Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)-บทที่ 108 : นกน้อยบนขอบหน้าต่าง

โดย  Luluca

Pieces of the Star: The Moon in the Dark (ตำนานมณีผลึกดารา)

บทที่ 108 : นกน้อยบนขอบหน้าต่าง

บทที่ 21 การค้นพบของลู่ชิว


เมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ถูกตัดสินกันอย่างลงตัวแล้ว ลู่เซี่ยจึงไม่อยากอยู่กับพวกเขาอีกต่อไป เธอจึงวางชามและตะเกียบแล้วเดินเข้าห้องไปเลย


เมื่อผู้เป็นแม่เห็นว่าลู่เซี่ยยังไม่ได้ทำงาน จึงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคิดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ให้ลู่ชุนและลู่ชิวมาช่วยกันทำ


ลู่ชุนแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังทำอยู่ดี ส่วนลู่ชิวไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะปกติเธอก็ช่วยงานบ้านอยู่แล้ว


ก่อนนอน ลู่เซี่ยก็เข้าไปในช่องว่างมิติตามปกติ


ธัญพืชภาพในช่องว่างมิติถูกขายไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่เพียงสี่ห้าร้อยจิน ลู่เซี่ยจึงตั้งใจจะเก็บไว้กินเอง




หลังจากเก็บผักในแปลงเกือบหมดแล้ว ลู่เซี่ยก็เหลือรากต้นกุยช่ายเอาไว้ให้เติบโตต่อไป ส่วนใบและกิ่งของผักอื่น ๆ ก็นำไปทิ้งในแปลงเพื่อเป็นปุ๋ย จากนั้นก็เริ่มปลูกธัญพืชทั้งสามชนิดต่อ


เนื่องจากเวลาเก็บเกี่ยวเหมือนกับเวลาภายนอก จึงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ดังนั้นลู่เซี่ยจึงจำเป็นต้องปลูกให้เร็วที่สุด


ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของช่องว่างมิติคือ ไม่มีฤดูทั้งสี่ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็สามารถปลูกต่อได้ทันที เพระฉะนั้นภายในหนึ่งปีจึงปลูกได้สองสามครั้ง


เนื่องจากมีพื้นที่ทั้งหมดห้าหมู่ แม้ว่าลู่เซี่ยจะเหลือพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกผัก แต่พื้นที่ที่เหลืออยู่ก็มีไม่น้อย ดังนั้นคงปลูกไม่เสร็จภายในคืนเดียว เธอจึงวางแผนว่าจะปลูกให้เสร็จก่อนจะไปที่ชนบทก็พอ


หลังจากวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เวลาก็ล่วงเลยไปมากพอสมควรแล้ว ลู่เซี่ยก็ออกมานอน


วันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นนอน กลับมีคนอยู่ในบ้าน


ตอนนี้ ลู่ชิวกำลังนั่งส่องกระจกอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งของลู่ชุน


เมื่อเห็นว่าลู่เซี่ยตื่นแล้ว ลู่ชิวก็พูดขึ้นตรง ๆ “พี่สาวคนที่สอง ตื่นแล้วเหรอ? สุดเลยเลยนะ เมื่อคืนก็เข้านอนเร็วขนาดนั้น แถมตอนเช้ายังนอนตายขนาดนี้ คนในบ้านเดินไปเดินมาก็ไม่ตื่น”


ลู่เซี่ยนิ่งเงียบ แม้ว่าเธอจะเข้านอนเร็ว แต่เธอกลับทำงานหนักทั้งคืน เลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เพราะฉะนั้นการตื่นสายก็ถือเป็นเรื่องปกติ


แต่จะพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก ลู่เซี่ยจึงเลี่ยงที่จะตอบ “วันนี้เธอไม่ไปโรงเรียนเหรอ?”


ลู่ชิวตกใจ “วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี่นา”


“อ๋อ!” ลู่เซี่ยพยักหน้า หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก


แต่ลู่ชิวกลับมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ “พี่สาวคนที่สอง พี่รู้ไหมว่าพี่สาวคนโตไปไหน?”


“ไม่รู้” แล้วลู่เซี่ยก็ไม่ได้สนใจด้วย


ลู่ชิวก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ จากนั้นก็พูดกับลู่เซี่ยด้วยความกระตือรือร้นว่า “ดูเหมือนพี่สาวคนโตจะมีแฟนแล้วนะ!”


ลู่เซี่ยเพิ่งจะเงยหน้ามองเธอ แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่พูดอะไร


แต่ลู่ชิวเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอสนใจแล้ว “เมื่อวานตอนฉันกลับมาจากโรงเรียน เห็นผู้ชายคนหนึ่งมาส่งพี่สาวคนโต ตอนแยกกัน พี่สาวคนโตยังอาลัยอาวรณ์เลย”


“อ๋อ!” งั้นก็คงมีเรื่องแล้วล่ะมั้ง


“พี่คิดว่าแม่ของเรารู้เรื่องนี้ไหม?”


“ไม่รู้”


“ฉันคิดว่าก็คงไม่รู้หรอก ถ้ารู้ละก็ แม่ของเราคงไม่มีทางนิ่งเฉยแน่นอน ต้องสืบหาตระกูลของผู้ชายคนนั้นให้ได้ถึสิบแปดชั่วโคตรแน่ ๆ หากเขามีพื้นฐานการศึกษาและฐานะดี แม่คงยินยอมและเร่งเร้าให้แต่งงานด้วย แต่หากเขามีพื้นฐานไม่ดี แม่คงไม่ยอมและขัดขวางความสัมพันธ์จนต้องแตกหักกันไปเลย” ลู่ชิวพูดไปพลางวิเคราะห์ไป


ลู่เซี่ยนิ่งเงียบ จริง ๆ แล้วที่เธอพูดคือไม่รู้ว่าแม่จะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า


แต่สิ่งที่ลู่ชิวพูดก็ถูก แม่ของพวกเขาเป็นคนแบบนี้จริง ๆ มองแค่ผลประโยชน์ แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เธอก็มีข้อกำหนดสำหรับลูกเขยในอนาคตอยู่ไม่น้อย คงจะรอยืมแสงจากลูกเขยอยู่ล่ะมั้ง


ลู่เซี่ยไม่คาดคิดว่าลู่ชิวจะมองออกได้ชัดเจนขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย คงจะเป็นรุ่นเยาว์ที่ฉลาดที่สุดของตระกูลลู่ก็ได้


ลู่เซี่ยไม่ได้ฟังเธอพูดต่อ หลังจากเก็บกวาดและกินข้าวเสร็จ เธอก็ตั้งใจจะออกไปข้างนอก


ลู่ชิวถามด้วยความสงสัย “พี่สาว พี่จะไปไหน? ฉันไปด้วยได้ไหม ?เสี่ยวตงวิ่งออกไปเล่นแล้ว “ฉันอยู่บ้านคนเดียวไม่สนุกเลย”


ลู่เซี่ยส่ายหัว “ไม่ได้ เธอไปเล่นกับเพื่อนสาวของเธอเถอะ”


ลู่ชิวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ฝืนตามไป “งั้นก็ได้ พี่จะกลับมากินข้าวเที่ยงไหม?”


“ไม่กลับ”


ลู่เซี่ยพูดทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียวแล้วก็จากไป


ส่วนลู่ชิวที่อยู่ในห้องก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เธอรู้สึกว่าพี่สาวคนที่สองเปลี่ยนไปมากในช่วงสองวันนี้ ไม่พูดจาไพเราะเหมือนเมื่อก่อน คาดว่าคงจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะมั้ง


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว