“ฉันไม่ทำโว้ย” เนี่ยฟงจ้องไป่ฉีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“หืม แล้วรุ่นพี่คิดอะไรที่มันดีกว่านี้ออกไหมครับ” ไป่ฉีถาม
เนี่ยฟงถึงกับสะอึก เขาคิดอะไรไม่ออกเลย เพราะไม่คิดว่าอาจารย์ถงจะกำหนดหัวข้อมาให้เขาแบบนี้
“ฮึ่ย เข้าใจแล้ว แต่เราจะหยุดที่ฉากสุดท้ายตรงนี้ ไม่มีต่อจากนั้น” เนี่ยฟงชี้ไปที่สคริป
“ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ปากนั่นผ่านใครมาบ้างก็ไม่รู้” ไป่ฉีพูดกระทบ
“เห็นแบบนี้แต่ฉันคนนี้ยังไม่เคยจูบใครเลยนะจะบอกให้” เนี่ยฟงชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง
ไป่ฉีหรี่ตามองอย่างเหนื่อยใจ เขาเห็นเนี่ยฟงกับเสี้ยนหรัววันนั้น จะให้เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่เคยจูบใครมาก่อน นั่นคงเป็นไปไม่ได้
หลังจากนั้นการแสดงของแต่ละคู่ได้เริ่มขึ้นตามลำดับ จนถึงคู่ของไป่ฉีกับเนี่ยฟง ทั้ง 2 เดินมายืนประจันหน้ากัน เนี่ยฟงนั้นหาเก้าอี้ตัวเล็กมายืนเพื่อให้ส่วนสูงนั้นสูงกว่าไป่ฉี เขายืนมองไป่ฉี ส่วนไป่ฉียืนตรง และก้มหน้าลง มือทั้งสองทิ้งลงข้างลำตัว พร้อมกับให้สัญญาณเริ่มการแสดง
ทันทีที่เริ่ม ไป่ฉีเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำคลออยู่ เมื่อเนี่ยฟงมองเข้าไปในดวงตานั้นเขาถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
‘บ้าน่า ทำไมใจเต้นวะ ดวงตาแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย’ เนี่ยฟงคิด
ในใจไป่ฉีตอนนี้กำลังลิงโลด เขาเริ่มแผนปั่นประสาทเนี่ยฟง ดวงตาที่เขาใช้มองอีกฝ่าย เป็นดวงตาแบบเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่งในความทรงจำของเนี่ยฟง หญิงสาวคนนี้เป็นรักแรกที่ไม่สมหวังของเนี่ยฟง การที่เนี่ยฟงยังจดจำเธอคนนี้ได้ แสดงว่าคงรักเธอคนนั้นมากจริง ๆ ไป่ฉีแค่ทำให้ดวงตาสื่ออารมณ์ออกมาเหมือนเธอคนนั้น และรอเนี่ยฟงติดกับ
เนี่ยฟงรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาเห็นภาพหญิงสาวที่เป็นรักแรกของตนซ้อนทับกับไป่ฉี ร่างกายเริ่มขยับเองอย่างควบคุมไม่อยู่ มือของเขาคว้าข้อมือของไป่ฉี ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาแนบกาย ใบหน้าของเนี่ยฟงแดงระเรื่อ ร่างกายรู้สึกร้อนรุ่ม
ไป่ฉีเงยหน้ามองเนี่ยฟง น้ำตาไหลอาบสองแก้มของไป่ฉี ทำให้เนี่ยฟงรู้เจ็บแปล๊บที่หัวใจ ความปวดหน่วง ความเศร้าเพิ่มพูนขึ้นในใจของเขาอย่างแปลกประหลาด
‘นั่นเธอ...เธอจริง ๆ ใช่ไหม’ เนี่ยฟงพยายามตั้งสติ เขากำลังเตือนตัวเองว่านี่เป็นการแสดงเท่านั้น คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นรักแรก แต่เป็นไป่ฉีที่เขาเกลียดแสนเกลียด
ไป่ฉีที่เห็นว่าเนี่ยฟงกำลังขัดขืนการชี้นำของเขา เขาจึงต้องดึงให้เนี่ยฟงสติหลุดอีกครั้ง เขานึกถึงตอนที่เขาลอบเข้าไปสอดแนมถ้ำของแม่เฒ่าถ้ำปรภพ ที่นั่นเขาได้เห็นทุกอย่างที่แม่เฒ่าทำกับชายหนุ่ม และทุกการกระทำของแม่เฒ่านั้นสามารถกระตุ้นสัญชาติญาณสัตว์ป่าของชายหนุ่มเหล่านั้นให้ตื่นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงนำวิธีเหล่านั้นมาใช้ โดยใช้มือทั้งสองทาบอยู่บนแผ่นอกของเนี่ยฟง
ไป่ฉีค่อย ๆ ใช้นิ้วมือลากลงโดยไปสะกิดยอด อกของเนี่ยฟง และใช้ปราณกระตุ้นเล็กน้อย ทำให้เนี่ยฟงถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของเนี่ยฟงที่จ้องมองไป่ฉีตอนนี้แดงไปจนถึงใบหู ในที่สุดเนี่ยฟงก็สติหลุด
เนี่ยฟงใช้นิ้วชี้ของเขาค่อย ๆ ปาดน้ำตาของไป่ฉี ก่อนที่จะจับจ้องด้วยสายตาที่ห่วงหา และคิดถึง เขากระชับอ้อมแขนของเขาให้แน่นขึ้น ราวกับว่าหากปล่อยคนที่อยู่ในอ้อมแขนไปเขาจะไม่ได้พบคนคนนี้อีก
ใบหน้าของเนี่ยฟงค่อย ๆ โน้มลงเข้าไปใกล้กับหน้าของไป่ฉี ทีละนิด ๆ ตอนที่ริมฝีปากของทั้งคู่ห่างกันเพียง 2 เซนติเมตร เนี่ยฟงสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจ และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของคนตรงหน้า และเขาตัดสินใจที่จะจูบอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหยุดชะงักและได้สติจากการกระทำของอีกฝ่าย
ไป่ฉีเอาฝ่ามือเข้ามากั้นระหว่างริมฝีปากของเขากับเนี่ยฟง เนี่ยฟงที่ถูกหยุดการกระทำ สมองของเขาตอนนี้ขาวโพลนไปหมด พร้อมกับเสียงของเพื่อนรวมคลาสที่ดังขึ้น
“แสดงดีโคตร”
“อ๊าย ใครมีทิชชู่บ้าง เลือดกำเดาฉันไหล”
“เลือดจะหมดตัวแล้วค่า”
“อาจารย์ถงครับ ตรงนี้มีคนเป็นลมครับ”
บรรยากาศภายในคลาสเรียนวุ่นวายกันใหญ่ ส่วนไป่ฉีนั้นผลักเนี่ยฟงออก ด้วยสติที่ยังไม่กลับมาดี ทำให้เนี่ยฟงหงายหลังก้นกระแทกพื้น
“โอ๊ย แกทำบ้าอะไรของแกเนี่ย” เนี่ยฟงกลับมามีสติอีกครั้ง ถึงจะยังงงว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป แต่ไม่ใช่เวลาจะมาคิด ไป่ฉีจงใจผลักเขาล้ม เรื่องนี้เขาไม่ยอมจบแน่
“ก็พี่กอดผมซะแน่นจนผมขนลุก แถมพี่บอกเองไม่ใช่รึไงว่าให้หยุดตรงฉากสุดท้าย ผมก็รอให้พี่หยุด แต่หน้าพี่ตอนนั้นมันใกล้มาก ผมเลยต้องเอามือปิดปากพี่ไง พี่คงไม่ได้นึกพิศวาสผมขึ้นมาใช่ไหม” ไป่ฉีแกล้งขมวดคิ้วและโวยวาย
“นั่น...มัน...ฮึ่ย” เนี่ยฟงนึกถึงการแสดงเมื่อครู่ ก่อนหันไปมองคนในคลาส ใบหน้าของเขาแดงด้วยความอับอาย นี่เขาโดนไป่ฉีปั่นหัวเหรอ ฉับพลันเขาก็เปลี่ยนจากอับอายเป็นโกรธ ก่อนจะหันมาชี้หน้าไป่ฉี
“ฝากไว้ก่อนเถอะไป่ฉี ครั้งหน้าฉันจะเอาคืนแน่” พูดจบเนี่ยฟงก็เดินออกจากห้องโดยไม่ลาอาจารย์ถงสักคำ
อาจารย์ถงที่เห็นเนี่ยฟงโดนไป่ฉีปั่นหัวจนโมโหเดินออกไปจากห้อง เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ขนาดเขาเองยังคิดว่าหากต้องแสดงกับไป่ฉี เขาคงโดนไป่ฉีปั่นหัวไม่ต่างจากเนี่ยฟงเช่นกัน ไป่ฉีนั้นใช้สีหน้าแสดงอารมณ์เศร้าเสียใจ แฝงด้วยความต้องการอยากให้คนตรงหน้าปลอบโยน นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษากายโดยการลูบแผ่นอกของเนี่ยฟงเบา ๆ เพื่อกระตุ้น จนเนี่ยฟงสติหลุด นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะการแสดงของไป่ฉีที่ดีกว่าดารานักแสดงหลายคนในวงการด้วยซ้ำ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ไป่ฉี ฉันว่าเธอพร้อมสำหรับคลาสเรียนของอาจารย์หลิวแล้วน่ะ” อาจารย์ถงหัวเราะ
“จริงเหรอครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์ถง แล้วการเรียนชดเชยที่เหลือ” ไป่ฉีถาม
“ไม่ต้องแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันอัดเอาไว้หมดแล้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันจะจัดการเอง” อาจารย์ถงตอบ
หลังจากหยุดหัวเราะ อาจารย์ถงให้ไป่ฉีกลับไปนั่งที่ และเรียกคู่ต่อไปออกมาแสดง จากนั้นก็ชี้ข้อบกพร่องของแต่ละคู่ ในส่วนของไป่ฉีนั้น อาจารย์ถงได้ลงรายละเอียดเยอะเป็นพิเศษ เพราะไป่ฉีใช้การแสดงขั้นสูงกับเนี่ยฟงที่เป็นมือใหม่ในด้านนี้ ซึ่งอาจารย์ถงเรียกสิ่งนี้ว่าการครอบงำการแสดง หรือการนำคู่แสดงให้มีอารมณ์ร่วมในการแสดงฉากนั้น ๆ
“วันนี้พอแค่นี้ เลิกคลาสได้” อาจารย์ถงกล่าวจบก็เดินออกไป
ไป่ฉีอยู่พูดคุยกับคนในคลาสอีกเล็กน้อยก่อนจะออกมาจากห้องเรียน เขาเดินตรงไปยังแผนกธุรการที่เมิ่งชิงชิงอยู่
แผนกธุรการ
“อ้าว ไป่ฉี นายเรียนเสร็จแล้วเหรอ” เมิ่งชิงชิงถาม เมื่อเธอเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในแผนก
“ครับ พี่เลิกงานรึยัง” ไป่ฉีถาม
“กำลังจะเลิกน่ะ นายมีอะไรรึเปล่า” เมิ่งชิงชิงเริ่มเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงาน
“พี่หิวไหม” ไป่ฉีถาม
“ก็หิวละนะ ทำไม จะเลี้ยงข้าวพี่สาวคนนี้เหรอ” เมิ่งชิงชิงยิ้ม แววตาของเธอดูซุกซนไม่น้อย
“งั้นเดี๋ยวผมไปรอข้างนอกนะ” ไป่ฉีเดินออกไป เขายืนพิงกำแพงตรงข้ามกับประตูแผนกธุรการ ระหว่างรอมีคนที่เดินผ่านไปมาทักทายไป่ฉีอยู่บ้าง ซึ่งไป่ฉีก็ทักทายกลับตามมารยาท
“ไปกันได้แล้ว นายจะพาพี่ไปที่ไหนล่ะ” เมิ่งชิงชิง ออกมาจากแผนกก็เห็นไป่ฉีกำลังยืนพิงกำแพงรอเธออยู่
ไป่ฉีกับชิงชิงเดินกันไปที่ลานจอดรถ ตอนนี้ในลานจอดรถมีรถจอดอยู่ค่อนข้างบางตาแล้ว เพราะหลายคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว
“พี่ชิงชิงอยากทานอะไรครับ” ไป่ฉีถาม
“ถ้านายเลี้ยงล่ะก็เอาเป็นอาหารทะเลดีไหม เงินค่าจ้างถ่ายโฆษณาก็ได้มาแล้วนี่” เมิ่งชิงชิงพูดอย่างกระตือรือร้น ถึงปู่ของเธอจะรวย แต่เธอก็อยากหาเงินด้วยตัวเองมาโดยตลอด ไม่ยอมรับเงินจากปู่ของเธอแม้แต่น้อย ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอจึงไม่ต่างจากพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป
“เอาเป็นหอยไหมครับ” ไป่ฉีเดินเข้าหาเมิ่งชิงชิงด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้เมิ่งชิงชิงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“เอ่อ หอยเหรอ หอยอะไรล่ะ” เมิ่งชิงชิงถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ เธอไม่เคยเห็นไป่ฉีทำหน้าจริงจังมาก่อน ปกติไป่ฉีมักจะหยอกเธอเล่นเป็นประจำด้วยไปหน้ากวน ๆ
เธอถอยหนีไป่ฉีไปจนหลังติดเสา ไป่ฉีใช้มือ 2 ข้างเท้า (เท้า คำนี้เป็นคำวิเศษ หมายถึง การค้ำยัน ไรท์ไม่ได้เขียนผิดนะ) กับเสาปูน ทำให้เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก เธอจ้องไป่ฉีอย่างหวาดระแวง ส่วนไป่ฉีก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธอ ก่อนจะกระซิบข้างหู
“พี่อยากกินหอยแครง หรือหอยครางล่ะครับ” ไป๋ฉียิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ชิงชิงหน้าแดงและใช้มือผลักอก ให้ไป่ฉีออกไปห่าง ๆ แต่...
‘ไม่ขยับเลย หมอนี่หนักอย่างกับพระประธานในวัดเลย’ ชิงชิงคิดในใจ ขณะที่เธอกำลังพยายามหนีออกจากวงแขนของไป่ฉี
“พี่ชิงชิง ผมอยากถามว่างานถ่ายโฆษณาผมทำได้ดีขนาดนี้ แถมเป็นงานแรกด้วย พี่มีรางวัลจะให้ผมรึเปล่า” ไป่ฉีเผยยิ้มแจ่มใสราวกับพระอาทิตย์ใส่หญิงสาวในอ้อมแขน
“นายจะเอาอะไรล่ะ” เมิ่งชิงชิงถาม เธอเบือนหน้าหนีจากแสงอัดเจิดจ้าจากไป่ฉี
“พี่จะไม่ปฏิเสธคำขอของผมใช่ไหม” ไป่ฉีถาม เขาจ้องชิงชิงด้วยสายตาออดอ้อนที่เขาใช้กับพวกอาจารย์ของเขาในต้าเซียน ทั้งใสซื่อ ดูไม่มีพิษภัย ละมั้ง หึ หึ
“ได้สิ ไม่ปฏิเสธแน่นอน อยากได้อะไรล่ะ” เมิ่งชิงชิงถาม
“พี่ต้องรับของที่ผมจะให้” ไป่ฉีกล่าว เขาทำท่าเหมือนล้วงอะไรในกระเป๋ากางเกง
“เอ๋ อะไรน่ะ” เมิ่งชิงชิง อยากรู้ว่าไป่ฉีจะให้อะไรเธอ
“มันเป็นของมีค่ามากเลยล่ะ พี่ชิงชิงหลับตาก่อนสิ” ไป่ฉีอยากให้ชิงชิงตื่นเต้น
“ก็ได้ แต่ถ้ามันไม่ถูกใจฉัน ฉันจะตีนายแน่” เมิ่งชิงชิงบ่น ก่อนจะยอมหลับตาลงแต่โดยดี
เมื่อไป่ฉีเห็นว่าเมิ่งชิงชิงหลับตาลงแล้ว เขาค่อย ๆ โน้มหน้าลงมาใกล้เธอเข้ามาเรื่อย ๆ เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ไม่ได้รู้สึกมานานหลายหมื่นปีแล้ว ในชีวิตที่แล้ว เขาถูกสตรีมากมายเข้ามาสานสัมพันธ์ ไม่เคยจีบสตรีคนไหนมาก่อน ยกเว้นก็แต่... เมื่อเขานึกถึงคนผู้หนึ่ง แววตาของเขาก็แสดงความสับสนออกมาครู่หนึ่งและกลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว
“ลืมตาได้รึยะ...” เมิ่งชิงชิงที่กำลังหมดความอดทน เธอกำลังจะพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ แต่ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดกัน สัมผัสอุ่น ๆ ที่ริมฝีปากทำให้เธอรู้สึกร้อนขึ้นมา เธอจึงรีบลืมตาขึ้น และพยายามจะถอย แต่ก็ถูกไป่ฉีใช้แขนข้างหนึ่งรวบเอวเธอเข้าไปแนบชิดกับร่างกายของเขา มืออีกข้างจับจับท้ายทอยของเธอไว้
ตอนแรกเมิ่งชิงชิงพยายามทุบอกของไป่ฉี แต่หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกว่าจูบของไป่ฉีนั้นนุ่มนวล ผิดกับการกระทำที่บังคับฝืนใจเธอ ความหวานหอมจากริมฝีปากของเขาที่กำลังจูบกับเธอ ทำให้ในหัวเธอเริ่มเบลอ ๆ พร้อมกับเรี่ยวแรงที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด
ไป่ฉีพยุงเมิ่งชิงชิงที่จู่ ๆ ก็เข่าอ่อนยืนไม่อยู่ เขากำลังจะผละออกมา เพราะเห็นหญิงสาวเหมือนจะหายใจไม่ทัน แต่กลับต้องตกใจที่เมิ่งชิงชิงจูบตอบเขากลับมา มือของเธอกำเสื้อเชิ้ตของเขาแน่นจนมันยับยู่ยี่ เธอทำราวกับริมฝีปากของเขาเป็นอมยิ้มที่แสนหวาน
‘เธออาจจะ...ใช่ก็ได้’ ไป่ฉีเริ่มรุกกลับด้วย deepkiss ส่วนเมิ่งชิงชิงก็ปล่อยให้อารมณ์พาไป เธอเพิ่งเคยได้ลิ้มรสจูบแบบนี้เป็นครั้งแรกและมันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกโหยหาที่เธอเคยฝันบ่อย ๆ ตั้งแต่ยังเด็กถูกเติมเต็ม
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอถูกจูบของไป่ฉีปลุกเร้าอารมณ์จนเธอเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของไป่ฉีออก แต่ไป่ฉีกลับใช้มือของเขารวบข้อมือของเธอเอาไว้ และถอนริมฝีปากของเขาออกจากเธอ
“พี่ชิงชิง ผมมอบจูบแรกของผมให้แล้ว จากนี้ไปพี่ช่วยดูแลหัวใจของผมด้วยนะ” ไป่ฉียิ้ม เขาหอบหายใจ ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มด้วยไฟราคะ เมื่อเขาได้สติว่าตัวเขากับเมิ่งชิงชิงกำลังจะทำอะไรที่เกินเลยไปมากกว่านั้น เขาก็รีบหยุดการกระทำของตัวเองทันที แน่นอนว่าฉากจูบอันเร่าร้อนนี้ไป่ฉีได้ใช้อักขระลมปราณ [อำพราง] ทำให้เขากับเมิ่งชิงชิงไม่ถูกใครพบเห็น แม้แต่กล้องวงจรปิด
ไป่ฉีมองเมิ่งชิงชิงที่หมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธออายจนไม่กล้ามองหน้าไป่ฉี ด้วยความที่ใกล้กันมาก ทำให้หน้าของเธอแนบชิดกับแผ่นอกแกร่งของไป่ฉี ตอนนี้ทั้งเขาและเธออยู่ในสภาพหอบหายใจด้วยกันทั้งคู่ จากการแลกจูบกัน
“ไหน...นาย...บอกว่าจะ...ให้ของฉัน” เมิ่งชิงชิงยังคงก้มหน้า เธอถามไป่ฉีด้วยน้ำเสียงสั่นครือและหอบหายใจเป็นระยะ เธอกำลังสับสนว่าเมื่อกี้นี้เธอทำอะไรลงไป และทำไปได้ยังไง
“ผมให้จูบแรกที่แสนมีค่าของผมกับพี่ไงครับ พี่ชิงชิง ผมรักพี่นะ” ไป่ฉีสารภาพความในใจออกไป เขาใจเต้นรัวกับหญิงสาวคนนี้ ไม่แน่ เธออาจเป็นคนที่เขาถวิลหาเมื่อสมัยที่เขายังเป็นหนุ่ม เขาไม่รู้ว่าชิงชิงจะรับความรู้สึกของเขารึเปล่า อีกทั้งการกระทำของเขาเมื่อครู่นี้ดูจะเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศซะด้วย
“ถ...ถ้างั้นนายต้องพิสูจน์ อย่าให้ฉันรู้นะว่านายมีคนอื่น ไม่งั้นฉันจะฉีกนายเป็นชิ้น ๆ เลย” เมิ่งชิงชิงกล่าว เธอกำเสื้อเชิ้ตของไป่ฉีแน่น
“ครับ ผมจะรักพี่แค่คนเดียว เพื่อฉลอง เราไปทานหอยกันเถอะครับ” ไป่ฉีกล่าว
“เจ้าคนลามก” เมิ่งชิงชิงผลักไป่ฉีอีกครั้ง คราวนี้ไป่ฉีปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน เธอรีบเดินไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งในรถทันที ไป่ฉียิ้มแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ
“พี่อยากกินร้านไหนแล้วแต่พี่เลย หรือว่า...พี่จะกินผมทั้งตัวในคืนนี้ผมก็ยอม” ไป่ฉีหยอกเมิ่งชิงชิง ทำเอาเธอหน้าแดงก่ำ ได้ยกมือขึ้นห้ามไป่ฉี
“ฉันต้องดูนิสัยนายอีกนาน แล้วก็เลิกพูดแหย่ได้แล้ว ฉันขอเวลาสงบสติอารมณ์เพื่อขับรถก่อน” เมิ่งชิงชิงกล่าว
หลังจากนั้นทั้งคู่เลือกไปรับประทานอาหารทะเลที่ภัตตาคารในโรงแรม ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ โดยไป่ฉีใช้ท่องดารา กลับถึงห้องพักในเวลาอันรวดเร็ว วันนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนกลับไปตอนเป็นหนุ่มอีกครั้ง เมิ่งชิงชิงอาจเป็นรักแรกของเขาที่กลับชาติมาเกิดก็ได้
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว