อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 253 อสรพิษเกล็ดสีทอง

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 253 อสรพิษเกล็ดสีทอง

เหยาหมิง เมื่อรับรู้ความจริง ว่า ซุน ก็ลงมือกับเผ่าอสรพิษทะเลสาหัสสากรรจ์ไม่น้อย ถึงขั้นสังหารทายาทของ จ้าวอสรพิษทะเล แน่นอนว่าหากสถานการณ์สลับกัน ก็ไม่แปลกที่ เหยาหมิง จะเคียดแค้นชิงชังผู้ที่สังหารบุตรชาย...

อีกทั้งตัวของ ซุน เอง แม้จะบาดเจ็บหนักแต่ก็มิได้ถึงตาย หลังจาก เหยาหมิง ส่งพลังลมปราณและพลังชีวิตช่วยกระตุ้นเสริมส่ง ผนวกกับการใช้สุราฟื้นฟูและศักยภาพร่างกายอันน่าทึ่ง ก็ทำให้เวลานี้ ซุน สามารถกลับมายืนหยัดบนผิวน้ำได้มั่นคงอีกครั้ง

ในฐานะบิดา เหยาหมิง ย่อมแค้นใจที่บุตรชายถูกจับและถูกทำร้าย... แต่หากเป็นในฐานะคนกลางอย่างยุติธรรม ก็ยากจะกล่าวว่า ซุน เป็นฝ่ายถูกต้อง จากเหตุผลที่ลงมือหนักหน่วงเกินไป... จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจอยู่ไม่น้อย แต่ต้องแสร้งเป็นว่าเคร่งขรึมจริงจัง ผ่านสีหน้าและแววตา...

“บุตรชายข้า มิได้มีนิสัยชอบรังแกผู้ใดก่อน เว้นเสียแต่จะเป็นฝ่ายถูกรังแก จนบีบบังคับให้ต้องตอบโต้... ข้าเสียใจด้วยกับการสูญเสียทายาทของเจ้า แต่เรื่องทั้งหมดมันจะไม่เกิดขึ้นมาเลย หากว่าพวกเจ้าไม่ลักพาตัวบุตรชายข้า ลงไปในอาณาจักรอสรพิษทะเลตั้งแต่แรก

ดังนั้นข้าจะไม่ถือสาเอาความ เรื่องที่เจ้าผิดคำมั่นทำร้ายมนุษย์... แต่จงกลับลงไปยังอาณาจักรใต้ทะเลของพวกเจ้า และอย่าให้เผ่าอสรพิษทะเลของพวกเจ้าขึ้นมาระรานมนุษย์บนชายฝั่งอีก ไม่เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม!!” เหยาหมิง แค่นเสียงพลางแผ่รัศมีพลังออกมาข่มขู่

จ้าวอสรพิษทะเล แม้ใจจะอยากเถียงโต้แย้ง เพราะตนนั้นสูญเสียทายาทที่สำคัญ แต่อีกฝ่ายกลับชดใช้เพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้น ทว่าพอหันไปเจอดวงตาที่เขม็งมองของ เหยาหมิง และร่างจำแลงทองคำขนาดใหญ่ที่สูงตระหง่าน ก็ทำเอา จ้าวอสรพิษทะเล จิตใจร่วงหล่นไปถึงปลายหาง หมดสิ้นคำพูดใด ๆ อีกต่อไป พยักหน้าตอบรับระรัวราวกับไก่จิก...

ความขาดเขลาของ จ้าวอสรพิษทะเล มีสาเหตุมาจากการพ่ายแพ้ เหยาหมิง เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้า เหยาหมิง ความห้าวหาญและศักดิ์ศรีทั้งหมดของมันก็ล้วนมลายสิ้น มองดูแล้วน่าเวทนามากกว่าที่อสรพิษทะเลหลายตนคาดไว้...

ราชินีอสรพิษทะเล เผยแววตาดูแคลนจ้าวอสรพิษทะเลออกมาอย่างแจ่มชัด... นางนั้นมิได้อยู่กับกิน จ้าวอสรพิษทะเล เพราะความรักใคร่หรือปักใจ หากแต่นางนั้นมีนิสัยทะเยอทะยานและแสวงหาอำนาจเสียมากกว่า

นางจึงอาศัยสายเลือดเกล็ดมรกตแท้จริง ที่มีเพียงส่วนน้อยในเผ่าอสรพิษทะเลและทายาทตนแรกที่เกิดจากนาง ทำการเหยียบย่ำอสรพิษทะเลที่เป็นสนมตนอื่น ๆ คอยใส่ร้ายป้ายสีให้ถูกพวกสนมเหล่านั้นถูกลงโทษ จนนางไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งราชินีได้สำเร็จ และกลายเป็นขั้วอำนาจที่ครอบงำเผ่าอสรพิษทะเลอยู่เบื้องหลังเรื่องต่าง ๆ ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา...

“ทำไมมนุษย์นั่นไม่สังหาร จ้าวอสรพิษทะเล ให้ตาย ๆ ไปเสียเลย...” นางอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดกับตนเอง หากมิใช่เพราะจ้าวอสรพิษทะเลนั้นแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร เป็นถึงสัตว์อสูรชนชั้นลมปราณสีส้ม นางคงวางแผนเล่นงานจ้าวอสรพิษทะเลเพื่อยึดกุมอำนาจไปนานแล้ว...

สถานการณ์คล้ายจะจบลงที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น... แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ซุน ที่เพิ่งจะฟื้นฟูร่างกายได้เพียงแค่ส่วนเดียว ก็มองเห็นดวงวิญญาณของ เฒ่าชีเปลือย ที่ค่อย ๆ ลอยต่ำลงมาจากท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมมืดดำ...

“ตอนข้ากำลังลำบาก เจ้าก็หายหัวไปเลยนะ... กว่าเจ้าจะมาท่านพ่อบุญธรรมข้า ก็จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว...” ซุน เอ่ยออกไปคล้ายเป็นเชิงตำหนิ ที่เฒ่าชีเปลือยไม่อยู่ยามที่ตนต้องพบเจอวิกฤต

หากแต่ เฒ่าชีเปลือย คล้ายว่าจะไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย เพ่งมองไปยังท้องฟ้าในทิศทางหนึ่ง...
“หุบปากน่า... ก็เพราะเจ้ากำลังพบเจอความยากลำบากนี่แหละ ข้าถึงต้องรีบกลับมาที่นี่!!”

ซุน ขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมา...
“หมายความว่ายังไง?!”

“อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง... สิ่งนั้นกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว...”

วาจาอันแฝงไว้ด้วยเลศนัยของ เฒ่าชีเปลือย มันทำให้ ซุน ขนลุกชูชันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ รู้ดีว่านี่มิใช่เรื่องล้อเล่นอีกแล้ว จึงสะกิดบอกกับ เหยาหมิง เป็นการเร่งด่วน... “ท่านพ่อบุญธรรม รีบไปจากที่นี่กันเถอะ!!”

เหยาหมิง เอียงคอฉงนเล็กน้อย...
“มีอะไรงั้นหรือ?!”

ยังไม่ทันที่ ซุน จะเอ่ยปากออกมา... ชั้นบรรยากาศโดยรอบก็พลันเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ลมทะเลล้วนนิ่งสงบ หากแต่ผิวน้ำกลับมีระลอกคลื่นที่ขยายตัวอย่างน่าตกใจ... ท้องฟ้าเบื้องบนไร้หมู่เมฆ แต่กลับถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอร่าม และในชั่วเวลานั้น ซุน ได้มองเห็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ที่เลื้อยตรงเข้ามาบนห้วงนภาอากาศ...

“นะ...นั่นมัน มังกรทอง งั้นหรือ?!” ซุน หลุดปากออกไปพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง...

“นั่นไม่ใช่มังกร... จงมองดูให้ดี ๆ” เฒ่าชีเปลือย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

เมื่อ ซุน พิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนจะเลื้อยไปมาบนท้องฟ้านั้น แท้จริงแล้วมันคือ อสรพิษขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองอร่าม รัศมีพลังที่ขยายออกมานั้น เจิดจรัสราวกับเป็นดวงตะวันดวงที่สอง...

ดวงตาของ จ้าวอสรพิษทะเล เบิกโพลงยิ่งกว่าตอนเจอ เหยาหมิง!!
“ทะ...ท่านจักรพรรดิแห่งอสรพิษ!!”

เหยาหมิง ในเวลานี้ก็สัมผัสได้ถึงวิกฤตบางอย่างเช่นกัน... เมื่อมองไปยังอสรพิษเกล็ดสีทองตนนั้น ก็ไม่เห็นถึงขอบเขตสูงสุดในพลังปราณอันมหาศาลนั้นได้เลย... แต่สิ่งที่ทำให้ เหยาหมิง รู้สึกหวาดหวั่นมากยิ่งกว่า ก็คือเรื่องที่บางอย่างในร่างกายตนเองนั้น พยายามเคารพนอบน้อมต่ออสรพิษตนนี้

ร่างจำแลงแห่งเซียนทองคำที่ห้าวหาญของ เหยาหมิง ยังย่อตัวคุกเข่าก้มหน้าลง ประหนึ่งว่ากำลังทำความเคารพต่อผู้เป็นนาย ทั้งที่ร่างจำแลงเซียนทองคำตนนี้ เกิดจากพื้นฐานของเคล็ดวิชาที่ผสานเข้ากับลมปราณชนชั้นจักรพรรดิ สมควรจะเคลื่อนไหวตามความนึกคิดของ เหยาหมิง เพียงผู้เดียว ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด

“ทำไมกัน... ทำให้ข้าถึงรู้สึกเช่นนี้...” เหยาหมิง เต็มไปด้วยความสับสนในจิตใจอย่างไร้ซึ่งคำอธิบาย จนเลือกที่จะสลายร่างจำแลงดังกล่าวทิ้งไป เพื่อใคร่ครวญความสับสนของตนเอง...

“อุ วะ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหัวเราะที่กังวานราวกับเสียงฟ้าร้อง ได้สั่นคลอนจิตใจไปจนถึงจิตวิญญาณของทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรทะเลทุกผู้ทุกตนเบื้องล่าง... พลังอำนาจที่มากพอจะสยบฟ้าสะท้านมหาสมุทร แผ่ขยายกว้างใหญ่ไพศาล

อสรพิษเกล็ดสีทองตนดังกล่าว พุ่งผ่านห้วงนภาอากาศ ความเร็วนั้นมากพอจะทำให้เกิดการฉีกขาดของชั้นบรรยากาศทั้งหมด พริบตาเดียวเรือนกายมหึมานั้นก็ลอยเหนือศีรษะของทุกผู้ทุกคนบนมหาสมุทรเสรี ส่งแรงกดดันที่แม้แต่จะสูดลมหายใจก็ยังทำไม่ได้...

ดวงตาสีทองที่กวาดมองลงมานั้น เสมือนดวงตาของสวรรค์ที่จับจ้องโลกา รัศมีพลังชนชั้นจักรพรรดิของ เหยาหมิง จากที่เคยยิ่งใหญ่ไร้ผู้ต่อต้านในสมรภูมิ บัดนี้ราวกับเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยที่พยายามเปรียบเทียบกับดวงตะวัน...

ซุน นั้นยืนแน่นิ่ง... ความรู้สึกที่รับรู้ได้จากอสรพิษขนาดใหญ่ตรงหน้านี้ แทบไม่ต่างอะไรกับตอนที่ ซุน ยืนเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณทั้ง 8 ของแมวหลากสีบนยอดหอคอย...

เรือนกายสีทองอร่ามขนาดมหึมา ซุน ยังสัมผัสได้ชัดเจน ว่านี่มิใช่ร่างกายที่แท้จริง แต่เป็นเพียงร่างที่จิตวิญญาณอันทรงพลัง ได้สร้างจำแลงขึ้นมาเท่านั้น... และแน่นอนว่าการจะมีจิตวิญญาณที่ทรงพลังได้ถึงระดับนี้ ย่อมแปลว่าร่างกายแท้จริงของอสรพิษเกล็ดสีทองตนนี้ คงเป็นถึงสัตว์อสูรระดับชนชั้นสีรุ้งในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย...

ซุน เข้าใจได้โดยไม่ต้องการคำอธิบาย ว่าอสรพิษเกล็ดสีทอง ก็คือ ‘ท่านผู้นั้น’ ที่ จ้าวอสรพิษทะเล และเผ่าอสรพิษทะเลทั้งหมดหวาดกลัว และยอมเป็นเบื้องล่างเพื่อรับใช้ในทุกความปรารถนาและคำสั่งของอสรพิษตนนี้

บรรยากาศที่เงียบงัน เกิดขึ้นได้ไม่นาน...

จ้าวอสรพิษทะเล เห็นโอกาสสำคัญที่จะได้แก้แค้นแทนทายาทที่ตาย จึงเลื้อยไปบนผิวน้ำและหยุดลงเบื้องหน้าของ อสรพิษเกล็ดสีทอง... “ทะ...ท่านจักรพรรดิแห่งอสรพิษทั้งปวง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งใต้หล้า ฟ้ามิอาจสูงเทียบ ดินมิสมควรให้แตะต้อง ความสง่างามของท่านมากมายพอจะทำให้ตะวันและจันทราเศร้าหมอง...”

อสรพิษเกล็ดสีทองได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างเล็กน้อย พลางพยักหน้าเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม... “พูดดี... พูดดี... นับว่าเจ้ามีสายตาที่เฉียบคม พอจะเป็นลูกสมุนของข้าได้ ว่าต่อไปสิ...”

อากัปกิริยาของ อสรพิษเกล็ดสีทอง คล้ายเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มยามเมื่อถูกเยินยอ อีกทั้งยังส่งสายตาให้กำลังใจ จ้าวอสรพิษทะเล กล่าวต่อไป... จ้าวอสรพิษทะเล กลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนจะรีดเค้นสมองน้อย ๆ ของมัน ขุดคุ้ยหาคำพูดสรรเสริญราวกับพบเจอเทพเซียนแท้จริงไม่ขาดปาก

อสรพิษเกล็ดสีทอง จากที่มีรอยยิ้ม เริ่มกลายเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ ปลายหางกระดิกไปมาเบา ๆ ราวกับเก็บอาการไว้ไม่อยู่... ทำเอา ซุน ถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้น นึกภาพไม่ออกเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่ตนใดจะบ้าการยกยอถึงเพียงนั้น รู้สึกไม่แน่ชัดว่าสายตาตนนั้นฝ้าฟางรูหูอุดตันเกินไปหรือไม่ จนต้องขยี้ตาพร้อมแหย่นิ้วเการูหูอยู่หลายที...

เมื่อ จ้าวอสรพิษทะเล เห็นว่า อสรพิษเกล็ดสีทอง กำลังเคลิบเคลิ้มได้ที่แล้ว ก็พุ่งเข้าใจความสำคัญอย่างหลักแหลม... “ท่านจักรพรรดิแห่งอสรพิษ ก่อนท่านจะมาถึงที่นี่ อสรพิษตัวน้อยที่จงรักภักดีของท่านผู้นี้ ได้ถูกมนุษย์รังแกและเอาเปรียบ นอกจากมนุษย์สองคนพ่อลูกนี้จะสังหารทายาทเพียงหนึ่งเดียวของผู้น้อยแล้ว ยังข่มขู่ว่าจะกวาดล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเรา เผ่าพันธุ์แสนอ่อนแอ ที่ท่านเคยมีเมตตาให้ความช่วยเหลือ

แบบนี้มิเท่ากับพยายามพวกมนุษย์พยายามเปรียบวัดบารมีอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของท่านหรอกหรือ?!” จ้าวอสรพิษทะเล กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด ทั้งยังแฝงไว้ด้วยทักษะการแสดงชั้นเลิศ หากไม่รู้มาก่อนว่ามันเป็นอสรพิษทะเล ฟังเพียงคำพูดยังคิดได้ว่าหลุดออกมาจากเวทีนักแสดง...

อสรพิษเกล็ดสีทอง เขม็งตาแข็งขึ้นโดยพลัน...
“อะไรนะ!! กล้าถึงเพียงนั้นเชียว!!”

เหยาหมิง ถึงกับใบหน้าขาวซีด... สัมผัสได้ถึงวิกฤตขึ้นมาในบัดดล ใจคิดเจ็บแค้นยิ่งนัก ที่เมื่อครู่ยอมใจอ่อนปล่อยให้ จ้าวอสรพิษทะเล หลุดจากเงื้อมมือ ไม่คิดเลยว่าเมื่อสบโอกาส จ้าวอสรพิษทะเล จะมิต่างจาก งูเห่าที่แว้งกัดชาวนา...

อสรพิษเกล็ดสีทอง จดจ้องมายัง เหยาหมิง เล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะค่อย ๆ หดแคบลงเรื่อย ๆ อีกทั้งยังเอียงคอไปมาอยู่หลายครั้งหลายครา เผยความสงสัยในเรื่องบางอย่าง... เหยาหมิง จิตใจหวั่นไหวสะท้านสะเทือน ปลายนิ้วเฉียบเย็นถึงขีดสุด ไหนเลยที่จะมองไม่ออกว่าตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ อสรพิษเกล็ดสีทองตนนี้แม้แต่น้อย...

………………………………………

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว