อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 329 อาเมนดูเอล

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 329 อาเมนดูเอล

“เส้นใยแห่งจิตวิญญาณอนันต์!!” ซุน มองตาค้าง ด้วยความตื่นตะลึง รู้สึกได้ว่าเส้นใยสายนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุด...


“โฮ่?! เจ้ารู้จักด้วยงั้นหรือ... อ่อ คงเป็นเพราะพยัคฆ์วาตะถ่ายทอดความทรงจำบางส่วนให้กับเจ้าไว้แล้วงั้นสินะ เศษเสี้ยวจิตวิญญาณแห่งเทพหู่(ขาล) ผู้ที่มีชะตากรรมต้องกันกับเจ้า ทั้งยังเป็นผู้ถ่ายทอดที่ เล้งซาน เลือกสรร...


ใช่แล้ว... สิ่งนี้คือ เส้นใยแห่งจิตวิญญาณอนันต์ มันมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 12 เส้นใย หากหลอมรวมทั้ง 12 เส้นให้กลายเป็นหนึ่ง เจ้าจะได้รับจิตวิญญาณอมตะที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณแห่งอาณาจักรอนันต์ที่สมบูรณ์


แต่การที่เจ้าจะตามหาครบทั้ง 12 เส้นใยนั้น โอกาสแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย... เพราะในสงครามแห่งบัลลังก์ครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน เส้นใยแห่งจิตวิญญาณอนันต์ ทั้ง 12 สาย กระจัดกระจายออกไปให้กับสหายที่ร่วมสงครามทั้ง 12 คน เวลาที่ผ่านเลยมานับหมื่นปี ข้าก็ไม่อาจทราบได้ว่าแต่ละคนนั้นแยกย้ายกันไป ณ ที่แห่งใด ที่สามารถชี้ชัดน่าจะมีเพียงแค่ 5-6 คนเท่านั้นกระมัง...”


กล่าวจบ กุ่ยเยี่ยซา ก็เก็บงำเส้นใยสีรุ้งนี้กลับไป เนื่องด้วยสิ่งนี้คือสิ่งที่ค้ำชูการดำรงอยู่ของ กุ่ยเยี่ยซา เอาไว้ให้รักษาความสมบูรณ์ของดวงวิญญาณได้ถึงปัจจุบัน... “ข้าจะยอมมอบสิ่งนี้ให้เจ้า หลังจากที่ข้าเห็นว่าไม่เหลือสิ่งใดที่ข้าค้างคากับโลกทางนี้แล้ว ข้าไม่ได้ต้องการความเป็นนิรันดร์ เพราะมันมิได้เที่ยงแท้ และข้าก็ไม่ได้มีความสุขกับเรื่องเช่นนั้น...


ข้านั้นพร้อมที่จะดับสูญสู่นิพพานอย่างสมบูรณ์ทุกเมื่อ ขอแค่ไม่หลงเหลือเรื่องค้างคาใจใด ๆ รวมไปถึงเรื่องที่น้องชายข้า เล้งซาน ได้ฝากฝังไหว้วานเอาไว้... ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ข้ายังอดห่วงไม่ได้ ก็คือการเลือนหายไปของสายเลือดตระกูลกุ่ย หากไม่มีทายาทใด ๆ เลย ข้าก็ยังพอยอมรับ แต่ในเมื่อรู้อยู่ว่ามีทายาทยังหลงเหลือ และอีกฝ่ายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นสายเลือดตระกูลกุ่ย


ข้าก็อยากจะลองโน้มน้าวเด็กหนุ่มนั่นอีกสักครั้ง... ข้าจะไม่ขอให้ กังเฉิง เปลี่ยนจากแซ่ กัง มาเป็นแซ่ กุ่ย ขอแค่เจ้านั่นยอมรับตำแหน่งผู้สืบทอดพรรคมังกรฟ้าที่ข้าได้สร้างมันขึ้นมา และเมื่อใดที่ในอนาคต กังเฉิง มีทายาทเป็นบุตรชายหลายคน ข้าก็อยากให้มีสักคนที่คงไว้ซึ่งแซ่ กุ่ย เท่านั้นเอง...”


น้ำเสียงจากดวงวิญญาณของ กุ่ยเยี่ยซา เปี่ยมไปด้วยความปลดปลงที่อ่อนโยน ซุน ได้ยินได้ฟัง ก็สัมผัสได้ถึงความต้องการที่แอบซ่อนอยู่ในความไม่คาดหวัง เป็นคำร้องขอที่รู้สึกอยากให้อีกฝ่ายได้สมหวังดังใจอย่างอดไม่ได้


ซุน ประสานมือโค้งเคารพอย่างสุภาพ... “ผู้เยาว์จะพยายามอย่างถึงที่สุด ไม่ว่า กังเฉิง จะตัดสินใจเช่นไร แต่อย่างน้อยผู้เยาว์ก็ขอรับปากว่าจะพา กังเฉิง มาฟังคำร้องขอนี้จากท่านโดยตรง...”


กุ่ยเยี่ยซา ปรากฏรอยยิ้มเจือจางขึ้นมาที่มุมปาก... ชายชรา กุ่ยจือชิง จึงเดินเข้ามาพร้อมกับส่งมอบ แผ่นป้ายโลหะสีทองแผ่นหนึ่งให้กับ ซุน ซึ่งเมื่อสังเกตมันดี ๆ จะพบว่ามันคือ ป้ายสำมะโนครัว อันเป็นระดับป้ายทองคำ ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของตระกูลกุ่ย!!


“แม้ทั่วทั้งยุทธภพจะทราบดีว่าข้าเป็นสายเลือดตระกูลกุ่ยคนสุดท้าย ไม่มีใครที่จะได้รับสิทธิ์ถือครองป้ายนี้นอกเหนือจากข้า... แต่คนในพรรคมังกรฟ้านั้นจะทราบกันดี ว่าป้ายทองคำตระกูลกุ่ย ถือเป็นป้ายพิเศษ สามารถแสดงเพื่อให้กิจการสาขาพรรคมังกรฟ้าทั่วยุทธภพ คอยอำนวยการช่วยเหลือและสนับสนุนเจ้า


ภายใต้การแสดงป้ายทองคำนี้ เจ้าสามารถใช้ประตูมิติเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่จำกัดผู้ติดตาม... สามารถทำได้แม้แต่สัญญากู้ยืมเหรียญทองกับทางสาขานั้น ๆ โดยไม่ต้องมีสิ่งใดค้ำประกัน เจ้าสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ จากสาขาพื้นที่ในส่วนนั้น...


แต่เจ้าต้องอย่าลืมว่าภารกิจของเจ้าถือเป็นความลับสูงสุด แม้ว่าคนของกิจการสาขาพรรคมังกรฟ้าจะไม่มีสิทธิ์ไต่ถามผู้ถือครองป้ายทองคำ แต่ก็จงอย่าแสดงพิรุธให้ผู้อื่นได้รู้ว่าภารกิจของเจ้า นั้นคืออะไร...”


ซุน รับป้ายทองคำจากมือของ กุ่ยจือชิง ด้วยความตื่นเต้น... การที่สามารถใช้งานประตูมิติเคลื่อนย้ายของกิจการสาขาพรรคมังกรฟ้าทั่วยุทธภพได้เช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นวัตถุล้ำค่าหาที่เปรียบมิได้แล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงการกู้ยืมเหรียญทอง โดยไม่ต้องค้ำประกันนั่นอีก หากไม่เรียกว่าโชควาสนาหล่นทับ แล้วจะเรียกว่าอะไร...


ดวงตาของชายหนุ่มเผยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่กว่าในทุก ๆ ครั้ง เอ่ยปากแน่นหนักตอบรับทันที... เวลานี้ ซุน หอบเอาความหวังของตระกูลกุ่ย ไว้บนบ่าส่วนหนึ่ง อีกทั้งในด้านค่าตอบแทนนั้นยังมหาศาลอย่างที่มิอาจประเมิน


ซุน ประสานมือเอ่ยร่ำลากับดวงวิญญาณของผู้ยิ่งใหญ่ กุ่ยเยี่ยซา และกำลังจะออกไปจากถ้ำสุสานแห่งนี้ไปพร้อมกับ กุ่ยจือชิง เพื่อให้ โอวหยางเจี่ย ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลอะไร... ทว่าในขณะที่ ซุน กำลังจะเดินออกมานั้น กลับพบความผิดสังเกตอย่างหนึ่ง...


เฒ่าชีเปลือย ไม่แสดงท่าทีที่จะกลับออกไปด้วย...

ซุน เผยแววตาฉงนขึ้นเล็กน้อย...


“นี่เจ้า?!”


เฒ่าชีเปลือย ไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับ ซุน ทว่าดวงวิญญาณชรานี้ กลับขยับตรงเข้าไปหาผู้ยิ่งใหญ่ กุ่ยเยี่ยซา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ ซุน ได้เห็น เฒ่าชีเปลือย ยอมโค้งตัวเคารพผู้อื่น!!


“โปรดช่วยถอนคำสาปให้ข้าด้วย...”


กุ่ยเยี่ยซา ชำเลืองมองพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏ... “ทำตามธรรมเนียมให้ถูกต้อง กราบท่านลุงของเจ้าผู้นี้เป็นอาจารย์เสีย แล้วข้าจะช่วยเหลือเจ้าในการถอนคำสาป รวมถึงถ่ายทอดความรู้แจ้งในศาสตร์แห่งวิญญาณให้กับเจ้าอย่างสุดความสามารถ... เมื่อเจ้านำความรู้แจ้งเหล่านั้นหลอมรวมกับ มหาเวทย์อาคม ที่เจ้าชำนาญ รับรองว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไปอีกหลายขั้น... หลานชาย”


เฒ่าชีเปลือย นิ่งขรึม ก่อนจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ยอมคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับตามธรรมเนียมจริง ๆ เป็นภาพที่แม้แต่ ซุน เองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นดวงวิญญาณที่แสนเย่อหยิ่งตนนี้ ยอมกราบกรานผู้อื่นเป็นอาจารย์จริง ๆ


“ตลอดชีวิตข้า อาเมนดูเอล จนถึงวันที่ตายไปเมื่อสองพันปีก่อน ข้าไม่เคยมีอาจารย์... ทั้งศาสตร์วิชาต่าง ๆ หรือความรู้แจ้งทุกสิ่ง ข้าล้วนแตกฉานจากการศึกษาด้วยตนเองทั้งสิ้น แอบจดจำลองเรียนและพัฒนาขึ้นมา ไม่ยอมรับผู้ใดให้มาชี้แนะตนเอง นอกเหนือจาก มารดา และ บิดาบุญธรรม...


วันนี้ข้าขอยอมรับท่านเป็นอาจารย์คนแรกของข้า เพื่อให้ดึงเอาวิถีและเส้นทางของข้าให้กลับคืนมาอีกครั้ง โปรดรับการคารวะครั้งนี้ด้วย... ท่านอาจารย์” อาเมนดูเอล กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แน่นหนัก แฝงเร้นไว้ด้วยความเชื่อมั่นที่เด็ดเดี่ยวผ่านการตัดสินใจครั้งสำคัญ


กุ่ยเยี่ยซา หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของ เฒ่าชีเปลือย ผู้นี้... พริบตาต่อมาเกิดแสงแห่งวิญญาณที่เจิดจรัส ดุจดังแสงแห่งดวงตะวันรุ่งอรุณที่สลายความมืดมิดของรัตติกาลราตรี... พลังวิญญาณอันมหาศาลได้ระเบิดสิ่งเจือปนอันเป็นคำสาปสีดำให้กระจัดกระจายออกไป จนมองเห็นเป็นกลุ่มควันสีดำอันมหาศาลระลอกหนึ่งที่สลายไป


ทันใดนั้น จากร่างที่เฒ่าชราอัปลักษณ์ ได้กลับคืนสู่รูปลักษณ์จิตวิญญาณอันสง่างามที่แท้จริง!! เส้นผมที่ยาวสยายกลายเป็นสีทองอร่าม ผิวกายที่แห้งเหี่ยวกลับมาผุดผ่องเต่งตึงไร้ร่องรอยเหี่ยวย่น กระทั่งปีกสีทองที่ด้านหลังก็ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับวงแหวนแห่งปัญญาที่เด่นชัดเหนือศีรษะ


ใบหน้าอันหล่อเหลาที่สยบใต้หล้า มองเห็นถึงความคล้ายคลึงกับ เล้งซาน ผู้เป็นบิดาหลายส่วนได้กระจ่างชัดขึ้น... ภาพที่ปรากฏสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ราวกับว่า เฒ่าชีเปลือย ก่อนหน้านี้ได้กลับกลายเป็น เทพบุตรแห่งสรวงสวรรค์ อย่างแท้จริง


อาเมนดูเอล จิตใจสะท้านสั่นไหว สัมผัสได้ถึงการกลับมาของพลังชีวิตและตบะที่พรั่งพรูขึ้นอีกครั้ง... เรือนกายในเวลานี้ยังจัดอยู่ในความสมบูรณ์แบบวัยกลางคน แม้ก่อนตายจะมีอายุขัยร่วม 8,000 ปี ได้แล้ว ทว่าเป็นเพราะเวทย์อาคมแห่งสายเลือดเผ่าปราชญ์เทพ จึงสามารถทำให้มีอายุยืนยาวได้มากกว่าอีกหลาย ๆ เผ่าพันธุ์ในสุริยะแห่งนี้ การโบกมือเพียงครั้งยังทำให้อาภรณ์สีทองสวยสง่า กลับมาสวมทับปกปิดเรือนกาย...


“คำสาปถูกคลายแล้วงั้นหรือ?!”


“หึหึ... ยังห่างไกลจากคำว่าถูกปลดคลาย นี่เป็นเพียงการปลดคำสาปบางส่วนไปเท่านั้น แต่หากยังไม่ถอนคำสาปอย่างหมดจรด อีกไม่นานคำสาปมันก็จะย้อนกลับมาอีก ดุงดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ยังไม่ถูกถอดถอน ข้ายังต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการจะถอนคำสาปแห่งวิญญาณทั้งหมดนี้ได้...


จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าได้ตายไปแล้วจากการสูญเสียกายหยาบไป... ทว่าเจ้านั้นมีสายเลือดของ เผ่าเทพ ที่สามารถดึงวิญญาณให้กลับมาคืนชีพได้อีกครั้ง ตราบเท่าที่อายุขัยแท้จริงของดวงวิญญาณยังคงหลงเหลือ เอาไว้ข้าถอนคำสาปแห่งวิญญาณเจ้าหมดสิ้นได้แล้ว ข้าจะชี้แนะการคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบให้เจ้าอีกครั้ง...” กุ่ยเยี่ยซา กล่าวขึ้นด้วยความพึงพอใจ แววตาที่มองมายัง อาเมนดูเอล ไม่ต่างอะไรกับสายตาที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งมองหลานชายตนเอง...


ซุน อ้าปากค้างไปในทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ ซุน เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของ อาเมนดูเอล ที่มิใช่สภาพของ เฒ่าชีเปลือย อีกต่อไป... ก่อนหน้านี้แม้ชายหนุ่มจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพูดอยู่หลายครั้ง ว่าในอดีตเคยมีรูปโฉมแห่งบุรุษที่งดงามสง่าผ่าเผย


ทว่า ซุน ไม่เคยเชื่อถือคำพูดดังกล่าวแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องด้วยมิอาจนำเงาร่างของ เฒ่าชีเปลือย ไปทับซ้อนกับบุรุษที่รูปงามคนใดได้... ยามนี้เมื่อได้ปรากฏความจริงออกมา จึงแทบสำลักลมหายใจตัวเอง ปากนั้นสั่นไหวจนเกือบจะกัดลิ้นตนเองอยู่รอมร่อ...


กุ่ยเยี่ยซา หันมองมายัง ซุน เล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้น...

“เจ้าไปเถอะ... เจ้าและ อาเมนดูเอล เคยหลอมรวมห้วงสำนึกเป็นหนึ่ง ทำให้จิตวิญญาณได้เชื่อมโยงกันไว้ก็จริง แต่ข้าสามารถตัดขาดสิ่งนั้นได้ชั่วคราว... กระบวนการถอนคำสาปแห่งวิญญาณยังต้องใช้เวลาอีกมาก ดังนั้นคงต้องให้ อาเมนดูเอล อยู่กับข้าที่นี่ก่อน...”


ซุน ได้ยินเช่นนั้นแม้จะรู้สึกใจหายหล่นวูบไป แต่ก็ทำได้เพียงประสานมือรับคำสั่ง ก่อนจะหันมองมายังบุรุษผมทองที่กำลังสยายปีกตนเองขยับไปมา... “เอ่อ... เฒ่าชี เอ้ย! อาเมนดูเอล ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้เชื่อคำพูดของเจ้า ไว้ข้าเสร็จธุระแล้วจะแวะมาเยี่ยมเยือนก็แล้วกัน...”


อาเมนดูเอล ชำเลืองมองมาพร้อมกับแสยะยิ้มเย้ยหยัน... “ไปไหนก็ไปเถอะ!! อยู่กับเจ้ามาตั้งหลายปีไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นสักนิด... ข้าพบเจออาจารย์ข้าได้เพียงวันเดียว ดูการเปลี่ยนแปลงนี่สิ!! เห็นได้ชัดว่าเจ้ามันตัวซวยสำหรับข้า...”


ซุน ใบหน้าบิดงอในทันที ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนัก ๆ ออก ต่อให้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงเพียงใด อย่างไรเสีย เฒ่าชีเปลือย ก็ยังคงเป็น เฒ่าชีเปลือย ในสายตาของ ซุน มิเสื่อมคลาย...


...................................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว