เช้าวันนี้ ไอชายังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างเช่นเคย สายตาจับจ้องมองภาพบนถนนและลานกว้าง ทุกอย่างคล้ายคลึงกับเมื่อสองวันก่อน แต่บรรยากาศกลับต่างออกไป ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆขาว ขณะเดียวกันก็ไร้เสียงของเฟโรสที่มักชวนให้หงุดหงิด
บนถนนเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่เช่นวันก่อน เหตุเขย่าขวัญเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามในรอบสัปดาห์ เมื่อรองหัวหน้าอัศวินที่เพิ่งรับตำแหน่งได้เพียงวันเดียว พร้อมอัศวินติดตามอีกหกนาย ถูกลอบสังหารถึงภายในที่พัก โดยครั้งนี้เฟโรสเป็นผู้ลงมือ ภายใต้เหตุผลที่ฟังดูไม่ยี่หระ ‘ข้าต้องไปแถวนั้นพอดี ครั้งนี้ข้าจัดการเองก็แล้วกัน’
เขายังไม่กลับมา เพราะต้องสานต่อการสืบข่าวภายในวังของชีคแห่งฮาซาน
ดวงตาสีนิลมองออกไปนอกหน้าต่าง ไล่เลียงตามหลังคาเรือนที่เรียงรายในย่านเมือง ความคิดวนเวียนอยู่กับชายผู้ร่วมงานกันมากว่าทศวรรษ แม้จะรู้สึกขุ่นเคืองเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นกลับไม่เคยสั่นคลอน
เฟโรสเติบโตขึ้นมาก มีความสามารถรอบด้านจนยากจะหาข้อตำหนิ หากมีสิ่งหนึ่งที่ไอชายังคงเหนือกว่าเขา คงเป็นความชำนาญในศิลปะการลอบสังหารระยะประชิด อันมาจากรูปลักษณ์และพรสวรรค์การพุ่งตัว
แต่สิ่งเหล่านั้นแทบไร้ความหมาย เมื่อเฟโรสสามารถทำมันได้ไม่ต่างกัน เพียงแต่เขามักเลือกที่จะปล่อยให้นางรับหน้าที่นี้ ขณะที่เขาเดินหน้าทำงานในส่วนกลยุทธ์ หรือคอยสนับสนุน ซึ่งเป็นงานที่ไอชาไม่สามารถทำแทนได้
นึกถึงคำกล่าวของเขา คงเป็นไม่กี่อย่างที่เขาแสดงออกถึงความชื่นชมในตัวของนาง
“ดาบและหอกอาจพิชิตชัยในการต่อสู้ แต่กริชจะยุติสงคราม”
ไอชาก้าวลงมายังชั้นใต้ดิน แสงจากโคมไฟอาคมส่องกระทบพื้นไม้สะอาดสะอ้าน กลิ่นอับที่เคยอบอวลหายไป ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นกำยานที่ลอยคลุ้ง ผสานกับกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ นางจำได้ว่าโซเอ้ไปจ่ายตลาดเมื่อเช้า และกลับมาพร้อมเครื่องหอมหลายชนิด ใช้เวลาทั้งวันขัดถูพื้นและซ่อมแซมรอยแตกร้าวตามผนัง
สายตาเลื่อนไปยังมุมห้อง หญิงสาวผมบลอนด์นั่งหันหลังอยู่ข้างเตียง มือเรียวขยับอย่างชำนาญ ขณะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้หญิงสาวผู้มาใหม่ที่นอนเอนตัวพิงหมอน ผิวซีดเซียวของหญิงสาวเริ่มกลับมามีสีเลือดฝาดเล็กน้อย นางทอดสายตามองมือของโซเอ้อย่างวางใจ ก่อนจะสบตาไอชา
“สวัสดีจ้ะ” หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำยิ้มอ่อนโยน พลางกล่าวทักทาย
ไอชาหลบสายตาเล็กน้อย พยักหน้าช้า ๆ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางเบา จากนั้นจึงหันไปพูดกับโซเอ้ที่คุ้นเคยกว่า
“มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไร ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” โซเอ้หันมายิ้มให้ นางดูกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวาไม่เปลี่ยน
ไอชาเดินเข้าใกล้ มองดูผ้าพันแผลที่ถูกม้วนพันอย่างเรียบร้อย ทุกการเคลื่อนไหวในการทำแผลดูคล่องแคล่ว เปี่ยมด้วยความใส่ใจ แตกต่างจากคุณหนูไร้เดียงสาที่นางเคยรู้จักในฐานะ ราวกับนางเติบโตขึ้นจนกลายเป็นคนใหม่ไปแล้ว
มือสังหารสาวหยุดอยู่ที่กะละมังทองเหลืองข้างเตียง น้ำในนั้นขุ่นปนเลือด จ้องมองหมายจะช่วยยกไปเททิ้ง แต่โซเอ้ยกมือขึ้นปราม
“ข้าทำเอง ให้ข้าทำเถอะนะ”
ไอชาหยุดนิ่งครู่หนึ่ง พยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจ
ว่าแล้วจึงเบนสายตาไปยังกลางห้องที่ตั้งหุ่นไม้สำหรับฝึกซ้อม เดินไปเงียบ ๆ มือเล็กแตะผิวหุ่นไม้ มันถูกเช็ดถูทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง
“ให้ตาย เจ้าเหมือนเด็กที่ชอบทิ้งของเล่นไว้เรี่ยราด”
มีดที่เด็กสาวมักเสียบปักคาให้เฟโรสบ่นเสมอ ถูกโซเอ้ดึงไปเช็ดทำความสะอาดแล้ววางไว้อย่างถูกที่ถูกทาง รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในบ้านที่เคยเงียบเหงา แห้งแล้ง
“เจ้าเปลี่ยนไปมาก” เสียงของไอชาดังขึ้นเบา ๆ แทบกลืนหายไปกับความเงียบในห้อง
โซเอ้ที่กำลังจัดการกับกะละมังน้ำเหลียวมองมาแล้วคลี่ยิ้ม
“ข้าแทบอดใจรอไม่ไหว ท่านอยากฟังเรื่องของข้าตอนนี้เลยไหม”
“ไม่ใช่ ‘ท่าน’ แต่เป็น ‘เจ้า’ เราเป็นเพื่อนกัน เรียกข้าให้เหมือนกับที่ข้าเรียกเจ้า”
โซเอ้ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิม ดวงตาสีน้ำทะเลไหววูบด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ราวกับมีน้ำตาจะเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถูกกลั้นไว้ด้วยรอยยิ้มกว้างที่ฉายถึงความอบอุ่นและโล่งใจ
“พวกท่านดูผูกพันลึกซึ้งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก”
เสียงแทรกดังขึ้นจากหญิงสาวบนเตียง รอยยิ้มละไมดึงสายตาของไอชาให้ละจากโซเอ้ หันมาจับจ้องผู้พูดแทน
“ขอเวลาให้ข้าแนะนำตัวบ้างเถิด”
ได้ยินคำกล่าวนั้น ดวงตาสีนิลของไอชากลับกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เสียงนุ่มนวลที่เอ่ยเมื่อครู่เปลี่ยนจากภาษาไกอา มาเป็นภาษาฟาริสสำเนียงเดียวกับนาง น้ำเสียงนั้นแฝงความนุ่มลึกที่คุ้นเคย ชวนให้สะดุดใจ ราวกับสายลมจากอดีตที่พัดหวนกลับ
หญิงสาวบนเตียงเอียงศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มละไมยังแต้มอยู่บนใบหน้าของนาง กล่าวแนะนำตัวชัดถ้อยชัดคำ
นางมีนามว่า ‘ญานิน’ เป็นหญิงสาวชาว ‘วาลูกา’ พงศ์พันธุ์เก่าแก่หนึ่งในตระกูล ‘ลาเมีย’ ผู้มีสายเลือดครึ่งงู ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความงามรัญจวนและน่าพรั่นพรึง
ผิวกายของนางเป็นสีน้ำตาลอมแดง ละมุนตาดุจผืนทรายต้องแสงอาทิตย์ เกล็ดมันวาวเล็ก ๆ เรียงตัวแทรกอยู่ตามไหล่ ลำคอ ท้องแขน หลังบั้นเอว และใต้หัวเข่าลงไป ราวกับอัญมณีล้ำค่าที่ถูกประดับลงบนผิวกาย เรือนผมสีดำสนิทยาวเหยียดตรงทิ้งตัวลงมาจรดกลางหลัง ทว่าหากมองในแสงสลัว จะเห็นประกายเขียวเหลือบสว่างแซมอยู่
ดวงหน้าของนางงามละมุน ประดับด้วยเกล็ดเล็ก ๆ เรียงตัวข้างแก้ม ดวงตาสีเขียวอมแดงดุจอัญมณีสองชนิดที่ผสานรวมกัน ทั้งน่าค้นหาและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ลึกลับ เมื่อรวมเข้ากับรูปร่างสูงสมส่วน อวบอิ่ม ยิ่งชวนให้ทุกการเคลื่อนไหวสะกดใจ จนต้องลอบมอง
“ท่านจ้องข้าตาไม่กะพริบ” ญานินยิ้มเย้า นัยน์ตาเปี่ยมเสน่ห์คล้ายมองลึกถึงความคิดของเด็กสาว
ไอชาจ้องมองหน้านิ่ง พลางว่า
“ท่านช่วยสอนภาษาไกอาให้ข้าได้ไหม”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว