อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 205 แมว !!

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 205 แมว !!

พรรคมังกรฟ้า ทวีปพยัคฆ์ขาว


เล้งหยุนฟง และ กังเฉิง ซึ่งได้รับโชควาสนามาจากผู้เป็นอาจารย์ที่เคยเสียสละ ผนวกกับการใช้เวทย์อาคมของ อาเมนดูเอล ที่ช่วยกระตุ้นและกระจายพลังลมปราณบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ด้านในมากขึ้น ทำให้ในเวลานี้ทั้งสองชายหนุ่มบรรลุชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 1 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...


ทว่านั่นกลับมิได้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองมีจังหวะเวลาที่จะซึมซับความสำเร็จมากมายนัก เพราะภายใต้การเคี่ยวกรำอันโหดหินของ อาเมนดูเอล ชายหนุ่มทั้งสองฝึกฝนจนเรียกได้ว่าอาบเหงื่อต่างน้ำ อีกทั้งยังอันตรายและน่ากลัวอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ทั้งสองสามารถดึงเอาสัญชาตญาณและพลังทางสายเลือดที่ซ่อนอยู่ภายในออกมา


เดิมที่ทั้งคู่รู้สึกว่ารูปแบบการฝึกฝนของ อาเมนดูเอล ออกจะดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งพวกตนเสียมากกว่า... แต่ในภายหลังเมื่อทั้งสองได้ทราบความจริงอันน่าตกตะลึงจากเรื่องที่ว่า อาเมนดูเอล แท้จริงแล้วคือบุตรอันเป็นสายเลือดของผู้ยิ่งใหญ่ เล้งซาน โดยตรงจากปากของ กุ่ยจือชิง...


นั่นจึงทำให้ทั้งคู่จิตใจสะท้านสะเทือนอย่างสุดกู่ โดยเฉพาะเพราะอย่างยิ่ง เล้งหยุนฟง ที่เป็นลูกหลานห่างไกล พอได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีศักดิ์และฐานะเทียบเท่าบูรพาจารย์บรรพบุรุษ ดวงตาก็ยิ่งเผยความเคารพนบนอบออกมาอย่างไร้คำครหา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะชี้บอกสิ่งใด ก็จะกระทำโดยไม่มีการเคลือบแคลงใจเลยสักนิด


และเวลานี้เอง อาเมนดูเอล ก็ได้หยิบยื่นบททดสอบอันโหดให้กับทั้งสองคน เพื่อที่ก้าวผ่านขอบเขตและขีดจำกัดของตนเองอีกครั้ง... นั่นก็คือให้ชายหนุ่มทั้งสอง ต้องมาเผชิญหน้ากับยอดฝีมือชนชั้นราชันย์แบบตัวต่อตัว!!


สองแกนนำกลุ่มมังกรทองที่แฝงตัวอยู่ภายในพรรคมังกรฟ้ามาอย่างยาวนาน ในฐานะสมาชิกระดับสูงจากสองตระกูลใหญ่ หลังจากที่ กุ่ยจือชิง มีหลักฐานสามารถระบุตัวตนได้แน่ชัด ก็ถูก อาเมนดูเอล จับตัวมาอย่างง่ายดายโดยหมดหนทางดิ้นรนขัดขืน


เฉียงเหลียน และ ฉู่เกาเต๋อ(ตอนที่ 289)


แม้ว่าเฒ่าวิญญาณ จูห้าวชง เอง ก็เป็นหนึ่งในแกนนำอีกคน ทว่าด้วยความที่ จูห้าวชง ทรยศกลุ่มมังกรทองมาสักระยะแล้ว และสวามิภักดิ์ต่อ อาเมนดูเอล มาเนิ่นนาน(ตอนที่ 295) จึงถูกลบล้างความผิดในฐานะกบฏได้อย่างเฉียดฉิว


แต่ผู้ที่เคยกระทำผิดมาก่อนใช่ว่าจะใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วจะสะอาดหมดจดได้ในทันที แม้ชายชราจะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ จนทำให้เหล่าลูกสมุนระดับล่างกลุ่มมังกรทองถูกกวาดล้างไปเกือบจะสมบูรณ์ แต่อย่างไรเสีย จูห้าวชง ก็ยังคงต้องถูกลงโทษ ทว่าก็เป็นเพียงแค่สถานเบาเท่านั้น


เฉียงเหลียน ยอดฝีมือระดับราชันย์ขั้นกลาง ชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 5 ผู้ขังไว้ในม่านอาคมของ อาเมนดูเอล โดยให้ เล้งหยุนฟง เข้าไปต่อสู้เพียงลำพัง... ฉู่เกาเต๋อ ซึ่งก็เป็นยอดฝีมือระดับราชันย์ขั้นกลาง ชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 5 เช่นกัน ก็ถูกจองจำให้เผชิญหน้ากับ กังเฉิง...


แน่นอนว่าหากเป็น ซุน ที่ได้จับอาวุธประจำกาย คงเอาชนะชนชั้นราชันย์ขั้นกลางสองคนนี้ได้ ในสภาพที่หืดขึ้นคอ... แต่ชายหนุ่มทั้งสอง เล้งหยุนฟง และ กังเฉิง มีระดับที่อ่อนกว่า ซุน อยู่ไม่น้อย การต่อสู้ในช่วงแรก ๆ จึงแทบจะเป็นการถูกเล่นงานเพียงฝ่ายเดียว สภาพสะบักสะบอมกลับมาไม่ต่างจากตอนที่ต้องเผชิญหน้า ลู่เหรินฮ่าว...


ทำให้ทั้งสองต้องค่อย ๆ ปรับปรุงหาข้อบกพร่องของตนเองในทุก ๆ ครั้งที่พ่ายแพ้ บางที อาเมนดูเอล ยังให้ทั้งสองสลับคู่ต่อสู้กันอีกด้วยเพื่อมิให้อาศัยความคุ้นชินในการเอาชนะ หรือบางครั้งก็ยังเป็นการต่อสู้ร่วมกันเพื่อเพิ่มความสามัคคีให้กับชายหนุ่มทั้งสอง ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับว่า อาเมนดูเอล จะต้องการเคี่ยวกรำฝึกฝนในจุดใด


สองชายชรา เฉียงเหลียน และ ฉู่เกาเต๋อ ถูกใช้มิต่างหุ่นซ้อม แต่พวกมันก็ไม่อาจทำอะไรได้ ภายใต้การควบคุมของ อาเมนดูเอล... หมุนวนการฝึกฝนอยู่เช่นนั้น ซ้ำไปซ้ำมาในทุก ๆ วัน ทำให้ความสามารถของ เล้งหยุนฟง และ กังเฉิง ก้าวกระโดดจนเกือบที่จะขึ้นมาหายใจรดต้นคอของ ซุน ได้แล้ว...


………………………………


เขตเชิงเขา ย่านทิศตะวันออก...


ซุน นำพาคนของสมาคมอสูรเดียวดายกว่าหนึ่งร้อยคน ก้าวเดินมุ่งหน้าสู่สมาคมหมูทองคำ... เหล่าผู้ติดตามอย่างไรเสียก็เป็นคนในองค์กรใต้ดิน ดังนั้นจึงมีความป่าเถือนและดุร้ายในตัว การยกโขยงเดินบนถนนกลางย่านชุมชนเช่นนี้นั้น มิต่างกลุ่มอันธพาลที่กำลังจะยกพวกไปเล่นงานคู่อริ...


ด้านสมาคมหมูทองคำ ที่พอจะทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้มาแล้ว อีกทั้ง ต้าจู ก็ยังหนีตายออกไปจากเขตนอกด่านเงาทมิฬตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ในเวลานี้เหลือแค่เฉพาะบรรดาเหล่าลูกสมุนเท่านั้น...


แต่นอกเหนือจาก ต้าจู และ ต้าสุ่ยหนิว ทางสมาคมหมูทองคำ ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่จากสมาชิกเกือบ 500 คน ก็ยังมีตัวแทนผู้บริหารระดับหัวหน้าหน่วยของสมาคมจำนวนหนึ่ง ที่สามารถสั่งการกำลังพลเพื่อเคลื่อนไหวได้ และคนพวกนี้ก็ไม่มีทางยินยอมศิโรราบสูญเสียแหล่งทำมาหากินโดยง่าย


จึงเกิดเป็นความโกลาหลกลางย่านชุมชน

เพื่อช่วงชิงอำนาจอิทธิพลในย่านตะวันออก


“จัดการพวกมัน!!” ซุน คำรามเสียงก้องดังออกมา เสียงเฮละโลด้านหลังก็กังวานก้องขานรับ แม้จะมีจำนวนคนที่น้อยกว่าหลายเท่า แต่ภายใต้การมีผู้นำที่แข็งแกร่งและสามารถเชื่อมั่น ก็ปลุกเร้าความฮึกเหิมให้ไม่ยอมแพ้...


เสียงตูมตามดังขึ้นจากการปะทะของคนหลายร้อยคน ต่างฝ่ายต่างก็มีเป้าหมายที่จะยึดครองอำนาจในย่านแห่งนี้ สวมรอยแทนที่ ต้าจู และ ต้าสุ่ยหนิว ที่จากไปแล้ว... อันที่จริงด้วยฝีมือของ ซุน เพียงคนเดียว ก็น่าจะเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับกองกำลังขนาดนี้ได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ตนจะต้องรับศึกใหญ่หลวงเพียงใด การเก็บออมกำลังกายของตนเองเอาไว้ถือเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องกว่า เหตุผลคล้าย ๆ กับตอนที่ เล้งหยางอี้ จำเป็นอาศัยกองกำลังจากองค์กรมืดช่วยในการบุกสถาบันฯ


การต่อสู้ห้ำหั่น ดำเนินไปสักระยะ... หากเมื่อใดที่ฝ่ายสมาคมอสูรเดียวดายเสียเปรียบ ซุน ก็จะออกหน้าอย่างลำพองเหิมหาญ บุกตะลุยออกมามิต่างพยัคฆ์ในรังกระต่าย กำราบศัตรูให้ศิโรราบ ทั้งยังเรียกขวัญและกำลังใจของสมาคมตนเองได้อย่างมหาศาล


เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม คนของสมาคมหมูทองคำหลายร้อยคน ต่างพากันนอนโอดครวญกับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บและบอบช้ำ... ทั้งยังมีกองพะเนินของกลุ่มคนที่หมดสภาพหลายสิบคน ทับถมกันจนเป็นภูเขามนุษย์ขนาดย่อม และบนยอดกองพะเนินนั้น ก็มีชายหนุ่มผมขาวยาวสยายได้นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าเผยว่ากำลังครุ่นคิด...


แม้จะมีคนที่ตายอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย จากการปะทะของกลุ่มคน... หากแต่ตัวของ ซุน ก็มิได้ลงมือดับสังหารผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ใช้เพียงมือเปล่าทำลายขวัญและพลังใจในการสู้รบของศัตรูเท่านั้น โดยมีเจตนาบางอย่างที่แฝงเร้นอยู่


ใต้กองพะเนินภูเขามนุษย์ คนของสมาคมหมูทองคำที่พอจะลุกยืนได้ ต่างก็พากันคุกเข่าศิโรราบด้วยอาการสั่นกลัว ตัดสินใจยอมสวามิภักดิ์กับ ซุน แต่โดยดีหลังจากได้เห็นถึงความแข็งแกร่ง...


หวู่หนาน ในฐานะลูกสมุนมือขวา แทบไม่ต้องลงมืออะไร ทั้งยังมีคนคอยคุ้มกันหนาแน่นเสียด้วยซ้ำ เวลานี้กำลังจดรายนามว่าเหล่าบรรดาหัวหน้าหน่วยของสมาคมหมูทองคำ ได้สวามิภักดิ์กันครบถ้วนแล้วหรือยัง


“คุณชายเหยา หัวหน้าหน่วยทั้งสี่คน สวามิภักดิ์ต่อพวกเราหมดแล้ว”


ซุน พอได้ฟังรายงานก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะวาดแขนออกคำสั่ง... “ทุกคนที่รอดชีวิตและเข้าสวามิภักดิ์ ข้าจะขอรับพวกเจ้าเอาไว้ทั้งหมดภายใต้ร่มเงาของสมาคมอสูรเดียวดาย และหลังจากนี้ขอให้ทุกคนรีบรักษาตนเองให้เร็วที่สุด เพราะในอีกสองวัน...พวกเราจะบุกไปกำราบ ย่านทิศใต้!!”


“!!!!!!!!!!” ทุกคนจากที่กำลังอ่อนล้า เวลานี้ต่างพากันอ้าปากค้าง... แม้แต่ หวู่หนาน เองก็ยังเบิกตาโพรงกว้าง เพิ่งจะจบศึกใหญ่ในการขยายอิทธิพลได้ไม่นาน ชายหนุ่มผู้นำสมาคมพลันประกาศออกมาแล้วว่าอีกสองวันจะบุกตะลุยย่านทิศใต้ต่อเนื่อง


“อะไร?! ไม่พอใจงั้นหรือ?! หากใครมีปัญหาในการตัดสินใจของข้าก็ลุกยืนขึ้นมา...” ซุน แค่นเสียงดุดัน พร้อมสายตาที่เย็นชาอย่างถึงที่สุด ทำให้ทุกคนล้วนพากันเงียบกริบ...


ผ่านไปสองวัน ซุน ก็ยกกำลังคนบุกตะลุยย่านทิศใต้จริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าสมาคมอีกาสามขา กลุ่มอิทธิพลของย่านทิศใต้ และสมาคมนักรบแดง กลุ่มอิทธิพลของย่านทิศตะวันตก จะแอบจับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว เมื่อสืบรู้ว่า ซุน จะบุกเข้ามา


เกิดเป็นสงครามที่ใหญ่โตมากยิ่งกว่าเดิม... ทั้งยังมีห้ายอดฝีมือชนชั้นราชันย์จากสองสมาคมเป็นหัวหอกต่อต้าน ถึงแม้ว่าชนชั้นราชันย์ทั้งหมดจะอยู่เพียงแค่ลมปราณสีส้มขั้นที่ 4 แต่พลังอำนาจก็น่ากริ่งเกรงและเต็มไปด้วยความห้าวหาญอย่างยิ่ง


ซุน แสยะยิ้มชั่วร้าย... ครั้งนี้เขาไม่กล้าประมาทเผชิญหน้าด้วยมือเปล่า หยิบเอากระบี่ดำราชวงศ์ออกมาฟาดฟัน ปะทะหนึ่งต่อห้าเพื่อเปรียบวัดฝีมือ!! เกิดการต่อสู้ที่กวาดทำลายย่านชุมชนในเขตทิศใต้ไปเกินกว่าครึ่ง โชคดีที่ก่อนเริ่มสงครามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างพากันอพยพไปกันจนหมดแล้ว


ซุน ราวกับเป็นพยัคฆ์หนุ่มที่ปะทะหมาป่าชราห้าตน แม้จะมิใช่เรื่องง่ายดายนัก แต่ตัวเขาที่พัฒนาตนเองขึ้นมามากแล้ว อีกทั้งชนชั้นราชันย์ห้าคนนี้ก็ยังถือเป็นชนชั้นราชันย์ระดับปลายแถว ที่พอได้มารวมตัวกันอย่างฉุกละหุก ก็ไม่มีการประสานร่วมมือกันที่มากพอ จึงถูก ซุน ใช้ความคล่องแคล่วและพลังรบที่เหนือชั้นกว่า เสือกแทงกระบี่ดำราชวงศ์ ดับทำลายเส้นชีวิตทีละคนอย่างต่อเนื่อง...


แน่นอนว่าพอผู้นำสมาคมทั้งหมดถูกสังหาร ขวัญและกำลังใจในสงครามย่อมถูกทำลายตามไปด้วย ทำให้ชัยชนะกลายเป็นฝ่ายของสมาคมอสูรเดียวดายอีกเช่นเคย แต่คนที่เหลือรอดก็มีไม่มากนัก... ทั้งนามของ เหยาซาน ยังถูกแพร่สะพัดออกไปว่าเป็นผู้พิชิตสี่ย่านเชิงเขาได้สำเร็จ และสมาคมอสูรเดียวดาย ก็กลายเป็นศูนย์รวมของอำนาจอิทธิพลทั้งหมดในเขตเชิงเขาแห่งนี้...


แม้แต่คนของนิกายที่จับตามองความโกลาหลที่เกิดขึ้น ก็ยังทำได้เพียงแค่กะพริบตาปริบ ๆ มิอาจแทรกแซง... เนื่องด้วยการขยายอาณาเขตอิทธิพลของ ซุน รวดเร็วจนเกินไป กว่าที่คนของนิกายจะส่งเรื่องไปถึงเบื้องบน ซุน ก็กลายเป็นผู้นำสมาคมอสูรเดียวดาย ที่มีสมาชิกจากองค์กรใต้ดินเกินกว่าหนึ่งพันคนเข้าไปแล้ว จากการหลอมรวมอำนาจจากทั้งสี่ย่าน แข็งแกร่งเกินกว่าที่จะกำราบได้ง่าย ๆ


ณ เขตเชิงเขาจากทั้งสี่ย่าน... บ่อนขนาดเล็กทุกบ่อน โรงประมูลทุกโรง หอนางโลมทุกแห่ง ตลาดมืดทั้งหมด หรือแม้แต่ห้างร้านที่อยู่ใต้ร่มอิทธิพลและความคุ้มครอง ในเวลานี้ต่างพากันเข้ามาส่งมอบเงินบรรณาการให้กับ ซุน อย่างไม่ขาดสาย เพื่อที่จะได้ดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างสะดวก ยามเปลี่ยนขั้วอำนาจ...


ซุน นั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนนับจากที่ก้าวเข้ามาในเขตนอกด่านเงาทมิฬ ก็ได้กำราบศัตรูในเขตเชิงเขาทั้งหมดจนอยู่หมัด มิหนำซ้ำยังยึดครองอำนาจอิทธิพลมาเป็นของตนเองอีกด้วย... จากจำนวนเหรียญทองในตอนที่กลับออกมาจากบ่อนแดนมังกร ที่เคยมีร่วมหนึ่งหมื่นล้านเหรียญทอง ณ เวลานี้มันได้เพิ่มเป็นหลายหมื่นล้านเหรียญทองในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน...


เสียงหัวเราะของ ซุน ก้องกังวานไปทั่วเขตเชิงเขา


ซุน ไม่ได้คาดหวังการครอบครองอิทธิพลขนาดใหญ่เช่นนี้ในระยะยาว เขามองออกว่าอีกไม่นาน นิกายมังกรทมิฬ คงมิอาจนิ่งเฉยกับเรื่องนี้แน่นอน... ทว่าตัวเขานั้นมีเป้าหมายของตนเองที่ชัดเจนอยู่แล้ว เขาต้องการเพียงแค่ครอบครองอิทธิพลในระยะสั้น ๆ เพื่อกอบโกยเงินทองมาเป็นของตนในระลอกเดียว...


อีกไม่กี่วันเมื่อเขากลับไปยังบ่อนแดงมังกรอีกครั้ง และดำเนินภารกิจให้สำเร็จลุล่วง เขาก็จะหอบหิ้วความมั่งคั่งที่ได้มาทั้งหมด หลบหนีไปจากเขตนอกด่านเงาทมิฬแห่งนี้ทันที!!


ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในเขตเชิงเขา ร่วมถึงการสูญเสียล้มตายของคนในองค์กรใต้ดินจำนวนมาก จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อความรู้สึกในส่วนลึกของเขาเลยสักนิด ออกจะเป็นความภาคภูมิใจเสียด้วยซ้ำ เพราะมันเท่ากับเป็นการลดจำนวนและปริมาณของคนในองค์กรใต้ดินที่ทำแต่เรื่องชั่วช้า เพื่อทำให้คนในยุทธภพหรือชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคนพวกนี้ กลับมามีความมั่นคงได้อีกครั้ง


ใช้คนชั่วจัดการคนชั่วด้วยด้วยกัน... ส่วนข้านั้นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากคนชั่วเหล่านั้นอีกทอดหนึ่ง เฮ้อ...เหตุใดข้าถึงเป็นคนที่ดีและยอดเยี่ยมเช่นนี้” ซุน สบถชื่นชมกับตนเองเบา ๆ เขารู้สึกว่าตนช่างเป็น ‘คนดี’ เสียจริง ๆ


..............................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว