อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 234 ร่างสถิต ปะทะ ร่างสถิต (2)

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 234 ร่างสถิต ปะทะ ร่างสถิต (2)

“ตาย!!” หวงหลงเฟย เลือดขึ้นหน้าจนหลงลืมไปแล้วว่า ต้องการจับเป็น ซุน เพื่อนำมาต่อรองกับ เหยาหมิง จิตสังหารของชายครึ่งแมงมุมสูงล้ำเทียมฟ้า จากศักดิ์ศรีที่ถูก ซุน ซึ่งอ่อนกว่าทั้งพื้นฐานและอายุดับรัศมีถึงเพียงนี้ จนมีที่สุด หวงหลงเฟย จึงหยิบเอาศาสตราประจำกาย อาวุธอักขระระดับสูง ‘กงเล็บฉีกฟ้า’ ออกมาใช้งาน

ใบมีดโลหะสีแดงที่คมกริบโค้งงอ... แขนข้างอื่น ๆ ยังไม่นับเป็นอย่างไร แต่แขนขวาซึ่งเป็นแขนข้างหลักในเวลานี้ สวมใส่กงเล็บที่แผ่รังสีศาสตราอันแรงกล้าออกมา ตวัดฟาดฟันในแต่ละครั้งสร้างคลื่นทำลายสะท้านฟ้าดิน

ตูม!!

ซุน ยกกระบี่แยกสมุทรขึ้นตั้งรับ แขนข้างนั้นถึงกับด้านชา... เห็นได้ชัดว่า ศาสตราที่ หวงหลงเฟย นำออกมาใช้นั้นเหนือกว่าอาวุธอักขระชั้นลมปราณสีเหลืองทั่วไป คาดว่าคงเป็นอาวุธอักขระชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นสูงสุด ที่เกือบขึ้นเป็นชนชั้นลมปราณสีส้มอยู่รอมร่อ...

แรงกดดันของ หวงหลงเฟย แก่กล้ายิ่งกว่าเดิม เวลานี้คล้ายจะมีเส้นใยเบาบางที่มองไม่เห็น ถูกถักทออยู่รอบ ๆ เสมือนกับดักปิดช่องทางร่นถอย หากว่า ซุน ไม่มีสายลมสีม่วงตรวจสอบ ก็คงติดกับไปนานแล้ว... ยังที่ดี ซุน ยังเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและสมาธิในการตั้งรับการโจมตีทั้งหมดอย่างแยบยล ถึงแม้จะเกิดบาดแผลตามเนื้อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตามที

สายตาของ ซุน ยังชำเรือง เย่ต้าเฟิง ที่แอบซ่อนตัวอยู่อีกหลายครั้ง... อีกฝ่ายก็คล้ายจะกระอักกระอ่วนกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะต้องจำยอมทำตามแผนการที่เคยนัดกันไว้แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าหน้า... ซึ่งเหตุผลที่ เย่ต้าเฟิง ได้รับเลือกให้กลายเป็นดวงวิญญาณผู้ใช้ ศพหลอมระดับ 3 ทั้งที่เพิ่งจะมาเป็นดวงวิญญาณสวามิภักดิ์กับ ซุน แน่นอนว่านอกจากเป็นผู้ที่ล่วงรู้แผนผังฐานลับแห่งนี้แล้ว ก็ยังมีอีกเหตุผลสำคัญข้อหนึ่ง...

นั่นก็คือทักษะเฉพาะของ เย่ต้าเฟิง!!

เย่ต้าเฟิง แม้ว่าพื้นฐานลมปราณจะด้อยลงกว่าในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่าด้วยความที่เป็นหนึ่งในผู้ใช้ศาสตร์โบราณแห่งความมืด ซึ่งเป็นพลังอำนาจที่ขับเคลื่อนด้วยตบะพลังวิญญาณเป็นหลัก ฉะนั้นต่อให้ตายกลายเป็นวิญญาณ ขอเพียงมีตบะที่แก่กล้าขึ้นความแข็งแกร่งก็เรียกได้ว่าไม่เป็นรองยามที่ยังมีชีวิต

ผนวกกับ เฒ่าชีเปลือย ที่รูปแบบการฝึกฝนพิเศษ ที่ทำให้ตบะของเหล่าสมุนดวงวิญญาณใต้อาณัติสามารถเพิ่มพูนได้ไวกว่าตอนที่ยังมีชีวิต ดังนั้นความแข็งแกร่งของ เย่ต้าเฟิง ในเวลานี้ ถึงแม้ว่าในด้านศักยภาพร่างกายจะด้อยลง แต่พลังแห่งความมืด กลับเพิ่มสูงขึ้น...

ตูม! ตูม! ตูม!

การปะทะของ ซุน และ หวงหลงเฟย รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องมีเพียงแค่ฝ่ายของ ซุน!! บาดแผลที่หัวไหล่ขวายังคงสาหัส และยังมีรอยกงเล็บเฉือนลึกที่กลางหน้าอก หน้าท้อง และขาซ้าย ที่ฉกรรจ์สาหัส จนโลหิตหลั่งไหลเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าอีกไม่เกินหนึ่งร้อยลมหายใจเข้าออก ซุน ก็น่าจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว จากโลหิตที่เสียไปถึง 1 ใน 5 ของร่างกายในเวลานี้แล้ว หากไม่ได้เป็นเพราะความมุ่งมั่น และพลังกายจากร่างสถิตค้ำจุนประคอง ปานนี้คงหมดสติหรือขยับตัวไม่ได้ไปแล้ว

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! คำอวดโอ้ของเจ้าสุดท้ายมันก็ไร้ค่า อย่างไรเสียความแข็งแกร่งก็คือทุกสิ่ง!!” หวงหลงเฟย คำรามเสียงหัวเราะประหนึ่งได้รับชัยชนะมาครึ่งก้าวแล้ว ใบหน้าของ ซุน ยังคงซีดเผือด มีเพียงสมาธิที่ยังมั่นคงเที่ยงตรง

เมื่อความกำเริบฮึกเหิมของ หวงหลงเฟย ก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าการโจมตีย่อมหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ แต่ในขณะเดียวกันความระแวดระวังกลับลดต่ำลง ซึ่ง ซุน เฝ้ารอจังหวะเช่นนี้อย่างใจเย็น.. จวบจนกระทั่งมีจังหวะหนึ่งที่ กงเล็บฉีกฟ้า ได้พุ่งตรงเข้ามาหมายเจาะทะลุร่างของ ซุน ขณะที่กำลังสลับเปลี่ยนลมหายใจ ไอสังหารของ หวงหลงเฟย เปี่ยมล้นจนแม้แต่หลับตาก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีศาสตรามากระทบผิวกายจนแทบจะมอดไหม้

ดวงตาของ ซุน ฉายประกายเมื่อมองเห็นโอกาสในทันที... ซุน ได้ใช้การใช้ฌานสมาธิขั้นสูงสมองแล่นเร็วจี๋ จนราวกับห้วงเวลาหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นจึงพรแห่งร่างสถิตสายลมสีเขียวแทรกซึมเข้าไปในร่างกายชั่วพริบตา กระตุ้นให้โลหิตและลมปราณทั่วร่างไหลเวียนบ้าคลั่ง

และยังใช้สายลมสีเขียวระลอกนี้ กระแทกผลักดันอวัยวะภายในที่สำคัญทั้งหมดบริเวณหน้าท้องจนเกิดการเคลื่อนย้ายสร้างเป็นช่องว่างขึ้น แล้วจึงปล่อยให้กงเล็บของ หวงหลงเฟย แทงทะลุหน้าท้องของตนเองอย่างเลือดเย็นโดยไม่เลี่ยงหลบ!!

หวงหลงเฟย เมื่อเสียบแทงเข้าไปแล้ว คราแรกก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งผู้ชนะออกมา ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อย ๆ หุบแคบลง สัมผัสได้ถึงเค้าลางในความผิดปกติ ที่ไม่อาจชักกงเล็บกลับออกมาได้... ซุน แม้จะกระอักสำรอกโลหิต ทว่าอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากบาดแผลภายนอกที่อวัยวะสำคัญไม่ได้รับผลกระทบ ดวงตาเผยความเด็ดเดี่ยวใช้การเกร็งกล้ามเนื้อบีบรัดมิให้อีกฝ่ายดึงแขนกลับไป

จากนั้นก็ตวัดฟันกระบี่ดำราชวงศ์ และกระบี่แยกสมุทรจากมือซ้ายและขวาพร้อมกันอย่างดุดัน!! หวงหลงเฟย เผยสีหน้าปั้นยากขึ้นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้โอกาสนี้สวนกลับมา หากแต่จำนวนแขนของ หวงหลงเฟย ก็มีมากกว่า ซุน จึงยอมสละแขนสองข้างยกขึ้นรับกระบี่ที่ฟาดฟันมาตรง ๆ ส่งผลให้โลหิตสีน้ำเงินสาดกระเซ็นแต่ก็มากพอจะหยุดสภาวะกระบี่คู่นี้ได้

“เจ้าโง่!! ลืมไปแล้วหรือว่าข้าเหลือแขนถึง 5 ข้าง!!” หวงหลงเฟย ใช้น้ำเสียงเย้ยหยัน แม้แขนสามข้างจะถูกหยุดไป แต่แขนอีกสองข้างก็ยังกำหมัดแน่นระเบิดพลังทำลายใส่ร่างของ ซุน

“ก็แล้วมันยังไงเล่า!! แขนเจ้าไม่มีมากไปกว่าความมุ่งมั่นของข้า!!” เสียงคำรามของ ซุน ดังอู้ขึ้น ก่อนจะกัดฟันยกเท้าทั้งสองข้างลอยจากพื้น ยันไปที่แขนของ หวงหลงเฟย ในสภาพเช่นนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา แต่ ซุน ก็สามารถหยุดแขนทั้ง 5 ของ หวงหลงเฟย ได้แล้วจริง ๆ

ซุน แสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นอีกครั้ง...
“เจ้าเองก็คงไม่ลืมนะว่า ข้ามีกระบี่สามเล่ม!!”

“!!!!!!!!!!!!” หวงหลงเฟย เบิกตากว้าง ก่อนจะมองเห็นประกายแสงสีทอง ของกระบี่บินที่ห่อหุ้มไปด้วยสายลมสีน้ำเงิน ทะยานดิ่งมาจากด้านหลังของ ซุน พร้อมกับจิตวิญญาณแห่งศาสตราอันแรงกล้า ทะลวงผ่านช่องว่างและเสียบเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของ หวงหลงเฟย อันไร้ซึ่งการป้องกันอย่างแม่นยำ

ตูม!!

หวงหลงเฟย สำรอกโลหิตสีน้ำเงินออกมาจากปากคำโต... แต่ทว่าด้วยผิวกายที่เปรียบเสมือนเปลือกแข็ง ๆ ห่อหุ้ม จึงทำให้กระบี่ทองไร้เอกลักษณ์เสียบเข้าไปได้เพียงแค่ 1 ชุ่น(นิ้ว) และปักคาไว้อยู่เช่นนั้น ยังไม่อาจเสียบทะลุหัวใจของตนได้!!

หลงหลงเฟย เผยรอยยิ้มที่มืดดำแม้จะบาดเจ็บสาหัส... “หึหึ น่าเสียดายจริง ๆ กระบี่เก่า ๆ ทื่อ ๆ ที่ชำรุดแล้วเล่มนี้ แม้จะทรงพลังแต่ความคมของมันคงไม่มากพอจะใช้สังหารข้า...”

“เออ... ข้าก็ไม่ได้คาดหวังกับมันหรอก เพราะข้าคาดหวังในปัจจัยอื่นมากกว่า...” ซุน เอ่ยปากเสียงเย็น ก่อนจะมีเงาร่างของ เย่ต้าเฟิง ที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จะห้อทะยานมาจากด้านหลัง หวงหลงเฟย พร้อมกับของสิ่งหนึ่งในมือ...

ปลอกคอทาสสีดำ!!

เย่ต้าเฟิง อาศัยช่วงจังหวะนี้ สวมปลอกคอทาสให้กับ หวงหลงเฟย ในทันที... ดวงตาของชายครึ่งแมงมุมจากสีขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงฉานโดยพลัน บิดคอหันกลับไปด้านหลังจนเกือบจะผิดรูป...

“เจ้าเศษสวะ บังอาจลอบเล่นงานข้างั้นหรือ... ตายซะ!!”

หวงหลงเฟย อ้าปากกว้างขึ้นในทันที ก่อนจะพบว่าด้านในมีลิ้นที่ยาวราวกับอสรพิษ ปลายลิ้นยังมีเข็มพิษร้ายแรงของราชันย์แมงมุมมฤตยูที่แอบซ่อนเอาไว้เป็นไม้ตายสุดท้าย พุ่งตรงเข้าไปเสียบกลางตำแหน่งหัวใจของ เย่ต้าเฟิง อย่างแม่นยำ หมายปลิดชีพทันที...

ทว่า... ซุน กลับแสยะยิ้มออกมา
“หน้าโง่... คิดจะใช้พิษหยุดศพหุ่นเชิดที่ไร้ความรู้สึกเจ็บปวดงั้นหรือ?! เย่ต้าเฟิง ต่อให้ต้องสละร่างศพนั้นทิ้ง ข้าก็จะหากศพหลอมที่ดีกว่านั้นมาให้เจ้า ฉะนั้นรีบลงมือตามแผน!!”

เย่ต้าเฟิง แม้เรือนกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงจากพิษ ทว่าใบหน้าก็ราวกับไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ ร่ายอาคมศาสตร์แห่งความมืดออกมา กระตุ้นปลอกคอทาสสีดำให้ทำงานในบัดดล... แน่นอนว่าด้วยพลังของ เย่ต้าเฟิง ในตอนนี้ ย่อมมีไม่มากพอจะทำให้ หวงหลงเฟย กลายเป็นทาสได้

แต่มันก็ยังมากพอที่จะทำให้สะกดการเคลื่อนไหว รวมไปถึงผนึกพื้นฐานลมปราณของ หวงหลงเฟย ให้ลดต่ำลงไปหลายส่วน!! ซุน ที่เฝ้ารอโอกาสนี้มาตลอด ก็กัดฟันดังกรอดฝืนอาการบาดเจ็บ ขับขานพลังจากร่างสถิตออกมาสุดกำลัง ระเบิดพลังฝ่ามือกระแทกลงไปที่ปลายกระบี่ทองไร้เอกลักษณ์ที่ยังเสียงปักอยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย

ส่งผลให้เกิดอำนาจทะลุทะลวงอันมหาศาล จากที่แทงหัวใจของ หวงหลงเฟย ไปได้แค่ 1 ชุ่น เวลานี้มันได้เสียบลึกลงไปจดมิดด้าม ทำลายหัวใจของ หวงหลงเฟย ภายใต้การโจมตีครั้งนี้... ชายร่างครึ่งแมงมุมสำลักโลหิตอีกมากมายออกมา ด้วยหัวใจที่ถูกแทงทะลุต่อให้เป็นร่างสถิตแต่พื้นฐานก็ยังคงเป็นมนุษย์ เมื่อหัวใจถูกทำลายก็ไม่มีทางที่จะดำรงชีวิตต่อไปได้...

ร่างของ หวงหลงเฟย ทรุดตัวคุกเข่าลง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ...
“บะ...บ้าน่า นี่ข้าก็มาตายเพราะแมลงพรรค์นี้เนี่ยนะ”

เพียงสิ้นประโยคถ้อยคำ หวงหลงเฟย ก็พลันสิ้นใจลงด้วยความเจ็บแค้น แต่อย่างน้อยเมื่อตายไปแล้ว ร่างครึ่งแมงมุมที่แสนอัปลักษณ์ก่อนหน้านี้ ก็ได้กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ตายไปทั้งที่ดวงตายังเบิกค้างเช่นนั้นมิอาจหลับลงได้...

ร่างศพหลอมของ เย่ต้าเฟิง ถูกพิษร้ายแรงกัดกินเล่นงาน จึงค่อย ๆ เปื่อยเน่าลงอย่างต่อเนื่อง ไม่แข็งแกร่งมากพอจะพื้นสภาพได้อีกแล้ว... ทำให้ดวงวิญญาณของ เย่ต้าเฟิง อดไม่ได้ที่จะร่ำร้องโหยไห้... “นะ...นายท่าน สัญญาแล้วน่ะว่าจะหาศพหลอมใหม่ให้กับข้า เอาที่อ่อนเยาว์และแข็งแกร่งกว่าร่างเดิมด้วยนะนายท่าน”

หลังจากครวญครางอาลัยอาวรณ์กับร่างของตนอยู่พักหนึ่ง ดวงวิญญาณของ เย่ต้าเฟิง ก็กลับคืนสู่โลกวิญญาณใบเล็กของ ซุน อีกครั้งอย่างจำใจ...

สภาพของ ซุน เองไว้เวลานี้ ก็เรียกได้ว่าจะตายมิตายแหล่ โชคดีที่ปกป้องอวัยวะสำคัญทั้งหมดเอาไว้ได้ แย่ก็ตรงที่เสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจนสติเริ่มพร่าเลือน แต่ก็ยังกดฟันหอบหิ้วสังขาร กระดกสุราลมปราณ และรีดเค้นอาคมไสยเวทย์สะกดความเจ็บปวดและสมานบาดแผล ฝืนกระเสือกกระสนลุกยืน สายตาไม่มองสิ่งใดนอกเหนือจาก ประตูห้องขังเบื้องหน้า...

เมื่อเก็บซากศพของ หวงหลงเฟย รวมถึงดึงเอาดวงวิญญาณมาผนึกไว้เป็นที่เรียบร้อย... ซุน ก็ได้พยายามลากตนเองตรงไปยังประตูนั้นทันที ก่อนจะรีดเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อเปิดมันออก... ซึ่งภาพที่ปรากฏตรงหน้า ก็ทำให้ ซุน หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปิติ ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่เอ่อล้น เพราะภายในห้องมี เหยาหมิง ที่ถูกพันธนาการ คุมขังเอาไว้จริง ๆ

“ละ...เหล่าซือ ข้ามาช่วยท่านแล้ว...”
ชายหนุ่ม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งอ่อนแรง

.....................................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว