บทที่ 650 การกลับมาดั่งลูกศร
หลี่มู่ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพคงพูดล้อเล่น เผ่ามารไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้ในโลกหล้า เหตุใดจึงได้สนใจเรื่องเหล่านี้?”
โม่หลี่กล่าวออกอย่างเย็นชา “หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เผ่าของเราคงสามารถกวาดล้างสิบแปดรัฐทางใต้ไปแล้ว โชคไม่ดีที่พลังงานของหัวใจโกลาหลในวันนั้นไม่เพียงพอ อีกทั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายยังสามารถใช้การได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น”
หัวใจหลี่มู่ฟานเต้นรัวลั่นเมื่อได้รับฟัง พลังของหัวใจโกลาหลในวันนั้นถูกตัดโดยกระดูกของพระแม่หนี่วา ซึ่งดูเหมือนจะขัดขวางแผนการของเผ่ามาร
เขาเอ่ยยิ้มเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพต้องการพูดสิ่งใด?”
ดวงตาโม่หลี่เปล่งประกายพลางกล่าวออก “ข้าเคยคิดว่าเจ้าก็เป็นแค่ราชาองค์หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้หากเจ้าต้องการจะทำลายหยุนโจว ผลสุดท้ายอาจเป็นทั้งสองฝ่ายที่ต้องสูญเสีย”
“เหตุใดเราไม่ทำพันธสัญญาของลูกผู้ชายล่ะ ภายในห้าปีนับจากนี้ เจ้าและข้าจะไม่คุกคามซึ่งกันและกัน?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่มู่ฟานกล่าวว่า “ข้าย่อมให้คำสัญญาได้ แต่ก่อนอื่นข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องการจัดการลั่วสุ่ยหาน?”
โม่หลี่กล่าวอย่างเย้ยหยัน “หญิงผู้นี้อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง แต่กลับมีจิตใจอ่อนแอ อีกทั้งนิสัยยังก้าวร้าว แล้วเมื่อไหร่นางจะสามารถเอาชนะเมืองเทพและปกครองโลกได้?”
หลี่มู่ฟานหัวเราะก่อนกล่าวตอบ “เอาล่ะ ท่านแม่ทัพกล่าวอย่างเถรตรง ข้าชื่นชมนัก!”
“อย่าลืมบอกนางเมื่อกลับไป จงนำศิลาวิญญาณหนึ่งล้านก้อนมาไถ่ตัวน้องสาวของตนซะ เช่นนั้นข้าขอลา!”
สิ้นเสียง เขากลายเป็นแสงสีฟ้าทะยานขึ้นไปในอากาศ
โม่หลี่มองแผ่นหลังเขาจากไปพลางยิ้มเล็กน้อย “ไปกันเถอะ กลับค่ายพักของเรา!”
หลี่มู่ฟานบินออกไปตามทางด้วยความเร็วสูง ถึงกระนั้นเขายังคงบินเหนือทะเลอันกว้างใหญ่นี้ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
ในวันนี้เขาบินลงเพื่อพักผ่อนบนเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็มีลำแสงสามดวงพุ่งตรงมาจากระยะไกล เมื่อได้เห็นระยะประชิดก็พบว่าเป็นหลิวชิงหานและหญิงสาวอีกสองนาง
หลังจากไถ่ถามกันชั่วครู่ หลิวชิงหานกล่าวออก “ศิษย์น้อง เมื่อวานข้าได้รับสารขนนกจากท่านอาจารย์ขอให้ข้ากลับไปยังสำนักก่อน เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
หลี่มู่ฟานชะงักงัน ก่อนกล่าวออกด้วยรอยยิ้มฝืน “ข้าไม่ได้กลับเมืองหมิงเกือบสี่เดือนแล้ว จึงคิดว่าควรกลับไปดูก่อน ศิษย์พี่หญิงคิดว่าจะเลื่อนวันไปได้หรือไม่?”
หลิวชิงหานกลอกตาและพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าก็พูดแบบนี้เสมอ ไม่ช้าก็เร็วท่านอาจารย์จะจับเจ้าขึ้นไปบนภูเขาสักวัน!”
หลี่มู่ฟานหัวเราะ “ท่านอาจารย์ไม่ต้องการให้ข้ากลับไป เช่นนั้นคงไม่สร้างปัญหาให้ข้าหรอก!”
หลิวชิงหานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางหันมองจื่อมู่ยวี่และฉุ่ยเฉี่ยนลั่วด้านข้างพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอล่วงหน้าไปก่อน โปรดรักษาตัว”
สิ้นเสียง ร่างบางกลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลี่มู่ฟานมองทิศทางที่นางจากไปพลางถอนหายใจ “รวดเร็วยิ่งนัก อย่างน้อยคงขอบเขตวิญญาณพลังจิตขั้นที่หก…”
ในเวลานี้ ฉุ่ยเฉี่ยนลั่วพ่นลมหายใจเบา “เจ้าคนแซ่หลี่ ตอนนี้ก็ออกมาโลกภายนอกแล้ว ปล่อยข้าไปจะดีกว่า มิฉะนั้นเหล่าผู้อาวุโสจะตามมาและสังหารเจ้าทิ้ง!”
“เช่นนั้นข้าจะดึงเจ้ากลับมาก่อนตัวตาย!”
สิ้นเสียง หลี่มู่ฟานหยิบเสื้อผ้าออกมาสองชุดพร้อมกล่าวว่า “รูปลักษณ์ของพวกเจ้าโดดเด่นเกินไปและไม่สะดวกต่อการเดินทาง ดังนั้นเปลี่ยนชุดซะ”
เมื่อมองไปยังชุดสาวใช้ธรรมดาในมือ ฉุ่ยเฉี่ยนลั่วอ้าปากคิดกล่าวคำออก แต่เมื่อมองสายตามุ่งร้ายของหลี่มู่ฟาน นางก็หยุดยั้งความคิดทันที
“ฮึ่ม! เจ้าคนไร้ยางอาย!”
“นักบุญหญิง ไปกันเถอะ!”
จื่อมู่ยวี่มองหลี่มู่ฟานด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน ก่อนส่ายศีรษะแผ่วเบาและเดินเข้าไปยังส่วนลึกของเกาะกับฉุ่ยเฉี่ยนลั่ว
“ช่างแปลกประหลาด ดวงตาของหญิงสาวผู้นี้…”
หลี่มู่ฟานเกาศีรษะด้วยความสับสนเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง รัศมีแสงสามดวงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและตรงไปยังทิศทางของหยุนโจว
หลังจากบินเหนือทะเลสีครามเป็นเวลาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ทั้งสามก็มองเห็นแผ่นดินในที่สุด
การกลับมาของหลี่มู่ฟานเปรียบดั่งลูกศร เขาไม่ได้ไปหาจิวยี่หรือกวนอู แต่กลับตรงไปยังเมืองหมิง
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังบินใกล้ช่องเขา ทันใดนั้นก็เห็นหญิงสาวผู้เป็นแม่และลูกสาวคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลุมศพขององครักษ์ด้านล่างพร้อมกับร้องไห้อย่างขมขื่น
ด้านหลังของทั้งสองมีกลุ่มคนแต่งกายแปลกประหลาด ผู้นำกลุ่มเป็นชายวัยกลางคนท่าทีดูฉลาดหลักแหลม ทว่าขณะนี้เขากำลังถือจอกสุราและโพล่งคำด่าใส่นางทั้งสอง
หัวใจหลี่มู่ฟานกระตุกไหว เขาอดไม่ได้ที่จะบินลงไปยังป่าทึบบริเวณใกล้เคียงอย่างเงียบงัน
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว