อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 46 การประลองเมืองบุปผาแดง

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 46 การประลองเมืองบุปผาแดง

ปภาพินน์รู้ตัวดีว่าเธอดื่มไปค่อนข้างเยอะ ร่างกายค่อนข้างโอนเอียงในตอนที่ยืนอยู่หน้ากระจกยังห้องฮันนีมูนสวีทของโรงแรมระดับห้าดาว ที่กลายเป็นห้องหอของเธอกับสามี

เธอยกมือขึ้นหวังจะจับเอาความเกะกะมากมายบนเส้นผมแล้วดึงมันออก แต่ดูเหมือนว่าทุกสัดส่วนของร่างกายจะไม่เที่ยงตรงเลยแม้แต่ปลายนิ้วมือ

“ถ้าลำบากก็น่าจะบอกผม” เขายื่นมือมาช่วยจัดการกับของเกะกะบนศีรษะ เจ้าสาวในชุดราตรีสีขาวสะอาดมีอาการฮึดฮัดเล็กน้อย ทำราวกับว่าการถูกเขาแตะต้องตัวตอนนี้คือสิ่งใหม่และไม่เคยพบเจอมาก่อน

“ฉันทำเองได้” เธอยังคงจะพยายามสู้กับสิ่งที่มองเห็นไม่ถนัด เสียงหัวเราะของเขาดังแว่วบางเบา หัวสมองของปภาพินน์โบยบินวนเวียนอยู่กับงานแต่งงาน เธอเห็นว่ารตีพูดคุยกับเจ้าบ่าว มองเห็นเจ้าบ่าวยื่นหน้าเข้าไปใกล้


หญิงสาวแค่แสยะยิ้มเล็กน้อย พี่ชายจับเอาแก้วเครื่องดื่มออกจากมือของน้องสาว

‘ดื่มมากเดี๋ยวจะเมา’ ภูริไม่เคยอยากจะให้น้องสาวหัดดื่มเลย แต่เขาก็ไม่ห้ามซะทีเดียว อย่างน้อยการที่รู้ว่าน้องสาวดื่มบ้างหรือทำอะไรบ้างก็ยังดีกว่าที่น้องสาวจะแอบทำ

‘การดื่มก็เพื่อให้เมาไม่ใช่เหรอคะ' เธอแย่งเอาเครื่องดื่มจากมือพี่ชาย ไม่ได้ชำเลืองหางตามองไปยังเจ้าบ่าวและอดีตเพื่อนสาวสุดที่รักของเธออีกต่อไป ไม่จำเป็นที่จะต้องมองเห็นการอาลัยอาวรณ์นั้นของคนที่เขารักกัน

'ถ้าจะให้พี่ช่วยอะไรก็บอกพี่ คนอย่างไอ้พีทมันไม่มีเธอคนเดียวนะ โน่น...รตีกำลังเข้าวงการ มีหนุ่มๆ หมายปองกันเยอะแยะ คนอย่างไอ้พีทต้องอยากได้คืนอยู่แล้ว’

ปภาพินน์กระดกเอาเครื่องดื่มเข้าปาก มองหน้าพี่ชายที่รัก พลันรู้สึกว่าภูริคือตัวปัญหาและไม่เคยช่วยเหลืออะไรได้เลย ทำไมชีวิตของเธอจะต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ ทำไมเธอจะต้องถูกดึงเข้ามาร่วมในเกมยื้อแย่งผู้หญิงแรด ร่านอย่างรตีด้วย ชิ้นเนื้อเน่าๆ แต่หมาสองตัวก็แย่งกันราวกับเป็นเนื้อแดงชั้นดี

‘พี่ภูริเคยช่วยอะไรหนูได้คะ’

‘พินน์’

ตั้งแต่ที่เธอถูกพีทตามตัวได้ที่หน้าหาดแล้ว แทนที่จะเป็นพี่ชายที่เธอส่งข้อความไปหามาช่วยเธอได้ทันเวลา เธออุตส่าห์หาทางหลบหนีออกจากคนของเขาได้ แต่สุดท้ายเธอก็หนีพีทไม่ได้จริงๆ

พีทตามตัวเธอได้ยังไงนะ...

ความสงสัยหลุดลอย เมื่อเธอเดินหนีพี่ชาย จับเอาเครื่องดื่มมาดื่มไม่สนคำทัดทานของภูริ และพบกว่าการมายืนอยู่คนเดียวมันน่าจะทำให้หายใจทั่วท้องขึ้น จนกระทั่ง เสียงแว่วหวานกระทบเข้าโสตประสาทและมันทำให้เธอเกิดประสาทแดกขึ้นมาทันที

‘แกอาจจะได้ทะเบียนสมรสนะพินน์ ได้ตัวผัวฉันไปครอง แต่เรื่องหัวใจ คนอย่างพี่พีทยังคงรักมั่นกับฉันอยู่ เขาหลงฉันจะตายแกก็รู้ดี’

แก้วในมือถูกกุมไว้แน่น ปภาพินน์เกิดร้อนวูบวาบและอยากจะสาดเอาเครื่องดื่มราดรดไปยังใบหน้าของรตี

‘แกยังต้องการเขาหรือไง’

รตียักไหล่เบาๆ

‘ผัวใคร ใครก็หวง’

ทำไมปภาพินน์จะต้องคล้อยตามรูปประโยคนั้น มันมีเป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ รตีพูดถูกอย่างนั้นเหรอ

‘หวง แต่แกก็พยายามหาของใหม่’

‘หาของใหม่ก็ใช่ว่าฉันจะทิ้งของเก่า”

“เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วรตี”

“แกมันร้ายนังพินน์ ทำไมฉันถึงต้องเชื่อใจแกอยู่ได้ นี่แกคิดจะฉกผัวฉันกี่คนแล้วฮะ หน้าไม่อาย ผู้ชายมีมากมายไม่คิดจะไปหา ทำไมต้องมาแย่งของของฉัน”

ปภาพินน์คิดว่ายิ่งพูดก็ดูเหมือนรตีจะรุนแรง เจ้าสาวถูกด่าในงานแต่งงาน คิดแล้วก็น่าอาย

“ไม่สินะ คนอย่างแก จืดชืดขนาดนี้ใครมันจะไปสนใจล่ะว่าไหม ผู้ชายคนไหนก็เข้ามาหาฉันทั้งนั้น แกเลยใช้วิธีเล่นไม่ซื่อ”

“ฉันขอตัว” ปภาพินน์ปวดหัวเกินไปที่จะโต้แย้งกับรตีและเธอไม่ต้องการให้เป็นเป้าสายตาวันมงคลที่ถูกบงการนี้สักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าตาพ่อแม่ของเธอ

“แกควรจะรู้นะพินน์ ว่าเราสองคนเคยเป็นเพื่อนรักกัน มีอะไรแบ่งปันกัน เล่าให้กันฟัง ต่อให้ฉันจะชอบยุ่งกับใครก็ตาม ฉันก็ไม่เคยจะยุ่งกับผัวเพื่อน’

ปภาพินน์หน้าชา

‘แต่เอาเถอะ แกกอดผัวแกไว้ให้ได้ก็แล้วกัน เพราะเราสองคนไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว และฉันก็จะแสดงให้แกเห็นว่าแกจะเป็นได้แค่เมียหลวงที่มาทีหลังและได้แต่กอดใบทะเบียนพร้อมกับหยดน้ำตาทุกค่ำคืน ฉันขออวยพรให้เอาผัวให้อยู่นะยัยเพื่อนชั่ว สักวันฉันจะทวงผัวฉันคืน’

‘รตี!’

นั่นคือคำอวยพรในวันแต่งงานจากคนเคยเป็นเพื่อนรัก

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว