อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 327 บุตรแห่ง เล้งซาน (2)

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 327 บุตรแห่ง เล้งซาน (2)

บรรยากาศของห้องอาหารจากจอแจ เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างออกรสออชาติ บทสนทนาและการพูดคุยต่างๆค่อยๆเงียบเสียงลงเหมือนคลื่นน้ำที่ค่อยๆลดลงไปจนแห้งเหือด สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังโต๊ะหนึ่ง ในโต๊ะมีคนนั่งอยู่สี่คน คนหนึ่งเป็นชายร่างใหญ่สวมเกราะหนัก คนหนึ่งเป็นชายสวมชุดสีเขียวท่าทางปราดเปรียว คนต่อมาเป็นสตรีชุดสีม่วง สวมชุดจอมเวทย์หญิง

แต่ที่ทุกคนจับจ้องกลับเป็นหนุ่มผมสีเพลิง สวมเกราะเบากระชับ แต่ดูแข็งแรงดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ที่ไหล่ซ้ายมีตราประดับรูปสิงโตเพลิง ใบหน้าที่เฉยเมยนั้นดูนิ่งสงบจนน่ากลัว ทั้งกลุ่มเพื่อนอีกสามคนรับรู้ได้ทันทีว่าหัวหน้าพวกเขากำลังโกรธ เพียงแต่คนที่มองมาจะเห็นแค่เขานั่งนิ่งๆเหมือนไม่อยากสนทนากับกลุ่มคนชุดสีฟ้าด้านหลังมากนัก

"โอ๊ะ โอ ชั้นทำให้สิงโตสีแดงตัวนี้โกรธเหรอเนี่ย โทษทีๆ ก็ลูกแมวที่ตระกูลนายภูมิใจนักหนากำลังจะมาคัดเลือกนี่นะ ชั้นต้องอวยพร…ไม่สิ ของขวัญต้อนรับสักหน่อยแล้ว…"

ชายชุดฟ้าที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำจะยียวนไม่หยุด ราปลัสที่นั่งตรงข้ามบัล ซึ่งประจันหน้ากับฝ่ายที่เข้ามาก่อกวนอยู่นั้น เอามือคว้าธนูที่อยู่ด้านหลัง จากด้ามจับที่ถูกเก็บไว้ ก็แผ่ออกมาเป็นคันธนูจากผลของเวทมนต์ ทอมุนที่เห็นก็จะคว้าแขนของราปลัสไว้ แต่ความไวของราปลัสนั้นแทบจะทะลุผ่านมือเขาไป คลื่นสีเขียวค่อยๆไหลขึ้นมาพร่อมกับสายลม

ในท่ายืนจับธนู นิ้วกำลังน้าวศร ลูกธนูเวทมนต์ก่อเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า คลื่นสีเขียวล้อมรอบทั้งคนและลูกธนู ดวงตานั้นแน่วแน่ไม่ไหวติง ราปลัสเอ่ยถ้อยคำเบาๆ โต๊ะข้างๆที่มีผู้คนนั่งอยู่ก็ถึงกับถอยหลังกรูด

"รุ่นพี่ ให้ผมยิงเลยมั้ย ตรงไหนดีละ สมอง หัวใจ หรือ ไอ้นั่น…!"

ชายเสื้อฟ้าเมื่อโดนจ่อด้วยลูกธนูก็ตกใจเช่นกัน แต่ก็ยิ้มสู้ไม่ได้เดินหนีไป เหล่าคนคุ้มกันอีกสามคนทำท่าจะชักอาวุธ แต่เขาก็โบกมือว่าไม่ต้องยุ่ง

บัลก็ส่งสายตาบอกราปลัสเช่นกัน เด็กหนุ่มจึงลดธนูลง ดวงตาสีเขียวนั้นค่อยๆลดประกายสังหาร เพียงแต่ยังจ้องอีกฝ่ายไม่หยุด

"หึ หึ ได้ยินว่ามีครึ่งเอลฟ์เข้ามาภายใต้กลุ่มนักเวทย์ระดับสูง ดูท่าจะจริงสินะ…"

ถึงจะลดความกดดันไปได้ แต่ก็ไม่หยุดพ่นคำพูดชวนทะเลาะ ชายชุดฟ้าชำเลืองหางตามองระหว่างพูดออกไปเช่นกัน คราวนี้ไม่ใช่แค่ราปลัส แต่ทั้งบัล ทอมุน และไอรีนก็เหมือนเริ่มจะโมโหแล้วเช่นกัน เค้าจึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น

"มีธุระอะไร ไซลิก นายคงไม่ได้มานี่เพื่อยั่วโมโหพวกชั้นเฉยๆหรอกใช่มั้ย ?"

บัลที่นั่งเงียบมาสักพักก็เอ่ยคำพูดขึ้นมา แต่น้ำเสียงกลับเหมือนสิงโตกำลังแยกเขี้ยวคำราม เพียงแต่สีหน้าเรียบเฉย ทุกคนที่รับประทานอาหารหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเฝ้ามองดู แม้แต่ตรงข้ามถนนที่มีร้านอาหารเช่นกันก็พยายามมองเข้ามา ใครมีตาที่มองได้ไกล หรือหูที่ฟังจากระยะไกลได้ก็รู้สึกสนุกจริงเชียวกับเหตุการณ์นี้

"หึหึ ถูกต้องแล้ว ชั้นแค่จะมาแนะนำตัวน้องชายชั้น ไซลาส ที่กำลังจะเข้าสอบโรงเรียนเวทมนต์เหมือนกันในปีนี้…"

“สวัสดีท่านบัล ข้าไซลาส ได้ยินชื่อท่านมานาน ข้ากำลังจะเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์ที่พวกท่านเคยอยู่ ต่อไปข้าคงเป็นรุ่นน้อง โปรดชี้แนะด้วย”

เด็กน้อยผมสีขาวเรียบ ใบหน้านิ่งสงบ ก้มตัวทำความคำรบด้วยความนอบน้อม น้ำเสียงดูหยิ่งยโสโอหัง แต่กลับถูกฝึกมารยาทการให้เกียรติผู้อื่นอย่างดี เขาเสียอีกที่เป็นคนทำหน้าไม่พอใจใส่พี่ชายเขาไซลิก เพราะพี่ชายของเขาดูจะโอ้อวดและชวนกวนผู้อื่นโมโห ซึ่งมิใช่รูปแบบของเขา

“หึ หึ ตระกูลเจ้าดูเหมือนจะได้เพชรน้ำงาม ไม่อยากเชื่อว่าห่านจะมีพี่น้องเป็นอินทรี ทำไมเจ้าไม่สอนพี่ชายเจ้าบ้างละ ไซลาส?"

บัลเหมือนจะชมแต่ก็เหน็บแหนมไซลิกไปด้วย คราวนี้คนที่กวนโมโหผู้อื่นกำลังเลือดขึ้นหน้าแทน เขาถูกหยามหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายตนเอง เขานั้นรักน้องชายตัวเองจริง แต่เมื่อทางตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสมองเห็นไซลาสที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก เขากลับกลายเป็นถูกหมางเมิน ไร้ตัวตนไป นั่นทำให้เขาโมโหอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนบัลจะจี้ถูกจุดเข้าให้

“โอ้ว โอ้ว อะไรกันเนี่ย ข้าเจอสหายสองคนพร้อมกันในยามเช้าของวัน อะไรจะโชคดีปานนี้?”

เสียงหวานนุ่มลึกลอยมาจากชั้นสอง ผู้คนหันขวับขึ้นไปมอง ใครกันกล้าเอ่ยบทสนทนากวนเพลิงที่กำลังจะไหม้ ภูเขาน้ำแข็งที่กำลังจะหล่นทับเช่นนี้ ภัยพิบัติตรงหน้าไม่ทวีขนาดเพิ่มขึ้นหรือ

ใบหน้างามขาวงดงาม คิ้วโค้งคม ดวงตาดูยากแท้หยั่งถึง สวมเสื้อคลุมสบายๆสีม่วงตัดดำ บุรุษที่สูงพอๆกับทั้งบัลและไซลิก แต่ไม่เท่าทอมุน นั่งไขว่ห้างจากระเบียงไม้มองลงมาชั้นหนึ่งที่กำลังมีปะทะฝีปากกัน ข้างกายมีสตรีที่หน้าตาสะอาดสะอ้าน งดงามดุจเทพธิดา ใส่เสื้อสีม่วงตัดดำแต่รัดรูป ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันยิ่ง นั่งจิบชาที่โต๊ะมิได้มานั่งผาดโผนเช่นบุรุษ

“คู่แฝดอสรพิษม่วงแห่งตะวันออก!”

เสียงผู้คนฮือฮา อื้ออึงไปทั่ว ว่ากันว่ามีคู่แฝดซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทของสิบตระกูลจากแดนตะวันออก เกิดมาหนึ่งหญิง หนึ่งชาย พรสวรรค์และใบหน้าที่งดงามแทบจะเทียบไม่ได้ว่าสิ่งใดเหนือกว่ากัน เมื่อโตมาเป็นหนุ่มสาวพร้อมพรั่งความแข็งแกร่งและชื่อเสียงก็ทวีคูณ ในตอนที่จัดประลองจอมเวทย์รุ่นเยาว์แห่งทั่วอาณาจักรทาเดียได้ถูกจัดอันดับไว้ที่เก้าและสิบเอ็ด โดยฝ่ายชายได้อันดับเก้า ฝ่ายหญิงได้อันดับสิบเอ็ด

ฟุบ วูบ

“เอาน่ามานี่เหล่าสหาย ไม่เจอกันตั้งนาน ใยต้องทะเลาะกัน ทานข้าวด้วยกันดีกว่าน่า”

บุรุษชุดม่วงกระโดดลงมาจากชั้นสอง ลงพื้นอย่างนุ่มนวล โดยเหมือนเหยียบอากาศในชั้นแรกแล้วกระโดดอีกขั้นลงพื้น ทุกคนที่ดูออกก็พูดได้ทันทีว่าการควบคุมพลังนั้น ‘ล้ำเลิศ’ ทีเดียวบุรุษทั้งสองที่ถูกถามก็เงียบไปสักครู่ก่อนถอนหายใจ พวกเขาทั้งคู่เลือกสู้กัน แก้ปัญหาฝีปากด้วยกำลัง ดีกว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือวาทะโจมตีหรือใช้อุบายใดต่อหน้าชายคนนี้ ที่ดูเหมือนจะรับมือยากที่สุด

“นายก็กลับมาด้วยเหรอ อิเลียต นึกว่าต้องไปทำภารกิจที่สภาเวทย์ให้ไปซะอีก?”

ไซลิกพูดแบบเหนื่อยๆก่อนทำท่าจะเดินออกจากวงสนทนา ไซลาสก็มองอสรพิษม่วงหนุ่มคนนี้ด้วยตาเป็นประกาย นี่คือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับรุ่นเยาว์ของอาณาจักร ตัวเลขหลักเดียวไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ เขารู้สึกได้

“ไง อิเลียต เอวา พวกนายสบายดีหรือ?”

บัลยิ้มให้ทั้งสองพร้อมยกแก้วขึ้นให้เอวาที่นั่งอยู่ข้างบน เธอก็ยกแก้วขึ้นตอบเช่นกัน ไซลิกที่ส่งสัญญาณให้พรรคพวกออกจากที่นี่ให้ไว ก็ถูกอิเลียตหนุ่มหล่อเสื้อม่วงคล้องคอไว้ได้ การจับนี้เหมือนจะหลวมๆแต่ไม่มีช่องให้ไซลิกขยับได้เลย

“ไปไหนละสหายไซลิก นั่งลงก่อน บริกร! ข้อโต๊ะกับเก้าอี้เพิ่มด้วย รวมโต๊ะได้ยิ่งดี จะได้อบอุ่นๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ทุกคนทั้งสามฝ่ายต่างตกใจ มีเพียงชายหนุ่มยิ้มหน้าหวานคนนี้ที่ดูจะสนุกคนเดียว แต่คนที่ทำหน้าเหนื่อยใจที่สุดคงเป็นบัลและไซลิก ที่ตอนนี้ถูกคล้องคอไว้ไม่ให้ไปไหน และด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรและคำพูดสุภาพของอิเลียตที่ขอให้โต๊ะข้างๆขยับให้พวกเขาจะได้ขยายโต๊ะนั่งรวมกัน ทุกคนต่างตอบตกลง ไม่มีใครปฏิเสธการขอสุภาพนอบน้อม แถมพวกเขาก็ภูมิใจยิ่งกับชื่อเสียงของเหล่านักเวทย์รุ่นเยาว์นี้

“นั่นก็ อันดับสิบสอง บัลแห่งราชสีห์เพลิง กับ อันดับที่สิบสาม ไซลิก แห่งภูผาเหมันต์ไม่ใช่รึนั่น!”

“ใช่เหรอ ทำไมข้าไม่ยักคุ้นหน้าคุ้นตา ? ไม่เหมือนที่เคยเห็นเลย…”

“ตอนแรกข้าก็ดูไม่ออกหรอก แต่พอได้ยินชื่อกับพึ่งสังเกตุเห็นสัญลักษณ์ก็นึกขึ้นได้ หน้าตาทั้งสองเปลี่ยนไปมากจริงๆ…”

อยู่ไกลๆมีนักจำข้อมูลข่าวสารอยู่ ทั้งสองคุยกันอย่างตื่นเต้น ทั้งๆที่การประลองเวทย์รุ่นเยาว์ของอาณาจักรนั้นผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังจำได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะจำลำดับต้นๆเสียมากกว่า ทำให้ไม่ค่อยมีใครจำทั้งสองได้ ยกเว้นอสรพิษคู่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหล่อ สวย และพลังเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน บางทีถ้ามีประลองแบบคู่ทั้งสองอาจได้อันดับหนึ่งก็เป็นได้

บรรยากาศอึดอัดค่อยๆจางลง เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะของอิเลียตที่ตอนนี้ล้อมรอบเหล่าผู้คนที่สงสัยว่าเหตุการณ์มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร กับอีกสองคนที่นั่งติดเขาซึ่งกำลังทำหน้าอย่างหมดแรงแต่จนใจจะต่อต้าน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว