Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)-บทที่ 55 : ห้วงเวลาของการพักผ่อนที่สิ้นสุดลง

โดย  Luluca

Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)

บทที่ 55 : ห้วงเวลาของการพักผ่อนที่สิ้นสุดลง

‘ดามัสกัส’ นับเป็นแร่พิเศษเลอค่าที่หาได้ยากยิ่ง มันเปล่งประกายราวสายรุ้งหลังฝน แตกต่างจากแร่ชนิดใด ๆ เมื่อสัมผัสแสงอาทิตย์จะเปล่งประกายเจิดจ้า ราวกับดวงตะวันถูกย้ายมาประทับบนตัวแร่ กล่าวขานว่ามันเกิดจากน้ำตาของพระเป็นเจ้าที่หลั่งลงสู่ผืนดิน

ในอดีตกล่าวกันว่า มีเพียงช่างฝีมือชนเผ่าทมิฬเท่านั้นที่สามารถตีขึ้นรูปแร่ดามัสกัสได้ แรกเริ่มพวกเขาใช้มันสร้างสรรค์เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ สำหรับจักรพรรดิแห่งฟานิอา อาทิ มงกุฎ แหวน กำไลข้อมือ เข็มขัด กระทั่งก่อเกิดเป็นอาวุธชิ้นแรก ‘กริชอาคม’ งานศิลป์ขั้นสูงสุดของชาวฟาริส

หินแร่มานาที่ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบ จะดูดซับประกายแสงของดามัสกัสให้หรี่ และมอดดับสนิท เกิดเป็นลวดลายคลื่นน้ำ บนพื้นผิวอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น แม้สูญเสียรัศมีเปล่งประกาย แต่กลับมีความแข็งแกร่ง และพลังในการรักษาเหนือกว่ากริชทั้งมวล

“มันรับแรงฟาดจากดาบ ขวาน หรือค้อนได้ และไม่จำเป็นต้องลับคม” ไอชาบอกถึงคุณสมบัติของมัน พร้อมส่งกริชงามคมกล้าให้ปัสกาลได้ลองสัมผัส

ภายใต้ความแข็ง เหนียว และการฟื้นฟูรักษาคมในพริบตา ส่งผลให้มันแทบไม่สูญเสียความคมในระหว่างต่อสู้ และนี่คือเหตุผลที่ดาบของดาวิด ซึ่งตีขึ้นจากแร่ดามัสกัสเฉกเช่นเดียวกันนั้น ช่างคมกริบเหนือธรรมชาติ

“เราอยากรู้จักวิธีใช้งานมันมากกว่านี้” วิโอล่าบอก สายตาเฉลียวฉลาดส่องประกายมุ่งมั่น

“เจ้าหมายถึงชิ้นไหนล่ะ?” ไอชาถาม

“ทั้งหมดนั่น หรือเท่าที่เจ้ายังเก็บซ่อนเอาไว้อีก”

“อย่าเชียว หากเจ้าอธิบายให้นางได้รู้จักของพวกนี้ข้าเกรงว่า…” ปัสกาลขัดขึ้น มือหนึ่งยื่นกริชคืนไอชา

เขาเข้าใจเจตนาของวิโอล่าดีทีเดียว นางเรียนรู้ได้เร็วอย่างน่าขนลุก เพียงได้ฟังวิธีใช้งานจากปากของมือสังหารสาว นางอาจกวัดแกว่งพวกมันได้ในทันที ห้วงความคิดพาเขาเห็นภาพเด็กสาวถือกริชมือหนึ่ง มีดอีกมือหนึ่ง ย่อตัวต่ำ เตรียมกระโจนสังหารศัตรู

สาบานต่อพระเป็นเจ้าเลยว่าเขาไม่อยากเห็น

“ไม่ดีหรือ ยามคับขันเรายังขว้างมีดช่วยเหลือพวกท่านได้”

“ไม่… ไม่ดี ข้าไม่เห็นด้วย ข้ามีความสุขกับการได้ปกป้องเจ้ามากกว่า” ปัสกาลตอบกลับทันควัน น้ำเสียงรัวเร็วแต่หนักแน่น “ตรงกันข้ามข้าคงไม่สบายใจหากเห็นเจ้าถืออาวุธ”

ไอชาถึงกับหลุดขำ เมื่อเห็นอัศวินหนุ่มเบือนสายตาหนีวิโอล่าที่หน้าหงิกหน้างอ เข้าใจดีเชียวว่าปัสกาลไม่อยากให้วิโอล่าเข้าใกล้อาวุธใด อันจะนำไปสู่ความเสี่ยง นึกถึงช่วงดาวิดนำทัพบุกป้อมปราการ ปัสกาลแทบจะจับวิโอล่ายัดใส่กระสอบ แล้วมัดไว้กับรถม้าเพื่อให้นางหนีไปเดี๋ยวนั้น

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแผ่ซ่านในช่วงเวลาสบาย ๆ ท่ามกลางการพักผ่อนหยอกล้อกันเบา ๆ พลันถูกแทรกด้วยแสงเรืองรองสว่างวาบขึ้นชั่วพริบตา

ราวกับภูตผีปิศาจย่างกรายเข้าประชิด โดยไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกเย็นวาบวิ่งผ่านสันหลัง ขนลุกชัน เลือดพลุ่งพล่าน ร่างกายตื่นตัวในทันที ผู้มาเยือนอย่างมิได้นัดหมายปรากฏตัวขึ้นริมโต๊ะ ระหว่างปัสกาลและไอชา ฝ่ามือในถุงมือหนังวางกดบนมือน้อย ๆ ของไอชาที่กระชับกริชแน่นในเสี้ยววินาที ดวงตาสีทับทิมจ้องมองมือขวาของปัสกาลที่จับด้ามดาบแน่น

“สงบสติสักประเดี๋ยวเถิดสหายข้า” ผู้สวมหน้ากากกล่าวผ่านน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ

ดวงตาเบิกกว้างของทั้งสามชีวิตค่อย ๆ คลายลงเมื่อประสาทสัมผัสรับรู้ถึงความปลอดภัย ไอชาชะงักฝ่ามือ ค่อย ๆ วางกริชลงช้า ๆ ขณะที่ปัสกาลถอนใจแรง

“ท่านก็มีอารมณ์ขันน่าดู” ปัสกาลดันดาบกลับลงฝัก เบียดหลังเข้ากับพนักพิงเก้าอี้ “ข้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ ถ้าทูตมรณะแห่งบาร์บารีโดนเสียบตาย เพราะดันสุ่มสี่สุ่มห้าโผล่ออกมาไม่บอกกล่าวแบบนี้”

เขาบ่นขำ ๆ จ้องมองผู้สวมหน้ากากสีขาวสลับดำ อันเป็นสัญลักษณ์ของบาร์บารี

“ยินดียิ่งที่ได้พบท่านอีกครั้ง” วิโอล่ากล่าวทักทาย แย้มยิ้มผ่านใบหน้าไร้เดียงสาเฉกเช่นทุกครั้ง “พระเป็นเจ้าชักนำท่านมาเยือน เพื่อแจ้งข่าวอันประเสริฐกับพวกเราใช่หรือไม่”

ดวงหน้าของคุณหนูแห่งบูล็องต์เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ผินมองไอชาที่จับจ้องรูนอย่างไม่วางตา

“เกรงว่าคงไม่ใช่ข่าวประเสริฐ” ผู้มาเยือนบอกผ่านน้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์

ทิ้งช่วงให้ทุกสายตาจับจ้อง ปล่อยความเงียบงันเข้าครอบงำจนเกิดคำถามค้างคาในใจ จึงกล่าวต่อ

“ด้วยความสัตย์จริง อัคราจารย์ตระหนักถึงความสำคัญของพันธกิจนี้ และตระหนักถึงอุปสรรคของพวกท่าน”

ผู้สวมหน้ากากพูดยืดยาวมากกว่าปกติ แต่น้ำเสียงหย่อนยานกระชับระรื่นหูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สอดส่ายสายตายังผู้รับสารทั้งสามที่เฝ้ารอถ้อยคำ แล้วจึงเปล่งถ้อยคำหนักหน่วง

“เคานต์ดาวิดกำลังเตรียมสถาปนาตนเป็นกษัตริย์แห่งบูล็องต์”

เมื่อจบคำ ผู้สวมหน้ากากได้ถอดเครื่องปิดบังใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้างามของสตรีผู้มีผมเหยียดตรง ดวงตาสีแดงเข้มคล้ายกำลังส่องสว่าง

“เมื่อนั้น พันธสัญญาระหว่างอาณาจักรไมอาและบาร์บารีจะยุติลง กองทัพไมอาจะหวนคืนสู่ความชอบธรรม กองเรือของมาร์กีแห่งไวน์แอตจะเคลื่อนเข้าบดขยี้บูล็องต์”



“ลูกแกะของพระเป็นเจ้าไม่เคยถูกแบ่งแยกวรรณะ ข้ามาเยือนเพื่อช่วยเหลือกิจการทั้งมวลของพวกท่าน ตราบจนลุล่วง”



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว