บทที่ 940 หนุ่มรูปงาม
“จิตวิญญาณตะวัน!”
หลี่มู่ฟานชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันเป็นสมบัติพลังบริสุทธิ์หายาก หากได้รับการขัดเกลาจะสามารถแปรเปลี่ยนร่างเป็นร่างพลังบริสุทธิ์ในทันที
ร่างพลังบริสุทธิ์นี้เป็นที่เลื่องลือพอ ๆ กันร่างอสนีบาตของเขา เรียกได้ว่าเป็นความสามารถระดับสูงของโลก
เขาเคยได้ยินข่าวลือมาในตอนที่ตามสืบข้อมูลก่อนหน้านี้เช่นกัน มีจิตวิญญาณตะวัน 3 ชิ้นอยู่ในจักรวรรดินารี ทางราชสำนักจะจัดขบวนแห่รอบเมืองในแต่ละปี
หลังจากเหล่าบุรุษรับพลังหยางจากจิตวิญญาณตะวัน พวกเขาจะสามารถสมดุลระหว่างหยินและหยางได้เป็นการชั่วคราว เพื่อเลี่ยงโรคภัยหรือแม้แต่ความตายจากการที่มีพลังหยินมากเกินไป
นึกไม่ถึงว่าจิตวิญญาณตะวันจะมีการจัดแห่รอบเมืองโบตั๋นในวันนี้ ทำให้หลี่มู่ฟานครุ่นคิดอย่างหนัก
แม้เขาจะมีร่างอสนีบาตแล้ว แต่เขายังสามารถขัดเกลาจิตวิญญาณตะวันได้ เมื่อสำเร็จเขาสามารถยกระดับร่างอสนีบาตเป็นร่างพลังบริสุทธิ์ซึ่งเหนือกว่ามากได้ เกรงว่าฝีมือของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หญิงหลิวชิงหาน!
สิ้นเสียงตะโกนของเจ้าของร้าน คนส่วนใหญ่ในโรงเตี๊ยมกลับออกไปในทันที
พลันชายหญิง 8 คนก้าวเข้ามาภายในโรงเตี๊ยม พวกเขาสวมเสื้อผ้าราคาแพง ดูท่าจะเป็นคนตระกูลมั่งคั่ง
ผู้นำคือชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง อายุราว 17 ย่าง 18 ปีได้ ดวงตาเป็นประกายและฟันขาว ผิวพรรณขาวราวหิมะ หน้าตางดงามผิดสามัญ เขางามยิ่งกว่าสาวงามคนใด
เขามองไปยังชายหนุ่ม 5 คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนเสมองมาทางหลี่มู่ฟาน
แววคลางแคลงใจฉายขึ้นในดวงตางดงามนั้น
หลี่มู่ฟานนิ่วหน้า เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงหรือชาย แม้จะจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนเองเอาไว้ หลี่มู่ฟานยังคงเป็นที่จับจ้องด้วยปราณที่ผิดธรรมดา
วรยุทธ์ของหนุ่มรูปงามผู้นี้ลึกล้ำราวมหาสมุทรยากที่จะคาดเดาได้ หากแต่เขาเป็นปรมาจารย์แก่นแท้ จึงสามารถมองออกได้ในแวบเดียว!
หนุ่มรูปงานก้าวมาหาหลี่มู่ฟานอย่างสงบนิ่ง ก่อนยิ้มบอก “คุณชาย หากท่านไม่ถือสา ขอข้านั่งร่วมโต๊ะได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวด้านหลังเขาต่างดูแปลกใจ ขณะที่บรรดาบุรุษแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อหลี่มู่ฟาน
หลี่มู่ฟานตอบกลับเสียงเรียบ “ข้าไม่เคยชินกับการร่วมโต๊ะกับผู้อื่น ท่านไปหาที่อื่นนั่งเถิด”
“สามหาว!”
หญิงชายในอาภรณ์สีเหลืองด้านหลังอีกฝ่ายตะโกนกร้าวขึ้น “คิดว่าตนเองเป็นใครกัน กล้าดีอย่างไรมากล่าววาจากับนายน้อยเช่นนั้น?”
หลี่มู่ฟานเหลือบมองอย่างเย็นชา จิตใจของอีกฝ่ายเต้นแรง ร่างกายอ่อนแรงลงก่อนทรุดลง
หลี่มู่ฟานเอ่ยเย้ยหยัน “ข้ามักพูดตรงไปตรงมา หากไม่พอใจก็เข้ามา”
ชายหนุ่มรูปงามอ่อนโยนปากสั่น ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอสูรร้าย เขากล้าดีนักที่ตอกกลับมาเช่นนี้
ทุกคนต่างตกตะลึง ผู้ชายในจักรวรรดินารีมักเจียมเนื้อเจียมตน หากแต่ชายคนนี้กลับเย่อหยิ่ง ช่างผิดปกตินัก
หนุ่มรูปงามยกยิ้มก่อนกล่าว “ในเมื่อคุณชายไม่ยินดี เช่นนั้นข้าไม่ฝืนใจ”
เขาเหลือบมองชายหนุ่มอีกโต๊ะ และพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “อีกไม่นานจะมีขบวนแห่จิตวิญญาณตะวัน บรรยากาศคงจะวุ่นวาย หวังว่าท่านจะทำตามกฎหมายและไม่ก่อเรื่องเดือดร้อนให้กับทางการ”
หลี่มู่ฟานตอบ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทางการมีปัญญาควบคุมสถานการณ์หรือไม่ต่างหาก”
อีกฝ่ายส่งยิ้มและไม่โต้ตอบ ก่อนเดินนำกลุ่มคนไปอีกด้านหนึ่ง
หลังจากได้ที่นั่ง หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดสีกรมท่าเอ่ยกระซิบ “นายท่าน คนผู้นี้ดูไร้วรยุทธ์ เหตุใดท่านไม่...”
เขาส่ายหน้าพร้อมยกยิ้มและเอ่ยเสียงนุ่ม “อย่าพูดมากนัก คนผู้นี้เป็นมิตรหรือศัตรู อีกไม่นานคงได้รู้กัน”
ผ่านไปไม่นาน เกิดเสียงอึกทึกด้านนอกโรงเตี๊ยม หญิงสาวผู้หนึ่งตะโกนบอก “จิตวิญญาณตะวันมากถึงแล้ว รีบมาคุกเข่าสักการะเร็วเข้า ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท!”
หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดราชพิธีนั่งอยู่บนแท่นเรือบิน ลูกทรงกลมที่ลอยเหนือมือของนางส่องแสงเรืองรอง โดยมีพลังบริสุทธิ์แผ่ซ่านออกมา
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว