในการตอบคำถามเบื้องบน ทั้งยังได้ สุ่ยเหอ สมุนคนใหม่มาเป็นสักขีพยานยืนยันความบริสุทธิ์อีกด้วย...


ทว่า... เคราะห์ซ้ำกรรมซัด


จู่ ๆ ก็เกิดกระแสลมทางธรรมชาติอันรุนแรง ผ่านพัดลงมาจากบนยอดขุนเขาสูงลูกหนึ่งของสถาบันฯ สายลมเหล่านี้ได้ซัดตลบลมพายุ ให้กลิ้งไล่หลังกันไปมาอย่างน่าตื่นตะลึง สำคัญกว่านั้นคือทิศทางของพายุสายลมลูกใหญ่นี้ ยังตรงมายังตำแหน่งของ ซุน ที่ควบคุมอยู่อีกด้วย!!


ต่อให้ ซุน มีความสัมพันธ์ต่อปราณสายลมได้ในระดับแน่นแฟ้น ต่อให้ ซุน ควบคุมสายลมได้ดุจร่างกายตนเอง... แต่ทว่า ซุน ก็ยังมิอาจเข้าถึงขอบเขตที่ต่อต้านกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ต่อต้านกฎเกณฑ์แห่งดวงดาว ต่อต้านกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน!! พลังของธรรมชาตินั้นเหลือล้ำเกินกว่าการควบคุมของชายหนุ่ม ความรุนแรงของสายลมลูกใหญ่ที่ซัดตลบนี้ ได้กลบกลืนสายลมที่ ซุน ควบคุม จนหลุดออกจากขอบเขตที่จะหยุดยั้งได้…


ซุน อ้าปากค้างไปโดยพลัน ก่อนจะมองเห็นละอองขนพิษ ฟุ้งกระจายออกไปสี่ด้านแปดทิศ!! บางส่วนยังลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เกาะกุมไปกับกระแสลมกรรโชกที่โหมซัดสาด ไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่าจะปลิวกระจายออกไปไกลเพียงใด...


หมู่ศิษย์จำนวนมากที่เฝ้าจับตามองอยู่ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นต่างก็ดวงตาเบิกโพลง... จากนั้นก็ราวกับผึ้งที่แตกรัง วิ่งหนีกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทาง เมื่อชำเลืองกลับมายังมองเห็นละอองขนพิษที่คันคะเยอ ล่องลอยมาตามสายลมที่โบกพัด แม้ว่าความหนาแน่นของละอองขนพิษจะไม่รุนแรงเฉกเช่นที่ ศิษย์สายใน 7-8 คนแรกถูกเล่นงาน แต่มันก็มากพอที่จะเกาะติดกับผิวหนังในบางส่วน จนมีเสียงโหยหวนดังระงมออกมาจากทุกทิศทุกทาง


ซุน สูดลมหายใจลึกดังเฮือก ๆ พร้อมกับเรือนกายที่สั่นเยือกขึ้น สัมผัสได้ถึงหายนะบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามา!! ต่อให้ ซุน กล่าวอ้างว่ามันเกิดจากกระแสลมกรรโชกทางธรรมชาติ แต่ไหนเลยที่จะมีคนผู้ใดเชื่อถือ!!


ชายหนุ่มเผยท่าทีเลิ่กลั่กขึ้น ก่อนจะหันไปเห็น สุ่ยเหอ ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่ใกล้ ๆ โชคดีที่มันอยู่ตำแหน่งเหนือกระแสลม จึงไม่ได้รับผลกระทบจากละอองขนพิษที่กระจัดกระจายออกไปในทิศทางต่าง... ซุน ดิ่งตรงเข้าไปพร้อมกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายจนตัวลอยขึ้นมา แค่นเสียงกำชับแน่นหนัก...


“เจ้าต้องเป็นพยานให้ข้าด้วย ว่าข้านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์!! ทุกอย่างมันเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้น และหากมีการควานหาสาเหตุต้นตอ คน ๆ นั้นก็คือเจ้า!! เข้าใจแล้วหรือไม่!!”


สุ่ยเหอ ไร้ตัวเลือก ได้แต่โหยหวนคร่ำครวญอยู่ในใจ ก่อนจะผงกศีรษะตอบรับอย่างกล้ำกลืนฝืนทน... จากนั้น ซุน ก็บีบคั้นเอ่ยถามว่าตกลงแล้ว ผู้อาวุโสฟู่เหว่ยหลุน แท้จริงประจำการอยู่ ณ ที่แห่งใด...


สุ่ยเหอ ก็ยอมบอกแต่โดยดี ว่าตำหนักของผู้อาวุโสฟู่เหว่ยหลุน ถูกจับแยกออกไปที่ด้านหลังสถาบันฯ อันเป็นเขตรกร้างที่ไม่มีใครกล้าไปที่นั่น... เพราะการทดลองค้นคว้าของ ฟู่เหว่ยหลุน ได้สร้างผลกระทบให้กับสถาบันฯ นับครั้งไม่ถ้วน จึงถูกจับแยกให้อยู่ลำพังไม่มีใครกล้าไปข้องแวะ


ซุน ได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ห้อทะยานหนีไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว... อีกทั้งก่อนจะจากไป ยังหันมาตวาดเสียงกำชับ สุ่ยเหอ อีกรอบหนึ่ง เรื่องค่าตอบแทนที่ติดค้าง อีกไม่นานตนจะกลับมาทวงคืน ให้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมมิเช่นนั้นจะต้องพบเจอโทสะที่รุนแรงกว่าเมื่อครู่นี้สิบเท่า...


สุ่ยเหอ ถึงกับสั่นเยือกไปทั้งตัว

ก่อนจะผงกศีรษะระรัวราวกับไก่จิก...


เพียงไม่ถึงครึ่งวัน ผลของละอองขนพิษ ก็กระจายปกคลุมไปหลายสิบลี้... ศิษย์สถาบันฯ ที่ได้รับผลกระทบ จากจำนวนหลายสิบ ก็เพิ่มเป็นหลายร้อย จากหลายร้อยก็เพิ่มเป็นหลายพัน!! จนเวลานี้คนกว่าครึ่งสถาบันฯ ล้วนได้รับผลกระทบกับละอองขนพิษ ที่มากน้อยแตกต่างกันออกไป


ผู้คนที่ในคราแรกยังไม่ทราบสาเหตุที่เกิดขึ้น ยังมีการเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานา ว่านี่อาจเป็นภัยพิบัติบางอย่าง ที่เกิดจากคนร้ายภายนอก... เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ก็ยิ่งทำให้ข่าวลือถูกปรุงแต่งไปอีกหลายระดับ ปะปนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น...


จวบจนกระทั่งนามหนึ่ง ได้ผุดขึ้นมาผสมอยู่ในข่าวลือที่แพร่กระจาย... เป็นนามที่มีคนบางส่วนในกลุ่มที่มุ่งดูเหตุการณ์ ณ สวนพืชหญ้าตำแยฟ้ามุ้ย จดจำขึ้นมาได้และเริ่มมีการกล่าวถึง... นามของ แมวสวรรค์ ผู้ที่เคยประกาศสมญานามของตน และกลายเป็นต้นเหตุแห่งละอองขนพิษที่กระจายปกคลุมสถาบันฯ!!


..........................................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว