บทที่ 32 จักรยานมือสอง
เจี่ยงหมิงหล่างได้ยินแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่กล้าหัวเราะแล้ว กลัวโจวจวินฉิงจะโกรธแล้วมาซ้อมเขา ถึงโจวจวินฉิงจะบาดเจ็บอยู่ เขาก็ไม่ใช่คู่มือของโจวจวินฉิงอยู่ดี โดนต่อยมาตั้งแต่เด็กจนโตจนกลัวไปแล้ว
“ผมไม่ได้หัวเราะพี่นะ พี่จวิน จริง ๆ นะ แค่จักรยานมือสองเอง จะเรื่องมากอะไรนักเล่า พรุ่งนี้ผมจะไปหามาให้”
“ตอนนี้!”
“ได้ ๆๆ ตอนนี้ ๆ เดี๋ยวผมไปเลย” เจี่ยงหมิงหล่างไม่สนใจจะนอนต่อแล้ว รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกไป พอเดินไปถึงจุดที่โจวจวินฉิงมองไม่เห็นก็หลุดขำออกมาทันที “พี่จวิน พี่แน่มาก พี่ทำได้ ผมเชื่อว่า ‘พี่สะใภ้’ ต้องรับของขวัญจากพี่แน่!”
ครอบครัวของเจี่ยงหมิงหล่างก็มีฐานะดี เพราะบ้านอยู่หมู่บ้านเดียวกับคุณตาของโจวจวินฉิง ถึงได้โตมาด้วยกันกับเขา ตอนนี้ต้องจำใจไป ‘คุ้ยขยะ’ เขาอยากจะป่าวประกาศ ‘ภารกิจตามจีบสาว’ ของโจวจวินฉิงให้ดังไปทั่วหมู่บ้าน
ใช่แล้ว ไม่ว่าโจวจวินฉิงจะยืนยันหนักแน่นแค่ไหนว่าเขากับเจียงอี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เจี่ยงหมิงหล่างก็คิดว่านั่นเป็นแค่การเสแสร้ง ถ้าไม่ได้หมายปอง ‘พี่สะใภ้’ แล้วโจวจวินฉิงจะทุ่มเทขนาดนี้ทำไม?
แต่เขาต้องทำภารกิจที่โจวจวินฉิงสั่งให้เสร็จก่อน
จริง ๆ แล้วโจวจวินฉิงสามารถซื้อจักรยานเองได้ แต่เจี่ยงหมิงหล่างเป็นคนที่คบเพื่อนหลากหลาย แม้แต่เพื่อนในตลาดมืดก็รู้จัก โจวจวินฉิงอยากได้จักรยานมาโดยเร็วที่สุด ไม่อยากรอให้เช้าแล้วค่อยไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้า เลยไล่ให้เจี่ยงหมิงหล่างไปซื้อก่อน
เจี่ยงหมิงหล่างไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ออกไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลับมาพร้อมกับจักรยานแล้ว แต่มันไม่ใช่ ‘รถมือสอง’ อย่างที่โจวจวินชิงต้องการ
"พี่จวิน รถมือสองที่พี่อยากได้มันไม่มีแล้ว เพื่อนผมเพิ่งขายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกนั้นเอามาประกอบใหม่แล้วก็ขายต่อ มีแต่รถใหม่ ทำไงดี?"
โจวจวินฉิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน
ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นชัดว่ามันเป็นรถใหม่เอี่ยมอ่อง
เจี่ยงหมิงหล่างรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่ทำงานไม่สำเร็จ เห็นโจวจวินฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า "คิดออกแล้ว!"
"คิดออกแล้ว? เร็วจัง" เจี่ยงหมิงหล่างเบิกตากว้าง "พี่กับพี่สะใภ้ไปถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ?"
โจวจวินฉิงเหลือบมองเจี่ยงหมิงหล่างด้วยสายตารำคาญ พูดจาเลอะเทอะไปเรื่อย เขายื่นเงินกับตั๋วให้ปึกหนึ่ง "นายเอาไปสิ ฉันซื้อคันนี้แหละ"
พูดจบก็เข็นจักรยานออกไป
เจี่ยงหมิงหล่างไม่กล้าตามไปเพราะทำงานพลาด ไม่ได้รถมือสองมาให้ ทั้งยังอยากจะไปรายงานพ่อตาของโจวจวินฉิงด้วยซ้ำ แต่ก็ใจไม่กล้าพอ สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับไปนอนต่อ แล้วค่อยไปสืบดูว่าโจวจวินฉิงจะเอารถจักรยานไปทำอะไร
เขาจะเอาไปทำอะไรกันนะ?
เจี่ยงหมิงหล่างคิดว่าพึ่งพาคนอื่นสู้พึ่งพาตัวเองไม่ได้ คิดไปคิดมาก็คิดหาทางออกได้
ตอนนี้เขามีจักรยานใหม่ไม่ใช่เหรอ เขาจึงตัดสินใจลงมือทำให้มันกลายเป็นจักรยานมือสองซะเลย!
หลังจากเข็นรถกลับถึงบ้าน โจวจวินฉิงก็ลังเลใจว่าจะลงมือตรงไหนดี
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเสียดายรถใหม่หรอกนะ แต่เขาคิดว่าถ้าทำให้มันดูแย่เกินไป เด็กสาวที่ขี่มันคงจะรู้สึกอับอายน่าดู
แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ จักรยานใหม่เกินไป เหมือนกับนาฬิกา อาจจะถูกเด็กสาวปฏิเสธได้ โจวจวินฉิงจึงตัดสินใจลงมือขูดสีจักรยานใหม่คันนั้น พอดูแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันใหม่เกินไป จึงไปเอาดินข้างนอกมาป้ายให้ทั่วรถทำให้ดูสกปรก
"แบบนี้ใช้ได้แล้วมั้ง" โจวจวินฉิงล้างมือพลางมองดู ‘รถมือสอง’ ของเขาด้วยความพอใจ
เจียงอี้ตื่นแต่เช้าเพื่อทำเหลียงผี พอเห็นว่าได้เวลาแล้ว เธอจึงกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปข้างนอก ก็ได้ยินเสียงคนมาที่หน้าประตู เจียงอี้ขมวดคิ้วแล้วเดินไป พอเปิดประตูออกก็ตกใจกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูจนเกือบจะปิดประตูใส่
"พี่โจว?" พอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชัด ๆ เจียงอี้ก็เบิกตากว้าง
ไม่ใช่สิ หรือว่าเธอเดาเวลาผิด ไม่งั้นทำไมเธอถึงมาเจอโจวจวินฉิงที่หน้าบ้านเช้าขนาดนี้
"อรุณสวัสดิ์"
โจวจวินฉิงตกใจที่ทำให้เด็กสาวตกใจ จึงเผลอจะยื่นมือไปประคองเจียงอี้ แต่โชคดีที่เจียงอี้ยืนทรงตัวได้เอง
เจียงอี้ได้ยินเสียงก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เธอจึงเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของโจวจวินฉิงมองดูเวลา
"เวลานี้? พี่โจว..." เจียงอี้เม้มริมฝีปาก อยากจะถามโจวจวินฉิงว่า ฝันไปหรือเปล่า?
โจวจวินฉิงไม่ได้เตรียมใจที่เด็กสาวจะมาจับข้อมือ ผิวของทั้งสองสัมผัสกัน รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่นทำให้โจวจวินฉิงตกตะลึง เกือบลืมไปว่าจะมาทำอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงอี้ยังเห็นรอยเปื้อนบนใบหน้าของโจวจวินฉิง จึงชี้นิ้วไปที่รอยนั้นแล้วพูดว่า "พี่โจว ตรงนี้"
"อะไร?" โจวจวินฉิงรู้สึกใจลอย ไม่ทันได้ตอบสนอง
เจียงอี้จึงยื่นมือไปเช็ดออกเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน "หน้าพี่เปื้อน ฉันเช็ดให้นะ"
ปลายนิ้วสัมผัสใบหน้า ทำให้โจวจวินฉิงสะดุ้ง
รอยยิ้มอันแสนหวานของเด็กสาวสามารถสะกดสายตาคนได้ เพราะอยู่ใกล้กัน ทำให้ได้กลิ่นหอมหวานจาง ๆ
โชคดีที่โจวจวินฉิงควบคุมสติได้อย่างรวดเร็ว เขายังคงทำตัวเป็นปกติและพูดอย่างใจเย็นว่า "ขอบคุณ พอดีเจอจักรยานมือสอง เลยนึกว่าเธออาจจะได้ใช้ ก็เลยแวะมาถามดูก่อน"
“จักรยานมือสองเหรอ?”
เจียงอี้ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะโจวจวินฉิงมีรถยนต์ขับอยู่แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดูดี ไม่น่าจะมาปั่นจักรยาน นี่เขาพูดถึงจักรยาน แถมยังเป็นจักรยานมือสองอีก?
“อืม” โจวจวินฉิงตอบรับคำเดียว
เขาหันหลังกลับไปเข็นจักรยานมา ก่อนจะให้เธอดู เขายังตั้งใจกวาดสายตามองจักรยานทั้งคัน เพื่อให้แน่ใจว่ามันดู ‘เก่า’ พอแล้วจึงค่อยเข็นมาจอดตรงหน้าเด็กสาว “ก็คันนี้แหละ”
“อ๊ะ ยี่ห้อ ‘หยงจิ่ว’ ด้วย!”
เจียงอี้แค่มองครู่เดียวก็รู้ยี่ห้อแล้ว รีบเข้าไปดูใกล้ ๆ พร้อมกับคำนวณเงินในมือ
หลังจากซื้อเนื้อแล้ว เธอเหลือเงินแค่ 150 หยวน แต่ไม่ต้องห่วง เช้านี้ไปส่งของจะได้รับเงินมัดจำของพรุ่งนี้ 270 หยวน จริง ๆ แล้วเธอก็กะว่าจะไปตลาดมืด หาซื้อบัตรปันส่วนจักรยานสักใบ แล้วค่อยไปซื้อจักรยานเอง ตอนนี้มีจักรยานมือสองก็ใช้ได้เหมือนกัน ยังไงเงินก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
“ว่าแต่ พี่โจว รถคันนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
โจวจวินฉิงถึงกับอึ้งไป เขาเอาแต่คิดเรื่องจะให้ของขวัญ จนลืมเรื่องตั้งราคารถจักรยานไปเลย พอเด็กสาวถาม เขาก็ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
จักรยานใหม่ราคา 150 หยวน แถมบัตรปันส่วนจักรยานหนึ่งใบ งั้นจักรยานมือสองก็ไม่ควรจะแพงเกินไป งั้นเอาเป็น 50 หยวนแล้วกัน ไม่สิ หรือจะ 30 หยวนดี ถ้าให้ของขวัญแล้วยังทำให้เด็กสาวรู้สึกต้องเป็นหนี้อีกก็แย่สิ
"สามสิบหยวน"
หลังจากครุ่นคิดได้ครู่หนึ่ง โจวจวินฉิงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เป็นราคาที่เขาคิดว่าเหมาะสมแล้ว
แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าเจียงอี้จะแสดงท่าทีตกใจออกมา "พี่โจว พี่พูดว่าอะไรนะ พี่บอกว่าจักรยานคันนี้ราคาสามสิบหยวนเหรอ?!"
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว