บทที่ 22 เด็กนั่นชั่วร้ายโดยกำเนิด
เยี่ยนลี่เฉิงเหงื่อท่วมหน้า เสื้อเชิ้ตเปียกจนแนบผิวกาย
ผมชุ่มเหงื่อจนติดหน้าผาก ใบหน้าหล่อเหลาที่หยิ่งยโสมาตลอดดูดุดันขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นดูลึกล้ำและมีประกายเยือกเย็น
เมื่อไม่เห็นอิงอิงน้อย สีหน้าของเขาก็แย่กว่าเดิม
"เถ้าแก่เจี่ยง อิงอิงน้อยล่ะครับ"
เจี่ยงรุ่ยหรี่ตา "..."
เขาชี้ไปที่ทางแยกซึ่งอยู่ข้างหน้าและพยายามจัดระเบียบประโยคเพื่ออธิบายเป็นคำพูด
เยี่ยนลี่เฉิงฟังจนจบก็ตัวแข็งทื่อไปพักหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนั้นเหมือนว่าเจี่ยงรุ่ยจะรู้สึกได้ถึงความอาฆาตจากดวงตาของคุณชายคนนี้
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของเขายังดูดีสมบูรณ์แบบอย่างถึงที่สุด แต่เจี่ยงรุ่ยกลับถูกคุณชายคนนี้ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวได้ เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
หัวใจของเยี่ยนลี่เฉิงเต้นรัว เสียงแหบพร่าเพราะวิ่งมาอย่างรีบร้อน
"ผมจะตามไปก่อน!"
เจี่ยงรุ่ยโพล่งออกมา "ลี่เฉิง ฉันไปด้วย!"
อีกด้าน ฉินอิงอิงถูกชายร่างกำยำอุ้มและเจอรถที่ขับออกไปแล้ว
แต่เพื่อความปลอดภัย พวกเขาจึงเปลี่ยนไปใช้รถอีกคัน เป็นรถยนต์คันเล็กสีขาวให้ความรู้สึกไม่เก่าไม่ใหม่
เมื่อเห็นว่าชายร่างกำยำกำลังจะอุ้มเธอขึ้นรถ ฉินอิงอิงก็กอดคอของเขาอย่างแน่นหนา
"ไม่ใช่รถคันนี้!"
ชายร่างกำยำแสดงสีหน้าท่าทางที่ดุดัน แต่จู่ ๆ ก็สำลักจนพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ เพราะหายใจไม่สะดวก ดวงตาของเขาเบิกกว้างแฝงแววอาฆาต
เมื่อคนขับเห็นว่าเพื่อนยังไม่ยอมขึ้นรถมาสักทีจึงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย "พี่หลัว รีบขึ้นรถสิ!"
พี่หลัวก็อยากขึ้นรถ แต่เขารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
เขายื่นมือออกมาจับมือของเด็กน้อยที่ล็อกคอ ผลคือพบว่าขาทั้งสองข้างของเด็กน้อยอยู่บนเอวของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เห็นชัด ๆ อยู่ว่าเป็นขาเล็กขาวเนียน เนื้อเยอะเหมือนแครอท แต่มันกลับหนักเหมือนทองพันชั่ง
ร่างกายท่อนบนขยับไม่ได้ ชายร่างกำยำเตรียมตัวที่จะถอยหลัง
ทันทีที่ขาของเขาขยับ ร่างกายส่วนล่างของเขาก็เริ่มไม่มั่นคงและล้มลงกับพื้นดังตึง
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของชายร่างกำยำถือโอกาสดิ้นรนออกมาได้ทันเวลาและลื่นไหลลงไปที่พื้น
ในตอนที่ชายร่างกำยำล้มลงไปกับพื้น เธอก็ไม่ลืมที่จะเตะกล่องดวงใจของอีกฝ่ายอย่างแรง
"อ๊ากก!"
ชายร่างกำยำร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนา
คนขับรถกับหญิงสาวลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่มึนงง
"พี่หลัว เป็นอะไรไป?"
พี่หลัวเจ็บจนพูดอะไรออกมาไม่ได้ เขาตัวสั่นและชี้นิ้วไปทางเด็กน้อยผู้ดูไร้พิษภัยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
คนขับรถ "..."
หญิงสาว "..."
ชายชาตรีหนักเกือบเก้าสิบห้ากิโลกรัมใช้นิ้วหนาที่แข็งแกร่งชี้ไปยังเด็กน้อยแค่คนเดียวอย่างสั่นกลัว นี่มันเป็นภาพที่…
คนขับรถกระตุกมุมปากและตัดสินใจในทันที "อุ้มเด็กซะ ฉันจะประคองพี่หลัวขึ้นรถ"
หญิงสาวพยักหน้าและไปอุ้มเด็กน้อยที่หน้าตาดูไร้เดียงสาและสวยสดงดงามโดดเด่นกว่าคนอื่น
"หนูน้อย ป้าจะอุ้มหนูไปพักผ่อนบนรถนะ"
ฉินอิงอิงเอียงคอ "ขอดูรถของคุณได้มั้ย?"
มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าเด็กน้อยไม่ขัดขืนพวกเขา หญิงสาวจึงยิ้มและพยักหน้า
"แน่อยู่แล้ว!"
ฉินอิงอิงก้าวเท้าเล็ก ๆ วิ่งตึก ๆ หญิงสาวเองก็ไม่กลัวเธอหนีไปสักนิด
ยังไงก็เป็นแค่เด็กน้อย จะวิ่งเร็วได้ถึงแค่ไหนเชียว?
เมื่อเห็นว่าคนขับคนเดียวไม่สามารถประคองพี่หลัวขึ้นมาจากพื้นได้ เธอเลยไปช่วย
พี่หลัวร้องออกมาอย่างรีบเร่งหลังจากที่เจ็บปวดมาสักพัก "รีบขวางเด็กนั่นซะ เด็กนั่นชั่วร้ายโดยกำเนิด!"
คนขับกับหญิงสาวต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว พวกเขาทำเรื่องแบบนี้มานานมาก เคยผ่านเด็กมากี่คนตัวเองยังจำไม่ได้แล้ว ขนาดนักศึกษายังไม่เคยรอดพ้นจากมือของพวกเขาเลย นับประสาอะไรกับเด็กตัวเล็ก ๆ แค่คนเดียว?
เธอดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ร่ำรวย ถึงปล่อยให้เธอหนี เธอก็อาจรังเกียจพื้นดินที่เต็มไปด้วยโคลนเพราะกลัวว่าจะทำให้ชุดเจ้าหญิงของเธอสกปรก
ฉินอิงอิงรังเกียจจริง ๆ
ตอนที่เดินไปรอบ ๆ รถ เธอไม่ทันระวังจนทำรองเท้าเปื้อน เธอรู้สึกหดหู่ใจมาก เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่าประตูรถเปิดอยู่และมีมีดปอกผลไม้อยู่ใต้เบาะหลังหนึ่งเล่ม
เธอรีบร้อนหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาและใช้กำลังทั้งหมดที่มีแทงล้อหลัง
เมื่อเห็นว่ายางล้อรถยังแน่นอยู่ เธอก็แทงลงไปอีกหลายที
เพราะกลัวว่ายางล้อรถยังไม่พัง ลูกวาฬน้อยจึงไปที่ล้อด้านหน้าและแทงแบบเดียวกันอีกสองสามครั้ง
เธอตัวเล็ก มีพลังแข็งแกร่ง ความรวดเร็วถือเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกับเธอ
แต่มีแค่ฉินอิงอิงเท่านั้นที่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ เพราะฉะนั้นพอเธอเจาะล้อรถเสร็จ เธอก็นำมีดปอกผลไม้ซ่อนไว้ด้านหลังและก้าวขาป้อม ๆ ที่เมื่อยจนสั่นไปหมดตรงไปหาพวกคนขับ
คนขับกับหญิงสาวเพิ่งจะพยุงพี่หลัวมาถึงข้างรถ ยังไม่ได้ขึ้นไป
ฉินอิงอิงเข้าไปใกล้และถามพวกเขา "กำลังจะไปไหนกันเหรอ?"
คนขับหัวเราะออกมา "เราจะไปที่ดี ๆที่หนึ่ง จะพาเธอไปด้วยนะ!"
ฉินอิงอิงขมวดคิ้ว "แต่หนูไม่อยากไป หนูยังต้องตัดผมอีกนะ"
พี่หลัวพูดเสียงดังลั่น "รีบอุ้มเธอขึ้นรถสิ! ทำให้สลบก่อนแล้วค่อยพาขึ้นไป!"
หญิงสาวมองพี่หลัวด้วยสายตาแปลกๆ ถึงจะสงสัยว่าทำไมพี่หลัวถึงได้หวาดกลัวเด็กนี่ขนาดนี้ แต่ก็ยังทำตามอยู่ดี
ทำให้เด็กสักคนหลับมันง่ายจะตายไป
ถึงทำให้สลบไม่ได้ แต่เธอก็มีของอย่างนมเปรี้ยว เยลลี่ เครื่องดื่มและอมยิ้มที่ใช้หลอกล่อเด็กได้ผล
"หนูน้อย อยากดื่มนมเปรี้ยวมั้ย?"
ฉินอิงอิงส่ายหน้าและพูดอธิบายอย่างจริงจัง
"ฉันหย่านมตั้งนานแล้ว!"
หญิงสาวหัวเราะกับคำพูดที่ไร้เดียงสาของเธอ
"ไม่ใช่นมแม่ แต่เป็นนมเปรี้ยว เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ รสชาติอร่อยมากเลยนะ!"
ไม่!
ลูกวาฬน้อยแปซิฟิกไม่ได้ชอบดื่มนมเปรี้ยวซะหน่อย!
เธอชอบกินเนื้อ!
โดยเฉพาะเนื้อแมวน้ำ!
"ไม่เอา!"
พี่หลัวอดทนเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจและเหวี่ยงฝ่ามือไปที่คอของเด็กน้อย
ทำให้สลบก็จบ ทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะ
หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ "พี่หลัว!"
คนขับก็นิ่งไปเหมือนกัน มันสายเกินไปที่จะหยุดเขาแล้ว
พวกเขาคิดว่าสิ่งที่จะได้เห็นคือเด็กน้อยถูกพี่หลัวเหวี่ยงมือใส่จนกระเด็นออกไปสองเมตร ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยจะยกมืออวบอ้วนขึ้นและทำบางอย่างด้วยความเร็วที่พวกเขามองเห็นไม่ถนัด จนพี่หลัวถึงกับร้องโอดครวญออกมาอีกครั้ง
"อ๊าก!"
"พี่หลัว!"
ในที่สุดคนขับกับหญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าเด็กนี่ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ทั้งสองคนพุ่งเข้าไปหาเด็กน้อยพร้อมกัน
เหอะ!
คนตัวใหญ่รังแกคนตัวเล็กแล้วยังคิดหมาหมู่!
นี่เป็นสิ่งที่วาฬเพชฌฆาตอ้วนอย่างเธอทำบ่อย ๆ!
ตอนที่ล้อมลูกวาฬหลังค่อมหรือลูกวาฬสีเทา พวกเธอก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
เหมือนว่าจะเจอศัตรูเข้าซะแล้ว!
ลูกวาฬแปซิฟิกตัวน้อยที่เดิมทีสงบเสงี่ยมระเบิดความดุร้ายออกมาแล้ว ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ดวงตาสีดำเปล่งประกายไปด้วยความเฉยชาไร้อารมณ์
ลุย!
ตอนที่เยี่ยนลี่เฉิงกับเจี่ยงรุ่ยตามมาถึง ก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี
"อิงอิงน้อย!"
ลูกวาฬแปซิฟิกตัวน้อยพุ่งเข้าสู่สนามรบแล้ว สองวันมานี้กินอิ่มเต็มที่ เธอมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ
ความดุร้ายในกระดูกของเธอปะทุขึ้น อย่าว่าแต่หญิงสาวกับคนขับตัวซูบผอมคนนี้เลย พี่หลัวที่ร่างกายกำยำก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
ประสบการณ์ทำให้แข็งแกร่ง ลูกวาฬแปซิฟิกตัวน้อยอย่างเธอร่วมเข่นฆ่าในมหาสมุทรกับครอบครัวมาตั้งแต่หย่านมได้หนึ่งปีกว่า
เธอตัวเล็กและคล่องแคล่ว แถมยังลงมือได้ไว พลังในการต่อสู้ก็ไม่ธรรมดา
เทียบกับพวกพี่ชาย มีสิ่งเดียวที่ไม่ดีก็คือฟันของเธอเล็กเกินไปและยังคมไม่มากพอ
หลังเปลี่ยนมาเป็นลูกมนุษย์ เวลาทะเลาะกันก็ไม่ต้องใช้ปากเหมือนปกติแล้ว แค่ใช้มือก็พอ!
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว