อสูรข้ามฟ้า-ตอนที่ 255 อสรพิษเฒ่า ปะทะ เฒ่าชีเปลือย

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 255 อสรพิษเฒ่า ปะทะ เฒ่าชีเปลือย

วิญญาณแม้ไม่อาจเล่นงานกายหยาบได้ หากไม่ใช้ตบะที่แข็งแกร่งมากเพียงพอ... ทว่าหากเป็นวิญาณและวิญญาณด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ตบะก็สามารถที่จะห้ำหั่นกันได้ตรง ๆ !! ก่อนหน้านี้ยามที่ เฒ่าชีเปลือย เผชิญหน้ากับ ลู่เหรินฮ่าว ดวงวิญญาณของชายชรามีข้อจำกัดเรื่องความอ่อนแอของร่างศพหลอม เนื่องด้วยภาชนะที่ด้อยคุณภาพย่อมถูกจำกัดปริมาณและพลังของเนื้อใด...

แต่การเผชิญหน้าในครั้งนี้ ราชันย์อสรพิษกลืนนภา ก็เป็นร่างที่ถูกสร้างจากจิตวิญญาณขึ้นมาเช่นเดียวกัน!! ดังนั้น เฒ่าชีเปลือย จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถูกจำกัดขอบเขตจากร่างศพหลอม ถึงแม้ว่าพลังตบะจะถูกผนึกไว้กว่า 9 ส่วน ไม่อาจใช้มหาเวทย์อาคมได้อิสระนัก แต่ถ้าเป็นเวทย์อาคมสามัญ ก็เรียกได้ว่าขันขานได้อย่างมิใช่เรื่องยากเย็น...

ถึงกระนั้น...

หมัดที่ต่อยเข้าใส่ ราชันย์อสรพิษ กลับไม่อาจทำให้จิตวิญญาณแห่งราชันย์สัตว์อสูรในตำนานตนนี้ สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย... ร่างจิตวิญญาณรูปลักษณ์มนุษย์ของ ราชันย์อสรพิษ ยืนนิ่งไปขยับแม้สักนิดเดียว แม้จะรับการโจมตีดังกล่าวเข้าไปเต็ม ๆ ก็ตามที... มิใช่ว่าความเร็วของ ราชันย์อสรพิษ จะหลบหมัดนี้ไม่พ้น แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบเลยต่างหาก!!

“ทำอะไรของเจ้า?! ช่างเป็นดวงวิญญาณที่แปลกประหลาด และไม่ประมาณตนมากที่สุด เท่าที่ข้าเคยพบเจอ...” ราชันย์อสรพิษ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะระเบิดคลื่นพลังระลอกหนึ่ง ผลักดันทั้ง ซุน และ เฒ่าชีเปลือย ให้ถลาถอยหลังไปพร้อมกัน...

ซุน เผยดวงตาเบิกโพลง ไม่คิดว่า เฒ่าชีเปลือย ที่น่าจะเป็นความคาดหวังเดียวในหนทางรอด แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย!! ร่างจิตวิญญาณของราชันย์อสรพิษตนนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ ซุน สัมผัสได้ว่ามันมิด้อยไปกว่า จิตวิญญาณของแมวตนอื่น ๆ ที่เคยพบเจอ

เพราะอย่างไรเสีย...ราชันย์อสรพิษกลืนนภาตนนี้ ก็คือหนึ่งในราชันย์สัตว์อสูรอีกตน!! ที่ถึงแม้ว่าพลังจะยังเทียบไม่ได้กับเทพนักษัตรอย่าง เทพหู่(ขาล) แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่า ราชันย์พยัคฆ์ขาว หรือ พยัคฆ์วาตะ...

เฒ่าชีเปลือย แม้จะถูกกดดันให้ร่นถอย ทว่าใบหน้ากลับยังคงเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง รอยยิ้มเย้ยหยันของชายชราปรากฏขึ้นจาง ๆ ก่อนจะเอ่ยปากเนิบนาบออกมา... “จริงอยู่ว่าในด้านพลังลมปราณและพลังตบะ หรือแม้แต่ในด้านอายุและประสบการณ์ ข้าในตอนนี้จะยังเทียบกับเจ้าไม่ได้...

ทว่าข้านั้นก็ยังมีบางอย่าง ที่เชื่อไม่ด้อยไปกว่าเจ้า!!”

ราชันย์อสรพิษ หรี่ตาแคบเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายกำลังสื่อถึง... จวบจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าของอันหล่อเหลาของตน ที่เวลานี้รู้สึกว่ามันกำลังหลอมละลายดุจโลหะที่ถูกเพลิงหลอมเหลว...

“!!!!!!!!!!!!” ราชันย์อสรพิษ เบิกตาโพลง พร้อมกุมใบหน้าของตนเองไว้
“นะ...นี่มันอะไรกันฟะ!!”

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหัวเราะของ เฒ่าชีเปลือย ดังกังวานคล้ายจะสะใจยิ่ง...

“เจ้ามันโง่!! อวดโอ้พลังราวกับยิ่งใหญ่นักหนา โดยหารู้ไม่ว่าข้านั้นเฝ้าสังเกตเจ้ามาโดยตลอดตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว!! การที่เจ้าแสดงพลังรูปแบบต่าง ๆ ออกมาก่อนหน้านี้ มันทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดความลับในพลังจากร่างจิตวิญญาณที่เจ้าสร้างขึ้นมา ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอำนาจของ พิษบรรพกาล!!

พิษโบราณที่เกิดจากพลังแห่งธรรมชาติที่สั่งสม นอกจากมันจะเป็นพิษที่ร้ายแรงแล้ว ยังมีพลังแห่งธรรมชาติที่แฝงเร้น สายพันธุ์สัตว์อสูรพิษระดับสูง สามารถแปรสภาพพิษบรรพกาลเหล่านี้เพื่อใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งดูดซับมันเพื่อเพิ่มลมปราณยกระดับ หรือแม้สกัดพิษออกมาเพื่อสร้างเป็นร่างภาชนะวิญญาณ หรือร่างแยก

แม้ว่าเจ้าจะมีจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของราชันย์สัตว์อสูร ทว่าอาศัยแค่จิตวิญญาณเพียงอย่างเดียว เจ้าคงไม่มีทางเอาชนะ เหยาหมิง ที่เป็นชนชั้นจักรพรรดิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น... แต่ปัจจัยสำคัญก็คือ ร่างเทียมที่ถูกสร้างจากพิษบรรพกาลจำนวนมหาศาลของเจ้าต่างหาก...” เฒ่าชีเปลือย กล่าวขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

ราชันย์อสรพิษ เบิกตากว้างขึ้นโดยพลัน เพราะทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง!!

แม้ว่าเรือนกายของ ราชันย์อสรพิษ ณ เวลานี้จะแผ่รัศมีพลังที่เหลือล้ำเกินกว่าชนชั้นเทวะ อาจจะเทียบได้กับระดับของราชันย์เทวะลมปราณสีแดงขั้นกลางด้วยซ้ำ... ทว่าขุมพลังทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากพิษบรรพกาลที่ถูกแปรสภาพ ร่างกายที่แท้จริงของ ราชันย์อสรพิษกลืนนภา ยังคงสถิตอยู่บนยอดหอคอยสุสานเทพอสูรเต่าทมิฬ ไม่สามารถที่จะนำร่างหลักลงมาจากยอดหอคอยได้!!

และอาคมของ เฒ่าชีเปลือย ที่ถูกปล่อยผ่านหมัดแรกเมื่อครู่นี้ ก็เป็นอาคมที่ใช้ในการทำลายองค์ประกอบบางส่วนของพิษบรรพกาล ถึงจะไม่อาจสลายพิษที่ร้ายแรงนั้นได้ทั้งหมด แต่เมื่อองค์ประกอบบางส่วนถูกทำลาย จึงส่งผลให้สมดุลของพิษสูญเสียไป ใบหน้าของ ราชันย์อสรพิษ จึงมีสภาพที่คล้ายจะถูกละลายออกมาเช่นนั้น...

“บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ! เจ้าวิญญาณผีร้ายอัปลักษณ์ เจ้ากล้าดียังไงมาทำให้ความสง่างามของท่านผู้ยิ่งใหญ่ด่างพร้อย!!” ราชันย์อสรพิษ ตวาดเสียงคำรามออกไป

“ผู้ยิ่งใหญ่กับผีอะไร!! เจ้ามันก็แค่งูชราอวดดีตนหนึ่ง... เจ้ามันก็แค่หางของเต่า!!” เฒ่าชีเปลือย ตวาดสวนด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอมเช่นกัน

หนึ่งวิญญาณชายชรา กับหนึ่งวิญญาณอสรพิษ จ้องเขม็งกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้... หากแต่ต่างฝ่ายก็คล้ายจะมองเห็นเส้นสนกลใน ว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นแฝงเร้นด้วยความไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด มองออกซึ่งกันและกันว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นจิตวิญญาณแห่งชนชั้นลมปราณสีรุ้งด้วยกันทั้งคู่...

แต่ด้วยสถานภาพในตอนนี้ หากเผชิญหน้ากันจริง ๆ แน่นอนว่า ราชันย์อสรพิษ ย่อมเหนือล้ำและได้เปรียบมากกว่า สามารถเอาชนะได้แน่นอน... ทว่าถึงแม้จะเอาชนะได้ แต่หากคิดกำจัดดวงวิญญาณของเฒ่าชีเปลือยให้สิ้นซาก ก็นับเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก...

ส่วนเฒ่าชีเปลือย แม้จะทำให้ร่างของ ราชันย์อสรพิษ หลอมละลายกลายเป็นของเหลวได้จากเวทย์อาคม บดขยี้ความภาคภูมิใจของ ราชันย์อสรพิษ... แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะเอาชนะในการต่อสู้ได้ เพราะ เฒ่าชีเปลือย ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าการทำลายร่างเทียมของอีกฝ่ายเท่านั้น...

กลายเป็นการเผชิญหน้าที่รู้สึกอึดอัดคับข้อง ให้กับทั้งสองตนเป็นอย่างมาก...

“นี่เจ้าเป็นผีนรกมาจากขุมไหนกันเนี่ย!! เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ใช่ดวงวิญญาณของดาวดวงนี้” ราชันย์อสรพิษ แค่นเสียงออกมาด้วยความฉงน เหมือนว่าจะไม่สบอารมณ์นักที่ใต้หล้าแห่งนี้ มีผู้ที่สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างตนเองได้

เฒ่าชีเปลือย สวบกอดอกเชิดคางขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ลอยลงมานั่งบนศีรษะของ ซุน... “ข้าเป็นถึงเทพเซียนสูงส่ง แต่เผอิญพลัดตกจากสรวงสวรรค์ลงมาก็เท่านั้น และตอนนี้ข้าก็กำลังหาทางปีนป่ายกลับไปบนสวรรค์ โดยมีเจ้าเด็กคนนี้เป็นขั้นบันได!!”

“เลอะเทอะ!! สรวงสวรรค์แท้จริง มันต้องมีอสรพิษสาว ๆ โอบล้อมต่างหากล่ะเว้ย!!” ราชันย์อสรพิษคำรามเสียงลั่น ก่อนจะแผ่รัศมีสีทองเจิดจรัสออกมา ไม่ยินยอมจะถอยแค่นี้

เฒ่าชีเปลือย กัดฟันกรอด หากหลีกเลี่ยงได้ ตนก็อยากจะแยกย้ายเพียงเท่านี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายดื้อรั้น ก็จำต้องให้ได้รู้จักกันสักตั้ง... “เจ้าเด็กบ้า... เตรียมสุราสลายพิษไว้ให้พร้อม หากมันเข้ามาใกล้ก็สาดพ่นใส่ร่างของเจ้านั้นไปเลย ต่อให้ฤทธิ์สุรามีพลังไม่พอจะสลายพิษบรรพกาลลงได้ แต่ก็มากพอจะทำให้พิษของมันสูญเสียสมดุล!!”

กล่าวจบ เฒ่าชีเปลือย ก็ห้อตะบึงออกไปเช่นกัน รอบกายโอบล้อมไว้ด้วยอักขระเวทย์อาคม... เงาร่างของสองดวงวิญญาณเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง เฒ่าชีเปลือย เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดจากความแตกต่างของพลัง...

แต่ที่กล้าเผชิญหน้า ก็เพราะเฒ่าชีเปลือยมีความมั่นใจว่า ต่อให้ตนถูกผนึกตบะไปเกือบทั้งหมด ดวงวิญญาณของตนนั้นก็ยังมีความแก่กล้ามากพอ... ตราบเท่าที่ ราชันย์อสรพิษ ไม่นำร่างจริงชนชั้นลมปราณสีรุ้งบนหอคอยลงมาเผชิญหน้า ดวงวิญญาณของตนก็ไม่มีวันถูกดับทำลายได้แน่นอน...

ราชันย์อสรพิษ ระเบิดพลังสลายจิตวิญญาณของ เฒ่าชีเปลือย ได้นับสิบ ๆ ครั้ง แต่นั่นก็มิอาจนับเป็นการทำลายสมบูรณ์ เพราะทุก ๆ ครั้งที่แตกสลาย อณูวิญญาณที่กระจายเหล่านั้น ก็สามารถกลับมาผนึกรวมกันก่อรูปดังเดิมในชั่วพริบตา

นั่นจึงทำให้ ราชันย์อสรพิษ บังเกิดความขื่นขมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน... และที่น่าโมโหที่สุด ก็คือการที่ เฒ่าชีเปลือย ได้ทำให้ร่างกายอันสง่างามของมัน ถูกหลอมละลายไปแล้วหลายจุด จากเวทย์คาถาที่น่ารำคาญเหล่านั้น ตัวอักษรอักขระที่เรียงต่อกันเป็นเส้นสาย ได้ครอบฟ้าคลุมมหาสมุทรจนไม่หลงเหลือช่องว่างให้ ราชันย์อสรพิษ ได้หลบเลี่ยง...

“เจ้านี่มันน่ารำคาญเสียจริง ไม่รู้จักไปผุดไปเกิดเสียเล่า!! หรือว่าแม้แต่นรกก็ยังรังเกียจความอัปลักษณ์ของเจ้ากัน!!”

“หุบปากน่า เจ้างูเฒ่าตันหากลับ!! กล้ามาว่าข้าอัปลักษณ์งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะเอาก้นไปประทับบนหน้าเจ้าให้จงได้!!”

ทั้งสองดวงวิญญาณต่อสู้กันไปพลาง ส่งเสียงด่าทอกันไปพลาง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย... ทำเอาทุกคนที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่โดยรอบ อดไม่ได้ที่จะแสดงใบหน้าเหยเกขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ความปากร้ายของทั้งคู่ ดูจะสูสีมากยิ่งกว่าพลังฝีมือเสียอีก...

บนท้องฟ้าและมหาสมุทรในเวลานี้ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองที่เจิดจรัส ที่ถูกแต่งแต้มด้วยอักขณะอาคมนับร้อย ๆ เส้นสาย เกิดรอยแยกน่ากลัวขึ้นมากมายในความว่างเปล่า เป็นมิติของการต่อสู้ในอาณาจักรแห่งวิญญาณ ที่แม้แต่ เหยาหมิง ก็ยังมองไม่เห็นการปะทะที่ชัดเจนนักในบางครั้ง มีเพียงแค่ ซุน ที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างละเอียด แต่นี่ก็เป็นมิติของการต่อสู้ที่สูงเกินกว่าที่ ซุน จะจดจำและนำมาพัฒนาใช้กับตนเองได้...

ราชันย์อสรพิษ เมื่อเห็นว่าทำลายดวงวิญญาณของ เฒ่าชีเปลือย ไปนับร้อยรอบแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถดึงเอาอณูวิญญาณทั้งหมด ให้กลับมาผนึกรวมกันได้ใหม่ในทุก ๆ รอบ... ส่งผลให้ ราชันย์อสรพิศ รู้สึกเหมือนว่าตนกำลังเสียแรงเปล่า สายตาของอสรพิษเฒ่า จึงกวาดมองไปรอบ ๆ ด้าน เพื่อหาวิธีการใหม่เล่นงานอีกฝ่าย ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อมองไปยังชายหนุ่ม...

“อุ วะ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! สู้กับผู้ที่ไร้ตัวตนอย่างเจ้า มันไม่มีความหมายอะไรนี่นะ สู้เล่นงานเจ้าเด็กนั่นไปเลยดีกว่า จะได้จบศึกที่ไร้ประโยชน์และน่ารำคาญนี่เสียที!!” ราชันย์อสรพิษ ระเบิดคลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์ ตรงไปยังดวงวิญญาณของ เฒ่าชีเปลือย

ทว่าในครั้งนี้พลังของคลื่นแสงกลับถูกลดทอนลงหลายส่วนจากปกติ แทนที่จะสลายดวงวิญญาณให้เป็นอณู ครานี้กลับเป็นการผลักดันให้ดวงวิญญาณกระเด็นออกไปไกล อีกทั้งยังเป็นคลื่นแสงที่มีพลังพันธนาการจองจำหมายใช้ถ่วงเวลา เป็นรูปแบบทักษะที่ ราชันย์อสรพิษ ไม่เคยใช้ออกมาก่อนเลย ในช่วงก่อนหน้านี้...

ดวงตาของ เฒ่าชีเปลือย เบิกกว้างขึ้น และตระหนักได้ถึงความเจ้าเล่ห์เพทุบายของ ราชันย์อสรพิษ ที่มันเสแสร้งว่าลงมือเต็มที่ แต่แท้จริงแล้วยังเก็บซ่อนความสามารถไว้อีกล้ำลึกยิ่งนัก เพื่อหยิบมาใช้อย่างเหมาะเจาะ... และหลังปลิดปลิวมาไกลนับร้อยจั้ง เฒ่าชีเปลือย ก็ทำได้เพียงจดจ้อง เงาร่างสีทองที่พวยพุ่งไปหา ซุน อีกครั้ง ทำให้เฒ่าชีเปลือยแผดเสียงออกไปด้วยความเดือดดาล

“เจ้างูตันหากลับ บัดซบเอ้ย!!”

แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะดังดุจเสียงกัมปนาท ทว่าอสรพิษเฒ่าก็ยังแสร้งหูทวนลมไม่ได้ยินอะไร แสยะยิ้มแห่งชัยชนะ ขอเพียงตนเล่นงานมนุษย์ตัวน้อยผู้หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมมากพอที่จะทำให้วิญญาณชราดวงนั้นรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ และยังเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ ลูกสมุนตัวน้อยของตนได้อีกด้วย...

“อุ วะ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ถือว่าเจ้าโชคร้ายก็แล้วกันนะ เจ้าเด็กน้อย...” ครานี้ ราชันย์อสรพิษ ยื่นมือออกไปอีกครั้งด้วยความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น ว่าคงไม่มีผู้ใดขัดขวางอย่างแน่นอน...

ชั่วพริบตานั้น ซุน สัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่มากมายยิ่งกว่าครั้งใด ๆ รู้สึกราวกับชั้นบรรยากาศรอบด้านเป็นปรปักษ์กับตนเอง ไม่ยินยอมให้ดิ้นรนหลบหนี จิตใจของชายหนุ่มโหยหวนออกมาอย่างไม่ยินยอม...

“เมื่อไม่อาจพึ่งพาผู้อื่น ก็ต้องพึ่งพาตนเอง!! ข้าจะไม่ยอมยืนนิ่งรอรับความตายเป็นแน่!!” ซุน แม้เวลานี้จะยังบาดเจ็บ แต่ก็กัดฟันดังกรอด เผาผลาญพลังชีวิตบางส่วนเปลี่ยนเป็นพลัง ระเบิดรัศมีลมปราณและอาคมในทุกด้าน...

เรือนกายชายหนุ่มโอบล้อมไปด้วยกระแสลมพายุที่บ้าคลั่ง พร้อมกับเผยเงาร่างของราชันย์พยัคฆ์ขาวที่คำรามเสียงกังวานขู่กรรโชก จนคลื่นลมซัดตลบรอบทิศทาง... ภาพมายาของราชันย์พยัคฆ์ทับซ้อนด้านหลังชายหนุ่ม พร้อมส่งกลิ่นอายแห่งร่างสถิตออกมาถึงขีดสุด...

“!!!!!!!!!” ราชันย์อสรพิษ จากที่หน้าเปื้อนยิ้ม ก็ถึงกับผงะหน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน เผยแววตาที่ตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยแสดงมาก่อน... แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้มันตกใจนั้นย่อมมิใช่รัศมีพลังชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นกลางอันต่ำต้อยของชายหนุ่ม... แต่เป็นกลิ่นอายของร่างสถิตที่คุ้นเคย และเงาร่างของราชันย์พยัคฆ์ขาว หนึ่งในราชันย์ยุคบรรพกาลเฉกเช่นเดียวกับตนเอง...

“บะ...บ้าน่า!! กลิ่นอายเช่นนี้?!
นี่เจ้าเป็นร่างสถิตของแมวโง่นั่น งั้นหรือ!!”

……………………………………

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว