บทที่ 33 ห้องพัก
ที่เรียกว่าจุดตั้งถิ่นฐานของปัญญาชน จริง ๆ แล้วก็คือบ้านสองหลังที่เชื่อมต่อกัน
ผู้ชายอยู่หลังหนึ่ง ผู้หญิงอยู่อีกหลังหนึ่ง
ห้องพักทั้งหมดมีสามห้อง ทางเข้าตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่อยู่ติดกัน มีหม้อใบใหญ่สองใบวางอยู่ด้านซ้ายและขวาของห้องครัว เชื่อมต่อกับห้องพักอีกสองห้งที่อยู่ด้านข้าง แต่ละห้องมีเตียงเตา*[1]วางอยู่ภายใน
การทำอาหารในครัวแบบนี้ สามารถใช้ความร้อนจากเตาไฟมาทำความอุ่นให้กับเตียงเตาได้ด้วย
ฤดูหนาวของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศจะหนาวกว่าปกติ บ้านในชนบททุกหลังจะมีการจัดวางในลักษณะนี้
ลู่เซี่ยและคนอื่น ๆ เดินสำรวจห้องพักคร่าว ๆ ไม่นานนักก็มีปัญญาชนชายหญิงคู่หนึ่งกลับมา
ปัญญาชนหญิงอายุราวยี่สิบต้น ๆ ดูท่าทางคล่องแคล่วว่องไว แต่ความหยาบกร้านและความเหนื่อยล้าบนใบหน้าแสดงให้เห็นว่าเธอลงมาอยู่ที่ชนบทมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อเห็นพวกเขา เธอก็เริ่มแนะนำตัว “ฉันชื่อ ‘ซุนเสิ้งหนาน’ เป็นหัวหน้าของปัญญาชนฝ่ายผู้หญิง”
ปัญญาชนชายอีกคนก็พูขึ้น "ผมชื่อ ‘จ้าวหัว’ เป็นหัวหน้าของปัญญาชนฝ่ายผู้ชาย พวกคุณมาไม่ถูกจังหวะ ทุกคนไปทำงานกันหมดแล้ว เดี๋ยวผมพาไปดูห้องพักที่จะอยู่ต่อไปก่อนแล้วกัน เอาสัมภาระไปวางไว้ก่อน”
ทุกคนพยักหน้ารับ ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยจริง ๆ ไม่มีอารมณ์คุยเล่น และอยากพักผ่อนโดยเร็ว
ซุนเสิ้งหนานก็พาผู้หญิงทั้งสามคนไปยังห้องด้านขวาของบ้าน
เมื่อเข้ามาก็พบว่าบนหัวเตียง ก็คือตำแหน่งผนังใกล้กับหม้อในห้องครัว มีผ้าห่มพับเรียบร้อยวางอยู่แล้ว
ซุนเสิ้งหนานชี้ไปที่นั่นแล้วพูดขึ้น “นั่นเป็นที่ของ ‘อวี๋ฟาง’ ปัญญาชนขอพวกเรา พวกคุณนอนทางนี้ได้”
ทั้งสามคนมองเตียงนอนขนาดใหญ่ที่วางตระหง่านอยู่เตียงเดียว แล้วรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ
ไม่ได้หมายความว่าให้พวกเธอทั้งสี่คนนอนด้วยกันใช่ไหม? แม้แต่ฉากกั้นกลางก็ไม่มี
แต่ดูจากท่าทีของซุนเสิ้งหนานแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้น
ดังนั้นลู่เซี่ยจึงมองไปรอบ ๆ และเป็นคนแรกที่วางกระเป๋าเดินทางไว้ที่ปลายเตียง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ห่างจากห้องครัวมากที่สุด
ลู่เซี่ยเคยนอนบนเตียงเตามาก่อน ตอนที่เธออยู่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม้ว่าจะอยู่ในตัวเมือง แต่ก็ยังงเป็นบ้านชั้นเดียว และบ้านชั้นเดียวทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่จะมีเตียงเตา ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
ตำแหน่งนี้อาจจะไม่ร้อนมากนัก แต่มีเพียงด้านเดียวที่ติดกับคนอื่น ซึ่งก็ถือว่าดีกว่าเยอะเลย
ส่วนซูม่านที่แม้จะรังเกียจ แต่ก็รู้ดีว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกจับจองที่ว่างข้าง ๆ ลู่เซี่ย
เหลือเพียงจวงหงเหมยที่ยังไม่อยากอยู่ “ไม่มีห้องอื่นแล้วเหรอ จะให้มาอยู่กันแบบอึดอัดได้ยังไง?”
ซุนเสิ้งหนานได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไป “ไม่มีแล้ว จุดตั้งถิ่นฐานของปัญญาชนมีเพียงสองหลังเท่านั้น พวกเราโชคดีแล้ว หนึ่งห้องนอนได้สี่คน แต่ฝั่งผู้ชายต้องนอนห้องละห้าคน อึดอัดกว่าอีก”
พูดไปแล้วก็เห็นว่าจวงหงเหมยยังคงทำหน้ารังเกียจ จึงเสนอเพิ่มเติม “ถ้าเธอไม่อยากอยู่จริงๆ ต่อไปเธอสามารถยื่นคำร้องขออยู่บ้านของชาวบ้านได้ ถึงตอนนั้นเธอก็แค่ให้อาหารเขาสักเล็กน้อยก็พอ”
จวงหงเหมยได้ยินแล้วก็ค่อนข้างสนใจ แม้แต่ซูม่านก็เริ่มครุ่นคิด
แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้พวกเธอยังต้องตั้งหลักให้ได้ก่อน
หลังจากนั้นซุนเสิ้งหนานก็แนะนำข้อปฏิบัติขณะอยู่ร่วมกันในจุดตั้งถิ่นฐานของปัญญาชนให้พวกเธอฟังอีกเล็กน้อย ในปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาทำงาน เหล่าปัญญาชนทั้งชายและหญิงจะทานอาหารร่วมกัน
เหตุผลแรกคือเพื่อประหยัดฟืน และเหตุผลที่สองคือเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน เนื่องจากต้องผลัดกันทำอาหาร ทุกคนจึงไม่เหนื่อยมาก ไม่อย่างนั้นหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แล้วยังต้องทำอาหารคงจะทนไม่ไหวจริง ๆ
แต่เมื่อถึงช่วงฤดูหนาวต่างคนก็ต่างทำ เพราะฤดูหนาวจะหนาวกว่าปกติมาก แต่ละห้องต้องก่อไฟเพื่อให้เตียงอุ่น
ส่วนพวกเธอเพิ่งมาถึง ยังไม่มีคะแนนงาน จึงไม่มีอาหาร แต่ทางหน่วยการผลิตจะให้พวกเธอยืมอาหารไปก่อนได้ และในอนาคตพวกเธอสามารถพิจารณาได้ว่าจะกินอย่างไร จะกินร่วมกับเหล่าปัญญาชนที่อยู่มาก่อนหรือไม่ก็ได้
นอกจากนี้ แปลงผักหน้าที่พักก็เป็นของที่เหล่าปัญญาชนปลูกกันเอง ผักหล่านั้นมีอยู่ไม่น้อย น่าจะเพียงพอให้พวกเธอได้กิน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผักเลยทีเดียว
ลู่เซี่ยและคนอื่น ๆ จึงตัดสินใจทันทีโดยไม่ต้องคิดว่าจะกินอาหารร่วมกับเหล่าปัญญาชนที่อยู่มาก่อน พวกเธอเพิ่งมาถึงที่นี่ จึงคิดว่าควรทำตัวกลมกลืนกับทุกคนจะดีกว่า
[1] เตียงเตา = เตียงที่มีระบบทำความร้อน (เตียงแบบจีนที่ทำจากอิฐหรือดินเหนียว มักมีช่องสำหรับใส่ฟืนหรือถ่านเพื่อให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว)
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว