อสูรข้ามฟ้า- ตอนที่ 338 วิถีเคียงคู่

โดย  JPTstory

อสูรข้ามฟ้า

ตอนที่ 338 วิถีเคียงคู่

“ตาย!!” หวงหลงเฟย เลือดขึ้นหน้าจนหลงลืมไปแล้วว่า ต้องการจับเป็น ซุน เพื่อนำมาต่อรองกับ เหยาหมิง จิตสังหารของชายครึ่งแมงมุมสูงล้ำเทียมฟ้า จากศักดิ์ศรีที่ถูก ซุน ซึ่งอ่อนกว่าทั้งพื้นฐานและอายุดับรัศมีถึงเพียงนี้ จนมีที่สุด หวงหลงเฟย จึงหยิบเอาศาสตราประจำกาย อาวุธอักขระระดับสูง ‘กงเล็บฉีกฟ้า’ ออกมาใช้งาน

ใบมีดโลหะสีแดงที่คมกริบโค้งงอ... แขนข้างอื่น ๆ ยังไม่นับเป็นอย่างไร แต่แขนขวาซึ่งเป็นแขนข้างหลักในเวลานี้ สวมใส่กงเล็บที่แผ่รังสีศาสตราอันแรงกล้าออกมา ตวัดฟาดฟันในแต่ละครั้งสร้างคลื่นทำลายสะท้านฟ้าดิน

ตูม!!

ซุน ยกกระบี่แยกสมุทรขึ้นตั้งรับ แขนข้างนั้นถึงกับด้านชา... เห็นได้ชัดว่า ศาสตราที่ หวงหลงเฟย นำออกมาใช้นั้นเหนือกว่าอาวุธอักขระชั้นลมปราณสีเหลืองทั่วไป คาดว่าคงเป็นอาวุธอักขระชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นสูงสุด ที่เกือบขึ้นเป็นชนชั้นลมปราณสีส้มอยู่รอมร่อ...

แรงกดดันของ หวงหลงเฟย แก่กล้ายิ่งกว่าเดิม เวลานี้คล้ายจะมีเส้นใยเบาบางที่มองไม่เห็น ถูกถักทออยู่รอบ ๆ เสมือนกับดักปิดช่องทางร่นถอย หากว่า ซุน ไม่มีสายลมสีม่วงตรวจสอบ ก็คงติดกับไปนานแล้ว... ยังที่ดี ซุน ยังเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและสมาธิในการตั้งรับการโจมตีทั้งหมดอย่างแยบยล ถึงแม้จะเกิดบาดแผลตามเนื้อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตามที

สายตาของ ซุน ยังชำเรือง เย่ต้าเฟิง ที่แอบซ่อนตัวอยู่อีกหลายครั้ง... อีกฝ่ายก็คล้ายจะกระอักกระอ่วนกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะต้องจำยอมทำตามแผนการที่เคยนัดกันไว้แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าหน้า... ซึ่งเหตุผลที่ เย่ต้าเฟิง ได้รับเลือกให้กลายเป็นดวงวิญญาณผู้ใช้ ศพหลอมระดับ 3 ทั้งที่เพิ่งจะมาเป็นดวงวิญญาณสวามิภักดิ์กับ ซุน แน่นอนว่านอกจากเป็นผู้ที่ล่วงรู้แผนผังฐานลับแห่งนี้แล้ว ก็ยังมีอีกเหตุผลสำคัญข้อหนึ่ง...

นั่นก็คือทักษะเฉพาะของ เย่ต้าเฟิง!!

เย่ต้าเฟิง แม้ว่าพื้นฐานลมปราณจะด้อยลงกว่าในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่าด้วยความที่เป็นหนึ่งในผู้ใช้ศาสตร์โบราณแห่งความมืด ซึ่งเป็นพลังอำนาจที่ขับเคลื่อนด้วยตบะพลังวิญญาณเป็นหลัก ฉะนั้นต่อให้ตายกลายเป็นวิญญาณ ขอเพียงมีตบะที่แก่กล้าขึ้นความแข็งแกร่งก็เรียกได้ว่าไม่เป็นรองยามที่ยังมีชีวิต

ผนวกกับ เฒ่าชีเปลือย ที่รูปแบบการฝึกฝนพิเศษ ที่ทำให้ตบะของเหล่าสมุนดวงวิญญาณใต้อาณัติสามารถเพิ่มพูนได้ไวกว่าตอนที่ยังมีชีวิต ดังนั้นความแข็งแกร่งของ เย่ต้าเฟิง ในเวลานี้ ถึงแม้ว่าในด้านศักยภาพร่างกายจะด้อยลง แต่พลังแห่งความมืด กลับเพิ่มสูงขึ้น...

ตูม! ตูม! ตูม!

การปะทะของ ซุน และ หวงหลงเฟย รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องมีเพียงแค่ฝ่ายของ ซุน!! บาดแผลที่หัวไหล่ขวายังคงสาหัส และยังมีรอยกงเล็บเฉือนลึกที่กลางหน้าอก หน้าท้อง และขาซ้าย ที่ฉกรรจ์สาหัส จนโลหิตหลั่งไหลเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าอีกไม่เกินหนึ่งร้อยลมหายใจเข้าออก ซุน ก็น่าจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว จากโลหิตที่เสียไปถึง 1 ใน 5 ของร่างกายในเวลานี้แล้ว หากไม่ได้เป็นเพราะความมุ่งมั่น และพลังกายจากร่างสถิตค้ำจุนประคอง ปานนี้คงหมดสติหรือขยับตัวไม่ได้ไปแล้ว

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! คำอวดโอ้ของเจ้าสุดท้ายมันก็ไร้ค่า อย่างไรเสียความแข็งแกร่งก็คือทุกสิ่ง!!” หวงหลงเฟย คำรามเสียงหัวเราะประหนึ่งได้รับชัยชนะมาครึ่งก้าวแล้ว ใบหน้าของ ซุน ยังคงซีดเผือด มีเพียงสมาธิที่ยังมั่นคงเที่ยงตรง

เมื่อความกำเริบฮึกเหิมของ หวงหลงเฟย ก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าการโจมตีย่อมหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ แต่ในขณะเดียวกันความระแวดระวังกลับลดต่ำลง ซึ่ง ซุน เฝ้ารอจังหวะเช่นนี้อย่างใจเย็น.. จวบจนกระทั่งมีจังหวะหนึ่งที่ กงเล็บฉีกฟ้า ได้พุ่งตรงเข้ามาหมายเจาะทะลุร่างของ ซุน ขณะที่กำลังสลับเปลี่ยนลมหายใจ ไอสังหารของ หวงหลงเฟย เปี่ยมล้นจนแม้แต่หลับตาก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีศาสตรามากระทบผิวกายจนแทบจะมอดไหม้

ดวงตาของ ซุน ฉายประกายเมื่อมองเห็นโอกาสในทันที... ซุน ได้ใช้การใช้ฌานสมาธิขั้นสูงสมองแล่นเร็วจี๋ จนราวกับห้วงเวลาหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นจึงพรแห่งร่างสถิตสายลมสีเขียวแทรกซึมเข้าไปในร่างกายชั่วพริบตา กระตุ้นให้โลหิตและลมปราณทั่วร่างไหลเวียนบ้าคลั่ง

และยังใช้สายลมสีเขียวระลอกนี้ กระแทกผลักดันอวัยวะภายในที่สำคัญทั้งหมดบริเวณหน้าท้องจนเกิดการเคลื่อนย้ายสร้างเป็นช่องว่างขึ้น แล้วจึงปล่อยให้กงเล็บของ หวงหลงเฟย แทงทะลุหน้าท้องของตนเองอย่างเลือดเย็นโดยไม่เลี่ยงหลบ!!

หวงหลงเฟย เมื่อเสียบแทงเข้าไปแล้ว คราแรกก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งผู้ชนะออกมา ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อย ๆ หุบแคบลง สัมผัสได้ถึงเค้าลางในความผิดปกติ ที่ไม่อาจชักกงเล็บกลับออกมาได้... ซุน แม้จะกระอักสำรอกโลหิต ทว่าอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากบาดแผลภายนอกที่อวัยวะสำคัญไม่ได้รับผลกระทบ ดวงตาเผยความเด็ดเดี่ยวใช้การเกร็งกล้ามเนื้อบีบรัดมิให้อีกฝ่ายดึงแขนกลับไป

จากนั้นก็ตวัดฟันกระบี่ดำราชวงศ์ และกระบี่แยกสมุทรจากมือซ้ายและขวาพร้อมกันอย่างดุดัน!! หวงหลงเฟย เผยสีหน้าปั้นยากขึ้นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้โอกาสนี้สวนกลับมา หากแต่จำนวนแขนของ หวงหลงเฟย ก็มีมากกว่า ซุน จึงยอมสละแขนสองข้างยกขึ้นรับกระบี่ที่ฟาดฟันมาตรง ๆ ส่งผลให้โลหิตสีน้ำเงินสาดกระเซ็นแต่ก็มากพอจะหยุดสภาวะกระบี่คู่นี้ได้

“เจ้าโง่!! ลืมไปแล้วหรือว่าข้าเหลือแขนถึง 5 ข้าง!!” หวงหลงเฟย ใช้น้ำเสียงเย้ยหยัน แม้แขนสามข้างจะถูกหยุดไป แต่แขนอีกสองข้างก็ยังกำหมัดแน่นระเบิดพลังทำลายใส่ร่างของ ซุน

“ก็แล้วมันยังไงเล่า!! แขนเจ้าไม่มีมากไปกว่าความมุ่งมั่นของข้า!!” เสียงคำรามของ ซุน ดังอู้ขึ้น ก่อนจะกัดฟันยกเท้าทั้งสองข้างลอยจากพื้น ยันไปที่แขนของ หวงหลงเฟย ในสภาพเช่นนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา แต่ ซุน ก็สามารถหยุดแขนทั้ง 5 ของ หวงหลงเฟย ได้แล้วจริง ๆ

ซุน แสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นอีกครั้ง...
“เจ้าเองก็คงไม่ลืมนะว่า ข้ามีกระบี่สามเล่ม!!”

“!!!!!!!!!!!!” หวงหลงเฟย เบิกตากว้าง ก่อนจะมองเห็นประกายแสงสีทอง ของกระบี่บินที่ห่อหุ้มไปด้วยสายลมสีน้ำเงิน ทะยานดิ่งมาจากด้านหลังของ ซุน พร้อมกับจิตวิญญาณแห่งศาสตราอันแรงกล้า ทะลวงผ่านช่องว่างและเสียบเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของ หวงหลงเฟย อันไร้ซึ่งการป้องกันอย่างแม่นยำ

ตูม!!

หวงหลงเฟย สำรอกโลหิตสีน้ำเงินออกมาจากปากคำโต... แต่ทว่าด้วยผิวกายที่เปรียบเสมือนเปลือกแข็ง ๆ ห่อหุ้ม จึงทำให้กระบี่ทองไร้เอกลักษณ์เสียบเข้าไปได้เพียงแค่ 1 ชุ่น(นิ้ว) และปักคาไว้อยู่เช่นนั้น ยังไม่อาจเสียบทะลุหัวใจของตนได้!!

หลงหลงเฟย เผยรอยยิ้มที่มืดดำแม้จะบาดเจ็บสาหัส... “หึหึ น่าเสียดายจริง ๆ กระบี่เก่า ๆ ทื่อ ๆ ที่ชำรุดแล้วเล่มนี้ แม้จะทรงพลังแต่ความคมของมันคงไม่มากพอจะใช้สังหารข้า...”

“เออ... ข้าก็ไม่ได้คาดหวังกับมันหรอก เพราะข้าคาดหวังในปัจจัยอื่นมากกว่า...” ซุน เอ่ยปากเสียงเย็น ก่อนจะมีเงาร่างของ เย่ต้าเฟิง ที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จะห้อทะยานมาจากด้านหลัง หวงหลงเฟย พร้อมกับของสิ่งหนึ่งในมือ...

ปลอกคอทาสสีดำ!!

เย่ต้าเฟิง อาศัยช่วงจังหวะนี้ สวมปลอกคอทาสให้กับ หวงหลงเฟย ในทันที... ดวงตาของชายครึ่งแมงมุมจากสีขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงฉานโดยพลัน บิดคอหันกลับไปด้านหลังจนเกือบจะผิดรูป...

“เจ้าเศษสวะ บังอาจลอบเล่นงานข้างั้นหรือ... ตายซะ!!”

หวงหลงเฟย อ้าปากกว้างขึ้นในทันที ก่อนจะพบว่าด้านในมีลิ้นที่ยาวราวกับอสรพิษ ปลายลิ้นยังมีเข็มพิษร้ายแรงของราชันย์แมงมุมมฤตยูที่แอบซ่อนเอาไว้เป็นไม้ตายสุดท้าย พุ่งตรงเข้าไปเสียบกลางตำแหน่งหัวใจของ เย่ต้าเฟิง อย่างแม่นยำ หมายปลิดชีพทันที...

ทว่า... ซุน กลับแสยะยิ้มออกมา
“หน้าโง่... คิดจะใช้พิษหยุดศพหุ่นเชิดที่ไร้ความรู้สึกเจ็บปวดงั้นหรือ?! เย่ต้าเฟิง ต่อให้ต้องสละร่างศพนั้นทิ้ง ข้าก็จะหากศพหลอมที่ดีกว่านั้นมาให้เจ้า ฉะนั้นรีบลงมือตามแผน!!”

เย่ต้าเฟิง แม้เรือนกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงจากพิษ ทว่าใบหน้าก็ราวกับไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ ร่ายอาคมศาสตร์แห่งความมืดออกมา กระตุ้นปลอกคอทาสสีดำให้ทำงานในบัดดล... แน่นอนว่าด้วยพลังของ เย่ต้าเฟิง ในตอนนี้ ย่อมมีไม่มากพอจะทำให้ หวงหลงเฟย กลายเป็นทาสได้

แต่มันก็ยังมากพอที่จะทำให้สะกดการเคลื่อนไหว รวมไปถึงผนึกพื้นฐานลมปราณของ หวงหลงเฟย ให้ลดต่ำลงไปหลายส่วน!! ซุน ที่เฝ้ารอโอกาสนี้มาตลอด ก็กัดฟันดังกรอดฝืนอาการบาดเจ็บ ขับขานพลังจากร่างสถิตออกมาสุดกำลัง ระเบิดพลังฝ่ามือกระแทกลงไปที่ปลายกระบี่ทองไร้เอกลักษณ์ที่ยังเสียงปักอยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย

ส่งผลให้เกิดอำนาจทะลุทะลวงอันมหาศาล จากที่แทงหัวใจของ หวงหลงเฟย ไปได้แค่ 1 ชุ่น เวลานี้มันได้เสียบลึกลงไปจดมิดด้าม ทำลายหัวใจของ หวงหลงเฟย ภายใต้การโจมตีครั้งนี้... ชายร่างครึ่งแมงมุมสำลักโลหิตอีกมากมายออกมา ด้วยหัวใจที่ถูกแทงทะลุต่อให้เป็นร่างสถิตแต่พื้นฐานก็ยังคงเป็นมนุษย์ เมื่อหัวใจถูกทำลายก็ไม่มีทางที่จะดำรงชีวิตต่อไปได้...

ร่างของ หวงหลงเฟย ทรุดตัวคุกเข่าลง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ...
“บะ...บ้าน่า นี่ข้าก็มาตายเพราะแมลงพรรค์นี้เนี่ยนะ”

เพียงสิ้นประโยคถ้อยคำ หวงหลงเฟย ก็พลันสิ้นใจลงด้วยความเจ็บแค้น แต่อย่างน้อยเมื่อตายไปแล้ว ร่างครึ่งแมงมุมที่แสนอัปลักษณ์ก่อนหน้านี้ ก็ได้กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ตายไปทั้งที่ดวงตายังเบิกค้างเช่นนั้นมิอาจหลับลงได้...

ร่างศพหลอมของ เย่ต้าเฟิง ถูกพิษร้ายแรงกัดกินเล่นงาน จึงค่อย ๆ เปื่อยเน่าลงอย่างต่อเนื่อง ไม่แข็งแกร่งมากพอจะพื้นสภาพได้อีกแล้ว... ทำให้ดวงวิญญาณของ เย่ต้าเฟิง อดไม่ได้ที่จะร่ำร้องโหยไห้... “นะ...นายท่าน สัญญาแล้วน่ะว่าจะหาศพหลอมใหม่ให้กับข้า เอาที่อ่อนเยาว์และแข็งแกร่งกว่าร่างเดิมด้วยนะนายท่าน”

หลังจากครวญครางอาลัยอาวรณ์กับร่างของตนอยู่พักหนึ่ง ดวงวิญญาณของ เย่ต้าเฟิง ก็กลับคืนสู่โลกวิญญาณใบเล็กของ ซุน อีกครั้งอย่างจำใจ...

สภาพของ ซุน เองไว้เวลานี้ ก็เรียกได้ว่าจะตายมิตายแหล่ โชคดีที่ปกป้องอวัยวะสำคัญทั้งหมดเอาไว้ได้ แย่ก็ตรงที่เสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจนสติเริ่มพร่าเลือน แต่ก็ยังกดฟันหอบหิ้วสังขาร กระดกสุราลมปราณ และรีดเค้นอาคมไสยเวทย์สะกดความเจ็บปวดและสมานบาดแผล ฝืนกระเสือกกระสนลุกยืน สายตาไม่มองสิ่งใดนอกเหนือจาก ประตูห้องขังเบื้องหน้า...

เมื่อเก็บซากศพของ หวงหลงเฟย รวมถึงดึงเอาดวงวิญญาณมาผนึกไว้เป็นที่เรียบร้อย... ซุน ก็ได้พยายามลากตนเองตรงไปยังประตูนั้นทันที ก่อนจะรีดเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อเปิดมันออก... ซึ่งภาพที่ปรากฏตรงหน้า ก็ทำให้ ซุน หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปิติ ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่เอ่อล้น เพราะภายในห้องมี เหยาหมิง ที่ถูกพันธนาการ คุมขังเอาไว้จริง ๆ

“ละ...เหล่าซือ ข้ามาช่วยท่านแล้ว...”
ชายหนุ่ม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งอ่อนแรง

.....................................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว