Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)
Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)
แฟนตาซี-ไซไฟ
Luluca
ฝีมือเจนจัด รวมถึงผลงานอันน่าตื่นตะลึง 'ไอชา' และ 'เฟโรส' เลื่อนขั้นอย่างก้าวกระโดดขึ้นเป็นมือสังหารแถวหน้าในชั่วข้ามคืน ก่อนได้รับภารกิจแสนโหดหิน นั่นคือการหยุดวงล้อแห่งสงครามด้วยคมกริชของพวกเขา
  • 97 ตอน
  • 2,421
นิยายโดย
  • 1 เรื่อง
  • |
  • 1 คนติดตาม
บทนำ

“แม้ได้รับความรักจากพระเป็นเจ้าเสมอเหมือนกัน พวกเขากลับไม่เคยพึงพอใจ พวกเขาหันหลังให้กับพระองค์ ละทิ้งจิตวิญญาณ หลงใหลไปกับเนื้อหนัง จมอยู่กับบาป เชื่อว่าตนเองมีพลังอำนาจ ทั้งที่ความเป็นจริงพวกเขานั้นอ่อนแอ และกำลังหลงทิศหลงทาง”


“พวกเขาไม่เคยขาดแคลนความฝันอันยิ่งใหญ่ จนบางครั้งที่ความฝันนั้นนำพาหายนะอย่างไม่สิ้นสุดให้แก่หมู่มวลพวกเขา และเพราะอย่างนั้นจึงต้องมีพวกเรา… จึงต้องมีบาร์บารี”



ใครเล่าจะไม่รู้จักภาคีมือสังหาร กลุ่มอำนาจอันทรงอิทธิพลซึ่งคอยสร้างความหวาดผวาให้กับชนชั้นปกครอง และคอยชักใยอยู่หลังม่านประวัติศาสตร์มาตลอดทุกยุคสมัย



ภายใต้นาม ‘บาร์บารี’ หรือ ‘ลูกแกะของพระเจ้า’




ลมหนาวพัดพาความเย็นเยียบผ่านมาพร้อมเสียงหวีดหวิวดังก้องไปทั่ว ภายใต้ความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วทุกหัวระแหงเริ่มปรากฏดวงดาวระยิบระยับประดับอยู่บนผืนฟ้าสีดำ ดวงจันทร์ดวงใหญ่ทอแสงสุกสว่างเมื่อเมฆดำเคลื่อนตัวออก เผยให้เห็นหลังคาบ้านเรือนเรียงรายเป็นตับใต้แสงจันทร์สีนวล


ใจกลางเมืองหลวงเก่าแก่ หอนาฬิกาขนาดใหญ่สูงตระหง่านตั้งอยู่เหนืออาคารบ้านเรือน ประหนึ่งยักษ์ที่คอยเฝ้ามองผู้คนเบื้องล่าง มันถูกก่อขึ้นจากหินสีเทาขุ่นฉาบตกแต่งด้วยปูน มีบันไดวนยาวเหยียดเพื่อขึ้นสู่ยอด ระเบียงกว้างขวางมองเห็นทิวทัศน์เมืองได้ทั้งหมด แหงนมองขึ้นไปพบหน้าปัดมีเข็มนาฬิกาเหล็กดัดโค้ง ระฆังชุดหลายใบเก่าคร่ำคร่าบ่งบอกว่ามันยืนยงผ่านกาลเวลามาหลายต่อหลายยุคสมัย


ค่ำคืนอันเต็มไปด้วยแสงอันสุกสกาวของดวงดาวพราวฟ้า เด็กสาวอ้อนแอ้นยืนนิ่งบนระเบียง ทิ้งสายตายังพระราชวังไกลลิบบนเนินสูง นางอยู่ในชุดสีน้ำตาลหม่น สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขาสั้นพอดีกับสรีระ ผ้าคลุมยาวถึงข้อเท้า และรองเท้าบูต ปกปิดใบหน้าครึ่งบนด้วยฮู้ดที่ดึงเงาลงมาบดบังดวงตา เผยใบหน้างามเพียงครึ่งล่าง ไม่อาจปิดซ่อนผิวพรรณขาวเปล่งปลั่งราวเทพธิดาได้


ภายใต้ความเงียบปกคลุมทุกหัวระแหง พลันเมื่อเสียงระฆังจากหอนาฬิกาดังก้องกังวาน ลมแรงได้พัดกรรโชกพร้อมกันกับเด็กสาวที่ก้าวออกไป ทิ้งตัวจากหอระฆัง ปล่อยร่างน้อย ๆ ลอยคว้างจมดิ่งสู่ความมืดเบื้องล่าง



“ป่าไม้ผลัดยังใบ สายน้ำยังไหลริน เมฆายังเคลื่อนตัว ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป ทุกสรรพสิ่งย่อมแปรเปลี่ยนตามกาลเวลา ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ ไม่มีแผนการใดไร้ข้อผิดพลาด เรารู้ดี พวกท่านรู้ดี”


“หากเราต้องสิ้นสุดบทละครแห่งชีวิตบนดินแดนอันจมในบาปนี้ ก็เพราะพระเป็นเจ้าต้องการให้เป็นอย่างนั้น”


“หยุดตั้งคำถามเถิด เราขอออกคำสั่งให้พวกท่านถอนตัวเสียเดี๋ยวนี้ จงหวงแหนชีวิต และกลับไปแจ้งข่าวต่อแกรนด์มาสเตอร์ ว่าฟันเฟืองแห่งสงครามจะหักสะบั้นลงก่อนตะวันทอแสง”



แสงไฟจากอาคมประดิษฐ์ส่องประกายระยิบระยับทั่วทั้งมหาพระราชวังโบราณ ฉายภาพของแผ่นหินและก้อนอิฐเรียงรายอัดแน่นเป็นกำแพงอันแข็งแกร่ง ธงผืนใหญ่ขึงไว้เหนือเรือนเฝ้าประตู อันเป็นเส้นทางสัญจรหลัก ซึ่งบัดนี้กลับเปิดอ้าอย่างมีนัย


เชิงเทียนตกอยู่บนพรมสีแดงสดภายในห้องนอนมืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์ส่องสะท้อนการตกแต่งประดับประดาอย่างฟุ้งเฟ้อ เสียงโลหะปะทะกันเกิดขึ้นหลายครั้งภายใต้เสียงลมหายใจหนัก ๆ ผ่านลำคอ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำฉีกยิ้ม สองมือเหวี่ยงดาบประจำกายตัดอากาศดังวืดวาด แต่เป้าหมายคมดาบยังคงโล้ตัวหลบได้อีกครั้ง ก่อนเปิดฉากตอบโต้กลับบ้าง


หน้ากากสีขาวสลับดำ มีจมูกโด่งเป็นสัน และปากกว้างยิ้มแฉ่ง อันเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายของตัวตลกหลวงในคณะละครโบราณสวมอยู่บนใบหน้าของเด็กสาวผู้บุกรุก นางหมุนตัวสะบัดศาสตราวุธทั้งสองเล่มราวกับกำลังเต้นรำอยู่บนเวทีละคร ทั้งสง่างาม และน่าพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน ดวงตาสีน้ำตาลลึกล้ำจดจ้องคู่ต่อสู้ผ่านช่องมองบนหน้ากากอย่างไม่ว่างเว้น ใบมีดวาววับกวัดแกว่งอย่างคล่องแคล่ว พลิกสะบัดรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง มันฉวัดเฉวียน รุกไล่คู่ต่อสู้จนถอยไปหลายก้าว หากแต่กษัตริย์ยอดนักรบนั้นเปี่ยมด้วยเล่ห์เหลี่ยมในเชิงยุทธ คมอาวุธทั้งคู่ยังคงถูกปัดป้องได้ด้วยดาบในมือของเขา


“ไม่มีทาง! เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ องครักษ์กำลังมาที่นี่” กษัตริย์นักรบกร้าวใส่ ตามด้วยเสียงหัวเราะลั่น หากจะมีมือสังหารสักคนอุกอาจลอบเข้าถึงห้องนอนของจอมกษัตริย์ ‘ฟลาโวอัส วาเรนส์’ คนผู้นั้นต้องมีอำนาจดุจดังเทพเทวา ทั้งล่องหน และเหาะเหินเดินอากาศได้เป็นแน่ เขาเคยคิดเช่นนั้น


เบื้องหน้าคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจอย่างไม่เคยพบเจอบันดาลความตื่นเต้นจนถึงกับสั่นเทิ้ม ความคิดอยากบดขยี้อริร้ายผู้หาญกล้าเดือดพล่าน มือสังหารที่ปรากฏแก่สายตากรำประสบการณ์นั้นช่างแตกต่างจากในจินตนาการของตนเหลือเกิน สาวน้อยพลิ้วกายหลบเลี่ยงคมดาบที่เหวี่ยงสะบัดอย่างหนักหน่วงและแม่นยำ หลบเลี่ยงพลางก้าวถอยหลังสลับกับตอบโต้เมื่อสบโอกาส เข้าใจดีว่าเวลาของตนเหลืออยู่ไม่มากนัก ภารกิจนี้ต้องจบลงก่อนองครักษ์คนแรกปรากฏตัวขึ้น



ที่สุด โอกาสของนางได้มาถึง


วาเรนส์ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าความเหนื่อยล้าทำให้เขาเริ่มเชื่องช้าลง เขาเสียสมาธิเพียงชั่วพริบตาเดียวในการโถมแรงเหวี่ยงดาบภายใต้ท่วงท่าอันคุ้นชิน ทว่าครั้งนี้มัจจุราชตัวน้อยกลับยกมีดสั้นขึ้นไขว้รับ ปัดเบี่ยงวิถีดาบออก ราวสายฟ้าฟาด คมมีดอันแสนรวดเร็วปักเข้ายังซอกคอของกษัตริย์ร่างใหญ่จมลึกจนมิดด้าม ก่อนหมุนตัวสะบัดมีดอีกเล่มเชือดซ้ำบนลำคอแข็งแกร่งเพื่อปิดฉากการต่อสู้


อย่างไม่มีความเจ็บปวด ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วพริบตา



“เสด็จสู่สวรรคาลัย ขอฝ่าพระบาทกลับสู่อ้อมกอดของพระเป็นเจ้าเถิด”



เกี่ยวกับนักเขียน
1 เรื่อง 1 คนติดตาม