อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 258 อสรพิษน้อย

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 258 อสรพิษน้อย

อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ดิ้นพร่านทุรนทุราย... ซุน ที่บาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่อาจทนต่อการดิ้นรนของสัตว์อสูรทะเลขนาดใหญ่ตนนี้ได้นานนัก อีกทั้งไม่ไกลออกไปเบื้องล่างใต้ทะเล ซุน ก็เริ่มมองเห็นอสรพิษทะเลระดับสูงตนอื่น ๆ ที่ติดตามเข้ามา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเหยียบไปที่ศีรษะของอสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ใช้เป็นจุดหยั่งเท้าดีดตัวเพิ่มความเร็วในการพวยพุ่งขึ้นด้านบน

“อากาศ!! ข้าต้องการอากาศ!!” ซุน บาดเจ็บและยังไม่อาจโคจรลมปราณได้ จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทุกข์ทรมาน กระเสือกกระสนดิ่งทะยานขึ้นไปผิวน้ำด้วยทุกอย่างที่มี วิกฤตรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อร่างกายของ ซุน อย่างมาก จนเวลานี้สติของ ซุน เริ่มจะพร่าเลือนไปแล้ว ถูกดึงไปสู่ภวังค์กึ่งหมดสติ มองเห็นรอบด้านราวกับภาพความฝันที่ขมุกขมัว...

ดวงตาของ ซุน ในเวลานี้แดงฉานจนแทบไม่เห็นตาขาว เส้นโลหิตทั่วทั้งร่างปูดบวมจนน่ากลัว สัมผัสได้ถึงความอันตรายอย่างถึงที่สุดต่อการดำรงอยู่ของชีวิต วิกฤตการณ์เหล่านั้นได้ไปกระตุ้นให้พลังแฝงทั้งหมดถูกรีดเค้นออกมา

รอยสักอักขระอาคมต่าง ๆ หมุนวนไปทั่วร่าง... แม้แต่รอยสักดอกบัวสวรรค์ประตูปิดผนึก ที่ด้านหลังก็ยังเปล่งแสงเจิดจรัส ราวกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในรอยสักนั้น พยายามที่จะส่งพลังช่วยเหลือออกมาให้กับ ซุน...

จากเงาร่างของนาคามณีมรกตที่สถิตร่าง เริ่มเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเงาร่างของราชันย์พยัคฆ์ที่ทับซ้อนจากอำนาจของร่างสถิต... และเมื่อความดิ้นรนมีมากขึ้น จิตวิญญาณและร่างกายก็ราวกับการระเบิดพลังแฝงขึ้นอีกระลอก จากเงาร่างของราชันย์พยัคฆ์ ก็ได้พร่าเลือนลงและถูกทับซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง...

เผยให้เห็นถึงเงาร่างของพญามังกรขนาดใหญ่!! ที่ปกคลุมเรือนกายของชายหนุ่ม แหวกว่ายทะยานขึ้นด้านบน จนราวกับมวลน้ำในมหาสมุทรกำลังถูกแบ่งแยกเปิดทาง!! แม้ ซุน ในเวลานี้สติสัมปชัญญะจะติดอยู่ในห้วงภวังค์อันพร่าเลือน แต่ความเร็วของ ซุน กลับเพิ่มพูนมากขึ้นในชั่วพริบตาจากสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด จนราวกับเป็นแสงตะวันที่สาดส่องจากใต้ทะเลขึ้นไปสู่เบื้องบน...

ผิวน้ำของมหาสมุทรเสรีจากที่เคยนิ่งสงบมีเพียงระลอกคลื่นเบา ๆ ประปลาย เวลานี้ราวกับเกิดน้ำวนขนาดใหญ่ใจกลางมหาสมุทร แม้แต่ท้องฟ้าและหมู่เมฆยังตอบสนองต่อปฏิกิริยาจนเกิดวังวนขึ้นมาเช่นกัน ฟ้าดินคล้ายกำลังแสดงแสนยานุภาพแห่งธรรมชาติ เพื่อต่อต้านพลังอำนาจบางอย่างที่พยายามจะแทรกแซงกฎเกณฑ์

จวบจนกระทั่งมีเงาร่างขนาดใหญ่มังกรบินจากใต้มหาสมุทรทะยานไปสู่ท้องฟ้า ภาพเงาร่างมายาแห่งมังกรที่ปรากฏ สามารถมองเห็นออกไปได้ไกลหลายร้อยหลายพันลี้ เกิดคลื่นลมบ้าคลั่งซัดตลบไปมากระจายออกไปรอบทิศทาง

“!!!!!!!!!!!” เหยาหมิง ที่กำลังออกตามหาร่องรอย สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน จึงมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางดังกล่าวในทันที... ยังดีที่ในช่วงเวลานี้ ทางการได้ประกาศว่ามหาสมุทรฝั่งทิศตะวันตกเป็นเขตอันตราย จึงไม่มีมนุษย์ในใดนอกเหนือจาก เหยาหมิง พบเห็นเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้

เมื่อเงาร่างมายาของมังกรทะยานขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะสลายตัวสร้างคลื่นพลังผลักดันหมู่เมฆบนท้องฟ้าที่หมุนวนปกคลุมให้กระจายออกไป เปลี่ยนท้องฟ้าและมหาสมุทรให้กลับคืนสู่สภาวะปกติเฉกเช่นก่อนหน้านี้

ร่างของ ซุน ที่สติสัมปชัญญะสูญเสียไปชั่วขณะ หลงเหลือแค่เพียงสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด ก็โผล่ออกมาใต้ทะเล หลังจากที่เงาร่างมังกรผู้นำทางเลือนหายไป... อากาศก้อนแรกที่ถูกสูดเข้าไปในปอด ได้ระเบิดพลังสูบฉีดโลหิตกระตุ้นร่างกายทั้งหมด พร้อมทั้งดึงสติสัมปชัญญะของ ซุน ให้กลับคืนมาด้วยเช่นกัน...

เมื่อก้าวผ่านเส้นความเป็นความตาย ก็ได้ระเบิดลมปราณระลอกหนึ่งออกมาอย่างแรงกล้า ปราณสายลมกลับมาหมุนวนรอบด้านอีกครั้งราวกับเป็นพายุโอบล้อม ช่วงวิกฤตที่สามารถก้าวผ่านสำเร็จ ได้ผลักดันขอบเขตสูงสุดของชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 4 ให้ฝ่าทะลุขั้นขึ้นไปอีกระดับ...

“บรรลุชนชั้นลมปราณสีเหลือง ขั้นที่ 5”

ซุน รู้สึกราวกับหลุดออกมาจากบ่วงพันธนาการทั้งปวง ร่างกายเบาหวิวราวขนนกและสัมผัสได้ว่าสามารถรีดเค้นพลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่อยู่ในดินแดนใต้ทะเล... ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่เวลานี้กลับมากระจ่างแจ้งอีกครั้ง...

“ไม่คิดเลยว่า การได้หายใจผ่านปอด และถูกแสงแดดกระทบหน้า จะมีความสุขถึงเพียงนี้...”

ยังไม่ทันที่ ซุน จะซึมซับความรู้สึกที่ปลอดโปร่งได้ยาวนานนัก เสียงตูมตามจากผิวน้ำทะเลโดยรอบก็ได้ระเบิดขึ้น เผยให้เห็นกองกำลังเผ่าอสรพิษทะเลระดับสูงหลายสิบตนโผล่ออกมาจากใต้ทะเล และแน่นอนว่ารวมไปถึง อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ที่ดวงตาและใบหน้าอาบท่วมไปด้วยโลหิต ไอสังหารและเพลิงโทสะรุนแรงอย่างถึงที่สุด กระบี่ดำราชวงศ์ในเวลานี้ยังปักอยู่ที่หางของมันด้วยซ้ำ

ซุน หันมองกลับไปด้วยใบหน้าเย็นชา แต่เวลานี้ ซุน เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เมื่อมิได้อยู่ใต้ทะเล แม้ว่ารอบด้านจะยังเต็มไปด้วยผิวน้ำมหาสมุทรที่กว้างสุดลูกหูลูกตา มองไม่เห็นแผ่นดินจากทิศทางใดแม้แต่นิดเดียว... หากแต่การได้สูดอาการบริสุทธิ์และขับขานพรแห่งร่างสถิตราชันย์พยัคฆ์ขาวได้อย่างเต็มที ต่อให้จะเอาชนะไม่ได้ แต่ ซุน ก็มั่นใจว่ายังมีหนทางรอดอีกมากมายให้กับตนเอง...

ซุน ตวัดปลายนิ้วเบา ๆ กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งศาสตรา กระบี่ดำราชวงศ์และกระบี่ทองไร้เอกลักษณ์ ก็ถูกฉุดดึงให้กลับเข้ามาในมือ เปล่งรังสีศาสตราแห่งกระบี่อันแก่กล้า เผชิญหน้าอสรพิษทะเลระดับสูงรอบด้าน...

“ฆ่ามันให้ได้!!”

สิ้นเสียงคำสั่งของ อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง เหล่าทหารอสรพิษทะเลระดับสูง ต่างก็แสดงแสนยานุภาพประหนึ่งน้ำทะเลจะเดือดพล่าน แม้ว่าจะเป็นบนผิวน้ำแต่อสรพิษขนาดมหึมาเหล่านี้ก็ยังมีท่าร่างที่รวดเร็วอย่างยิ่ง เลื้อยหมุนวนรอบ ๆ ตัวซุน จนสร้างเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ เป็นกลยุทธพื้นฐานของอสรพิษทะเล ยามเผชิญหน้ากับมนุษย์บนผิวน้ำ

ซุน แม้อาศัยการโคจรลมปราณเหยียบบนผิวน้ำได้มั่นคงก็จริง แต่เมื่อเกิดน้ำวนขึ้นมา ก็ยากที่จะรักษาสมดุล ดังนั้นจึงไม่อาจนิ่งเฉยเฝ้ารอความตาย กวัดแกว่งกระบี่คู่ในมือ เกิดเป็นเงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเข้าโจมตีอสรพิษทะเลเหล่านั้น...

ตูม! ตูม! ตูม!

ดวงตาของ ซุน เจิดจ้าไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ถลาตัวตรงเข้าหาอสรพิษทะเลตัวแล้วตัวเล่า เกล็ดด้านหลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก แม้ว่า ซุน จะไม่อาจสังหาร แต่ก็ยังพอสร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้บนเรือนกาย

ซุน ใช้การโดดเหยียบบนร่างอสรพิษทะเล จากอีกตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งสลับไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อเลี่ยงหลบการโจมตี ขนาดตัวของ ซุน แม้จะเล็กกว่าสัตว์อสูรเหล่านี้ แต่ในด้านความเร็วและความคล่องตัวบนผิวน้ำนั้น กลับเหนือล้ำกว่าอย่างมิอาจเปรียบเทียบ

เหล่าอสรพิษทะเลถูกล่อลวงให้สับสนจนเข้ามาโจมตีกันเองอยู่บ่อยครั้ง จากการกระโดดไปมาไม่แน่นิ่งของ ซุน เกิดเป็นความโกลาหลวุ่นวายในสมรภูมิ โดยที่ ซุน ยังคงหาโอกาสฟาดฟันกระบี่อย่างต่อเนื่อง บางครั้งยังหยิบเอาศาสตราชิ้นอื่น ๆ มาสลับเล่นงาน รีดเค้นทักษะนานัปการที่มีแสดงออกมา...

กำไรซ่อนมรณา ยิงกระสุนปราณที่มองไม่เห็น ทำลายดวงตาของทหารอสรพิษทะเลไปอีกหลายต่อหลายตัว... ภายใต้วิกฤตและการเผชิญหน้ากับอันตรายรอบด้าน น่าแปลกใจที่ ซุน สามารถประคองสมาธิได้มั่นคงยิ่งกว่าสถานการณ์ปกติเสียอีก ราวกับว่าประสบการณ์ของชายหนุ่มได้สั่งสมมาจนถึงระดับที่ควรค่าแก่การเป็นชนชั้นยอดฝีมือ

การต่อสู้ครั้งนี้ แม้มิได้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเฉกเช่นการต่อสู้ของยอดฝีมือชนชั้นราชันย์และชนชั้นจักรพรรดิ หากแต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่ามากพอจะเป็นภัยพิบัติของคลื่นลมและมหาสมุทรที่ปรวนแปรแผ่ขยาย สัตว์ทะเลมากมายในรัศมีหลายร้อยลี้ ต่างก็หลีกหนีแตกฮือด้วยความหวาดกลัว

แม้สภาพการณ์จะเหมือนว่า ซุน ยังได้เปรียบ แต่แท้จริงแล้วในทุกการเคลื่อนไหวล้วนแขวนชีวิตอยู่บนเส้นด้าย อสรพิษทะเลเหล่านี้สามารถปลดปล่อยทักษะ สร้างคลื่นน้ำที่ก่อตัวเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ เมื่อปะทะเข้ากับปราณสายลมที่ก่อตัวเป็นพายุหักล้างของ ซุน จึงราวกับสมรภูมิส่วนนี้กลายเป็นพายุฝนใจกลางมหาสมุทรที่บ้าคลั่ง...

ซุน บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังฝืนต่อสู้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดถอยหนี โลหิตของเหล่าอสรพิษทะเลสาดกระเซ็นจนแทบจะย้อมผิวน้ำทะเลในละแวกนี้... สีหน้าของชายหนุ่มมืดคล้ำลงเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวหลบเลี่ยง ก็ราวกับมีความอันตรายที่ฉิวเฉียวยิ่งขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ...

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?! รู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้งกว่าเดิม ปลายนิ้วและร่างกายบางส่วนก็รู้สึกด้านชาไร้ความรู้สึก...” ซุน กล่าวกับตนเองด้วยความสับสน สมาธิเริ่มจะสูญเสียความมั่นคงและสมดุล จนในที่สุดการเคลื่อนไหวก็เกิดช่องโหว่ ทำให้มีปลายหางของอสรพิษตนหนึ่ง พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ ยังตำแหน่งที่ ซุน แตะย่างวางเท้า...

แม้ว่า ซุน จะสามารถอ่านกระแสลมปราณ จนฟาดฟันกระบี่สวนกลับไปได้ แต่ปลายหางนั้นก็กระแทกเข้าไปที่ร่างของ ซุน ได้เช่นกัน... บาดแผลเดิมจากกระดูกซี่โครงที่หัก ยามนี้จึงทิ่มแทงปอดและอวัยวะภายใน จนทำให้ชายหนุ่มสำลักโลหิตคำโต...

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! สุดท้ายเจ้ามันก็เป็นแค่มนุษย์!!” ที่แท้ปลายหางของอสรพิษตนนั้น ก็คืออสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ที่คอยจังหวะลอบโจมตี... เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายราวกับสะใจยิ่งที่สามารถเล่นงาน ซุน ราวกับเป็นปลาน้อยในถ้ำตื้น...

ซุน ดวงตาแดงก่ำแม้อยากจะลงมือสวนกลับ แต่ก็จำต้องร่นถอยออกมา... รู้สึกถึงร่างกายที่เจ็บปวดมากยิ่งไปกว่า เดิมราวกับจะมวลกล้ามเนื้อจะถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆ ไม่นานห้วงความทรงจำของ ซุน ก็ย้อนนึกออก ว่าตนเองเคยมีอาการเช่นนี้มาแล้วในอดีต...

“ไม่ผิดแน่!! ข้ากำลังถูกพิษเล่นงาน!!” ซุน เบิกตากว้างขึ้นประจักษ์แจ้ง การเคลื่อนไหวที่ผิดแผกไปในช่วงหลัง ล้วนเกิดจากพิษในอากาศที่คละคลุ้งผ่านโลหิตที่สาดกระเซ็นของเหล่าอสรพิษทะเล อีกทั้ง ซุน ยังเคยถูกพิษลักษณะเช่นนี้มาก่อน(ตอนที่ 11)

หากแต่ตัวของเด็กหนุ่มที่ไร้พื้นฐานลมปราณในอดีตที่เคยเกือบตายเพราะพิษนี้ ย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับชายหนุ่มที่ห้าวหาญในปัจจุบัน!! ซุน หยิบเอา สุราสลายพิษ กรอกปากหลายคำพร้อมกับเทราดไปทั่วเรือนกาย เมื่อผ่านการโคจรวิถีแห่งเซียนเมรัยเพียงไม่กี่รอบ ซุน ก็สัมผัสถึงความปลอดโปร่ง โลหิตและลมปราณไหลเวียนอย่างสะดวกอีกครั้ง...

ยังไงเสียร่างกายของ ซุน ในเวลานี้ ก็แข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายต่อหลายเท่า จากการเป็นร่างสถิตราชันย์พยัคฆ์ขาว ผนวกกับสุราสลายพิษที่ผ่านการค้นคว้ามานานหลายพันปีจากผู้ใช้วิถีแห่งเซียนเมรัยในแต่ละรุ่น จึงเรียกได้ว่าโอกาสที่ ซุน จะถูกเล่นงานจากพิษนั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย หากไม่โชคร้ายพบเจอกับพิษสังหารระดับราชันย์ขึ้นไป ก็ยากที่จะทำร้ายตัวของ ซุน ได้...

แม้ตอนนี้พิษในร่างจะทุเลาลงแล้ว หากแต่ ซุน ก็ยังแสร้งยืนเสียหลักโงนเงน ลมปราณที่แผ่ออกมาก็ยังไร้สมดุล ใบหน้านั้นขาวซีด ดวงตาขุ่นมัว ทุกอากัปกิริยาบ่งชี้ว่าพิษกำลังกัดกินเล่นงานจนเข้าขั้นวิกฤต... ทำให้ อสรพิษทะเลเกล็ดมรกตเพลิง ที่เห็นเช่นนั้น ก็เผยท่าทีสะใจยิ่ง...

“พวกเจ้าทุกตัวถอยออกมา!! ข้าจะเป็นผู้ฉีกร่างเจ้านั่นเอง โทษฐานที่มันบังอาจทำลายดวงตาข้างหนึ่งของข้า!!” หลังคำรามเสียงสั่งการ อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ก็เลื้อยผ่านผิวน้ำอย่างรวดเร็วตรงไปยัง ซุน ที่ยืนไม่มั่นคง ก่อนจะยกศีรษะชูคอสูงหลายจั้งแสยะคมเขี้ยวเหนือตำแหน่งของชายหนุ่ม...

“เจ้าต้องตายด้วยคมเขี้ยวของข้า!!”

จังหวะนั้น ดวงตาของ ซุน กลับเปล่งวาบขึ้น ขับขานสายลมสีน้ำเงินแห่งกงเล็บพยัคฆ์ครอบคลุมกระบี่ดำราชวงศ์ ระเบิดท่าร่างชั่วพริบตาจนราวกับเป็นสายลมสีเขียวที่พุ่งขึ้นฟ้า เสียบกระบี่ดำเข้าใต้คางของอสรพิษตนนั้นอย่างแม่นยำ!!

การต่อสู้กับกองทัพอสรพิษทะเลที่ผ่าน ๆ มาทำให้ ซุน สังเกตเห็นจุดอ่อนอย่างหนึ่ง นั่นคือชั้นผิวใต้คางที่ยาวไปจนถึงท้องและตลอดร่างของอสรพิษทะเล เป็นเพียงเกล็ดอ่อนที่มิได้แข็งแกร่งเฉกเช่นเกล็ดที่อยู่บนหลัง พวกมันจะพยายามปกปิดตำแหน่งนั้นเป็นพิเศษ เว้นเสียแต่ตอนที่จะชูศีรษะเพื่อโจมตี

ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องว่างจากความประมาทเลินเล่อ เพราะคิดว่า ซุน ถูกพิษจนเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มจึงใช้กระบี่ดำราชวงศ์ที่ครอบคลุมด้วยสายลมสีน้ำเงิน มีทั้งความคมและความแข็งแกร่ง ซึ่งมากพอจะทะลวงฟาดฟัน ลอบโจมตีในชั่วพริบตา...

“คิดจะสังหารข้า... เจ้าก็ต้องเอาชีวิตมาเดิมพัน!!”

ซุน แผ่จิตสังหารออกมาตลอดร่าง จับกระบี่ดำราชวงศ์ด้วยมือทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อปูดบวมจากการรีดเค้นพลังทั้งหมดลงไปยังแขนทั้งสอง... จากนั้นชายหนุ่มก็คำรามเสียงอู้ กดกระบี่ดำสุดกำลัง ลากยาวตั้งแต่ปลายคางจนแทบจะสุดปลายหางอย่างโหดเหี้ยม

ทั้งโลหิตและอวัยวะภายในของ อสรพิษเกล็ดมรกตเพลิง ไหลออกมาจากบาดแผลที่ลากยาวนับสิบจั้ง!! ดวงตาของอสรพิษตนนี้เบิกโพลงก่อนจะเหลือกหายขึ้นไปด้านบน ขาดใจตายอย่างน่าอนาถเพราะความประมาท... ทายาทตนสุดท้ายของ จ้าวอสรพิษทะเล ตกตายท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าอสรพิษทะเลที่โอบล้อมรอบด้าน...

...........................................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว