อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 290 ทิศทางกลุ่มพิชิตมังกร

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 290 ทิศทางกลุ่มพิชิตมังกร

ไม่นานนักดวงตะวันพลันคล้อยบ่าย... เสียงเคาะของค้อนไม้ที่ดังรัวขึ้น ถือเป็นสัญญาณการเริ่มงานประมูลในแสดงสินค้า เวทีกว้างที่ถูกยกสูงจากพื้นตรงหน้า มากพอจะทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมการประมูลในทุกระดับสามารถมองเห็นสินค้าที่นำออกมาแสดงได้อย่างชัดเจน...


หญิงสาวสวมชุดยาวสีแดงแต่งกายวาบหวิว เป็นจุดเด่นของผู้ที่มาคอยแนะนำสินค้า จนให้ทุกคนจดจ้องไปยังตัวนางไม่ละวางสายตา... ก่อนที่จะนำสินค้าออกมา นางจะเริ่มบรรยายคุณสมบัติ และราคาประมูลขั้นต่ำสุด หากแต่เรื่องของแหล่งที่มาจะถูกปิดเป็นความลับ ที่จะมีเพียงผู้ชนะการประมูลเท่านั้นที่จะได้รับรู้...


ก่อนหน้านี้ ซุน มีประสบการณ์มาแล้วเล็กน้อย ในโรงประมูลเล็ก ๆ ภายในย่านทิศเหนือ โดยมี หวู่หนาน เป็นผู้คอยแนะนำ จึงพอจะเข้าใจกฎกติกาในการเสนอราคาแม้จะอยู่เพียงลำพังเวลานี้ก็ตามที อีกทั้ง เฉินเล่อ เจ้าหน้าที่โรงประมูล ก็ยังคอยประกบข้างกายเพื่อแนะนำยุยงอีกระดับอีกด้วย...


“สินค้าชิ้นแรกของวันนี้ก็คือ ‘ดาบอาบหิมะ’ อาวุธอักขระชั้นเลิศ ระดับชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นปลาย พลังของดาบเล่มนี้ก็คือ......” หญิงสาวอธิบายเนิบช้าไม่เร่งร้อน มีรอยยิ้มประดับชวนหลงใหล


ไม่นานการแข่งขันประมูลที่ดุเดือดก็เกิดขึ้น ราคาในช่วงแรกถูกดีดขึ้นรัวเร็วจนแทบจะขานราคาไม่ทัน ก่อนจะเริ่มช้าลงตามลำดับเมื่อราคาแตะสูงขึ้นไป... ซุน ในเวลานี้แน่นอนว่าเขานั้นมิได้สนใจเรื่องของอาวุธเลยสักนิด เพราะเขาเองก็มีอาวุธประจำกายอยู่แล้ว


และแน่นอนว่าสินค้าโดยมากของงานประมูล ก็มักจะเป็นอาวุธเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยอาวุธระดับสูงนั้น ไม่เคยมีเพียงพอต่อความต้องการในยุทธภพ จึงมีการแข่งขันในเรื่องของราคาที่สูงมาก...


สินค้าเจ็ดชิ้นแรก เป็นอาวุธอักขระระดับสูงทั้งหมด... ชายหนุ่มหาวฟอดใหญ่ออกมาด้วยความเบื่อหน่าย แม้ว่า เฉินเล่อ จะพยายามคะยั้นคะยอสรรพคุณต่าง ๆ ของสินค้า แต่ถึงกระนั้น ซุน ก็มิใช่คนที่จะยอมซื้ออะไรง่าย ๆ หากเขาไม่ได้สนใจจริง ๆ อุปนิสัยของชายหนุ่มชื่นชอบที่จะหาเงิน มากกว่าการใช้เงิน...


จวบจนมาถึงสินค้าชิ้นที่แปด


“สินค้าชิ้นที่ 8 ถึงชิ้นที่ 12 ของเราในวันนี้ ล้วนเป็นสินค้าชนิดเดียวกันทั้งหมด ซึ่งมันก็คือเมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกา!! ต้นไม้ที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งชีวิต และหากปลูกจนได้อายุเกิน 300 ปีขึ้นไป ยังสามารถดูดซับลมปราณจากใต้พิภพดวงดาว เพื่อกระจายลมปราณบริสุทธิ์จำนวนเล็กน้อยออกมาในรัศมีรอบ ๆ ได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มพูนลมปราณให้กับผู้ฝึกยุทธ จัดว่าเป็นหนึ่งในพืชที่หายากที่สุดในดาวดวงนี้ก็ว่าได้...


สรรพคุณของเมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกานั้น มีอยู่มากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่ต้องการของเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญในวิถีแห่งโอสถทั้งหลาย น่าเสียดายที่มันหาได้ยากมาก แต่ละปีจะหลุดมาเพียงแค่ไม่กี่เมล็ดเท่านั้น


ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโชคดีของ โรงประมูลปีกมังกร ที่สามารถนำสินค้ามาได้ถึงห้าเมล็ดด้วยกัน!! และด้วยเหตุผลที่เมล็ดนี้เป็นที่ต้องการมาก ทั้งยังมีราคาสูง เราจึงแบ่งออกเป็นสินค้าทั้งหมดห้าชิ้น ไล่เรียงไปตั้งแต่ชิ้นที่ 8 จนถึงชิ้นที่ 12 ราคาเริ่มต้นประมูลของ เมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกาก็คือ หนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง!! ” ขณะที่หญิงสาวได้อธิบาย


เสียงของเหล่าผู้คนโดยรอบ ต่างก็ฮือฮาออกมายิ่งกว่าในตอนที่ประมูลอาวุธอักขระระดับสูงเสียอีก เพราะสิ่งนี้ถือเป็นวัตถุล้ำค่า ที่มีคนเคยกล่าวขวัญว่าสามารถสร้างเทพโอสถเพิ่มพูนอายุขัยได้ถึงสิบปี ยิ่งพอเป็นวัตถุเพิ่มอายุขัยเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่จะมีราคามหาศาลและเป็นที่ต้องการสูงสุดในบางกลุ่มคน เนื่องด้วยเวลาเป็นสิ่งเดียวที่เงินทองมิอาจซื้อได้...


ซุน จากที่กำลังเบื่อหน่าย ดวงตาก็เจิดจ้าขึ้นมาจนเบิกโพรง... “เมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกา หนึ่งในวัตถุดิบล้ำค่าในการหลอมศพระดับ 5” เป้าหมายของ ซุน แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ในโรงประมูล เขายังอายุน้อยเกินกว่าจะสนใจเรื่องอายุขัย แต่กำลังรบที่แข็งแกร่งต่างหากจึงจะล้ำค่าที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้...


เมื่อเปิดการประมูล ราคาของเมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกา ก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้ ขยับครั้งละ 10-50 ล้านเหรียญทองแทบจะตลอดเวลา เพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ก็ทะลุไปถึง 500 ล้านเหรียญทองเข้าไปแล้ว ก่อนจะเริ่มช้าลง...


“สหายชาวยุทธเฉิน... เมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกา มีราคาประมูลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?!” ซุน เอ่ยถามขึ้น


ดวงตาของ เฉินเล่อ เปล่งวาบทันที เมื่อมีสินค้าที่ชายหนุ่มเริ่มสนใจ “เรียนคุณชายเหยา... เมล็ดพันธุ์นี้แม้จะเป็นวัตถุล้ำค่าในตำรับยาเทพโอสถโบราณเพิ่มอายุขัย ทว่ามีผู้เชี่ยวชาญน้อยคนที่จะสามารถจัดการมันได้ อีกทั้งโอกาสในการปรุงโอสถสำเร็จยังมีเพียงแค่ราว ๆ 1 ใน 5 ส่วนเท่านั้น


ผู้มั่งคั่งจึงนิยมที่จะซื้อเทพโอสถที่ปรุงออกมาสำเร็จแล้วเสียมากกว่า ทำให้ราคาของเมล็ดพันธุ์อาจไม่สูงอย่างที่ร่ำลือกัน... สำหรับราคาเฉลี่ยของเมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกาจากการประมูลครั้งก่อน จะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านเหรียญทอง...”


ซุน เมื่อทราบราคา ก็อยู่ในระดับที่เขายอมรับได้ จึงยกมือขึ้นร่วมประมูลทันที ดีดราคาขึ้นมาอยู่ในค่าเฉลี่ยอย่างไม่รีรอ... “700 ล้านเหรียญทอง!”


เหล่าผู้ร่วมประมูลต่างหันมองเป็นตาเดียว เมื่อมีคนเสนอราคาที่ก้าวกระโดดเช่นนี้ และพอเห็นว่าคนผู้นั้นคือ เหยาซาน แขกผู้ทรงเกียรติที่กำลังโด่งดัง ก็ทำให้หลายคนตัดสินใจยอมแพ้ อย่างไรเสียเมล็ดพันธุ์ก็ยังเหลืออีกสี่เมล็ด


เมื่อไม่มีใครแย่งชิง จึงเกิดการนับเวลาถอยหลัง ก่อนที่ค้อนไม้จะทุบรัวเร็วเป็นสัญญาณของผู้ชนะประมูล... “ผู้ชนะและได้ไปเมล็ดพันธุ์ไปครอบครองก็คือ คุณชายเหยา จากสมาคมอสูรเดียวดาย ขอแสดงความยินดีด้วย...


ต่อไปเราจะเริ่มประมูลเมล็ดพันธุ์ต้นปราณโลกาชิ้นที่สองทันที ราคาเริ่มต้นยังคงเป็น...”


“700 ล้านเหรียญทอง!” ซุน ประกาศเปิดราคาอย่างก้าวกระโดด โดยไม่สนใจการแข่งขันดุเดือดในช่วงแรก ทำเอาทุกคนเบิกตากว้าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครกล้าท้าทายแย่งชิงกับเขา เพราะอย่างไรเสียทุกคนก็คิดว่ายังเหลืออีกถึงสามเมล็ด...


“700 ล้าน!!”


คราวนี้ทุกคนในโรงประมูลแน่ชัดแล้ว ว่าชายหนุ่มผมขาวนั้นต้องการเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดไปครอบครองเพียงคนเดียว!! ดังนั้นทำให้คนที่มีความต้องการมันเช่นกัน ถูกกระตุ้นกดดันจนตัดสินใจท้าทายด้วยความไม่ยินยอม


“710 ล้านเหรียญทอง!!”


ซุน ไม่แม้แต่จะหันไปมองคู่แข่ง ยกมือพรวดในพริบตา... “800 ล้าน!!”


สิ้นเสียงของชายหนุ่ม รอบด้านพลันเงียบงัน... ราคามันค่อนข้างจะขยับจากราคามาตรฐานขึ้นไปไกลโข เหรียญทองจำนวน 100 ล้านสำหรับ ซุน แม้จะดูน้อยนิด แต่สำหรับผู้อื่นนั้นถือว่ามากพอจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปได้หลายต่อหลายปี...


เมล็ดพันธุ์ชิ้นที่สี่ ซุน จบราคาที่ 900 ล้านเหรียญทอง!! เวลานี้หลายคนสูดลมหายดังเฮือก ๆ ติดต่อกันไม่หยุด “จะ...เจ้านั่นมันมีเงินทองมากมายเพียงใดกันแน่ ประมูลสินค้าไปกว่า 3,100 ล้านเหรียญทองแล้วนะ!!”


ในเมล็ดพันธุ์ชิ้นสุดท้าย เกิดการห้ำหั่นราคากันไปจนน่ากลัว แต่ท้ายที่สุดก็ถูก ซุน ปิดฉากโดยที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ในราคากว่า 1,100 ล้านเหรียญทอง ทำเอารอบด้านสะท้านสะเทือนไปตาม ๆ กัน มองเห็นถึงความมั่งคั่งและทุ่มเทที่ ซุน แสดงออกมา...


ซุน ไม่เสียดายเงินที่จ่ายไปเลยสักนิด อย่างไรเสียเงินทองพวกนั้นเขาก็ได้มันมาง่ายดายเกินไป จนทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตนเองเริ่มติดนิสัยเสียเรื่องการใช้เงินขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าอีกเหตุผลสำคัญที่เขายอมจ่ายเงินออกไปก็คือ... ซุน มีเป้าหมายที่จะเดินทางไปยัง เขตมหาสมุทรกิเลนอัสนี สถานที่แห่งนั้นอยู่นอกเขตยุทธภพ เขาจึงไม่มั่นใจว่าเงินทองมหาศาลที่ตนมีอยู่ขณะนี้จะสามารถใช้ประโยชน์ ณ ที่แห่งนั้นได้มากน้อยเพียงใด


หากเหรียญทองพวกนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นทรัพยากร ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้ มันก็ย่อมมีค่ามากกว่าเหรียญทองมหาศาลที่ถูกพกติดตัว แต่มิอาจนำออกมาใช้ปกป้องชีวิตยามเจอวิกฤตเป็นตายร้ายแรง...


“ยินดีด้วยคุณชายเหยา...” เฉินเล่อ เอ่ยปากชมไม่ขาด การที่เขาเป็นผู้ดูแลและคอยยุยงอีกฝ่ายให้ประมูลสินค้าไป แน่นอนว่าเขาย่อมได้ส่วนแบ่งบางส่วนจากหน้าที่นี้ด้วย มิต่างจากการเป็นนายหน้า... ซุน กระแอมไอเล็กน้อย พอถูกชมไม่ขาดเช่นนี้ ทำให้เขาเองก็แอบเกิดความลำพองใจอยู่ลึก ๆ เริ่มสนุกกับการใช้เงินทองโดยไม่ต้องคิดถึงราคาเช่นนี้


“ต่อไปจะเป็นสินค้าชิ้นที่ 13 ดอกบัวสี่ธาตุ...”


ซุน เมื่อเห็นว่าประเภทของสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธอักขระถูกหยิบออกมา โดยเฉพาะเมื่อสินค้านั้นเป็นวัตถุประเภทพืชหญ้า ที่เขานั้นสามารถใช้รัดเกล้าไม้ตรวจสอบนิมิตวงจรการเติบโตของมันได้(ตอนที่ 346) หากสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่าสมราคา เขาจะไม่ลังเลที่จะยกมือในทันที...


“500 ล้านเหรียญทอง”

“300 ล้านเหรียญทอง”

“1,000 ล้านเหรียญทอง”


ยิ่งสินค้าประมูลผ่านไปเรื่อย ๆ ขอเพียงสินค้านั้นไม่ใช่อาวุธ แทบจะเป็น ซุน ที่กวาดของเหล่านั้นเอามาทั้งหมด!! แม้บางอย่างจะเป็นทรัพยากรที่เขาไม่รู้จัก แต่ขอแค่เห็นว่ามันมีความพิเศษบางอย่าง ซึ่งมีโอกาสนำไปสร้างตำรับสุราใหม่ ๆ เขาก็จะคว้าทรัพยากรชิ้นนั้นมาทันที


ในตอนนี้เหล่าผู้ประมูลรอบด้านต่างก็หน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน เพราะชายหนุ่มหยิบจ่ายเงินไปแล้วเกือบหนึ่งหมื่นล้าน หากแต่ท่าทีในการเสนอราคาของเขา ยังกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความสนุกและความฮึกเหิมตื่นเต้น ประหนึ่งว่าเขาสามารถเสกเงินทองออกมาได้โดยไม่ต้องเสียดาย


ซุน อาจไม่ได้สังเกต แต่ในเวลานี้เขาได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งจากโถงชั้นแรก หรือแม้แต่เหล่าบรรดาแขกผู้ทรงเกียรติที่ระเบียงชั้นสอง...


“เหยาซาน มีเงินทองมากมายเพียงใดกันแน่นะ?! จริงอยู่ที่พืชหญ้าพวกนั้นจะเป็นของหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดการพืชหญ้าเหล่านั้นได้ง่าย ๆ ตกลงว่าเขาเพียงแค่ชื่นชอบการเสนอราคา หรือว่าเขาใจในพืชหญ้าเหล่านั้นจริง ๆ” ผู้นำนิกาย เจียงหนิงหลง ขมวดคิ้วมองดูด้วยความสับสน


หลายคนเห็น ซุน กวาดสินค้าไปมากมายก็มีไม่น้อยที่นึกหมั่นไส้ บางคนแสร้งปั้นราคาจนเกินจริงออกมา แต่สุดท้ายกลับถูก ซุน ตลบหลังไม่สู้ราคาไปเสียดื้อ ๆ ทำเอาคนผู้นั้นแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด


ในตอนนี้หากสินค้ามิใช่อาวุธอักขระ ทุกสายตาจะมองไปยัง ซุน ก่อนเป็นคนแรก หากเขานั้นมีทีท่าว่าต้องการสิ่งใด ก็จะไม่มีใครกล้าไปประมูลแก่งแยงกับเขา ทำได้เพียงยอมจำนนและคาดหวังให้เงินทุนของ ซุน หมดลงเร็ว ๆ แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปก็ยังแทบมองไม่เห็นแสงจากปลายอุโมงค์ ที่ราวกับมีเงินทองเป็นหลุมดำไร้ก้น...


จวบจนกระทั่ง เจ้าหน้าที่นำนกกระเรียนขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมาบนเวทีด้านบน ตัวของมันมีขนสีขาวนวล ปลายปีกและหางนั้นมีขนสีฟ้าแซมเด่นชัด ท่าทีงามสง่าน่าหลงใหล ยิ่งพอได้มายืนคู่กับสาวงามบนเวทีแล้ว ยิ่งทำให้วิหคตนนี้น่าดูชมไปอีกระดับ...


“ต่อไปจะเป็นสินค้าลำดับที่ 19 สัตว์อสูรวิหคพาหนะที่แสนงดงาม นกกระเรียนขนฟ้า ถือเป็นสัตว์อสูรชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นกลาง นอกจากจะหาได้ยากแล้ว มันยังมีความแข็งแกร่งในพลังรบอีกด้วย สามารถต่อกรกับยอดฝีมือชนชั้นลมปราณสีเหลืองได้โดยไม่ยากเย็น จะงอกปากและขาสองข้าง เป็นดังอาวุธร้าย ท่วงท่าการโจมตียังสง่างามเฉกเช่นตัวของกระเรียนเอง... ราคาเริ่มต้นก็คือ 500 ล้านเหรียญทอง...”


ซุน พอได้มาเห็นวิหคตนนี้เข้าจริง ๆ เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง อดที่จะนึกภาพตนเองตอนยืนอยู่บนแผ่นหลังของ กระเรียนขนฟ้า ยามสยายปีกไม่ได้... จินตนาการคาดเดาได้ว่าคงเป็นความสง่างามที่แตกต่างไปจาก มังกรอัสนีม่วง จื่อซีอี้ ที่ดูมีความน่าเกรงขาม...


เขายืนพรวดขึ้นก่อนจะเอ่ยปากออกไปอย่างไม่ต้องคิด...

3,000 ล้านเหรียญทอง!!


………………………………….

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว