บทที่ 840 ล่มงานเลี้ยง
เวลาล่วงเลยผ่านไป แขกภายในงานเลี้ยงเริ่มกระซิบกระซาบกัน
ยามนี้เป็นเวลาอันสมควรที่ราชาหมิงควรปรากฏตัวขึ้น หากแต่เขากลับไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา
ยิ่งไปกว่านั้นคนยังสังเกตเห็นว่าซุนหยูและขุนนางคนอื่น ๆ ของจักรวรรดิหมิงดูร้อนรน คล้ายมีบางอย่างเกิดขึ้น
ณ มุมหนึ่งในงานเลี้ยง ฉินจี้พูดคุยกับชายหนุ่มผู้หนึ่งจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากปลีกตัวออกมาจึงถามหลี่โป๋สุ่ยที่อยู่ข้างกาย “เกิดอะไรขึ้น แล้วราชาหมิงเล่า?”
หลี่โป๋สุ่ยถอนหายใจเบาก่อนกระซิบบางอย่างข้างหู ฉินจี้ได้ฟังแล้วก็นิ่วหน้าทันที
“ขอบเขตลับเมฆาสวรรค์ถูกกลืนกินไปแล้ว เป็นสิ่งยืนยันว่าเขาน่าจะกลับมาได้แล้ว”
“หรือจะมีเรื่องเกิดขึ้นกัน?”
หลี่โป๋สุ่ยส่ายหน้า เขามองไปทางเผ่ามรกตและเผ่าเอลฟ์ที่อยู่อีกฟากโถง ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงค่อย “ฝ่าบาท ตอนนี้กองกำลัง 300,000 นายของเผ่ามรกตประจำการอยู่ที่เมืองเอลฟ์ ดูเหมือนจะเป็นการป้องกันการโจมตีพ่ะย่ะค่ะ”
“หากราชาหมิงไม่กลับมา ข้าเกรงว่าพวกเขาจะ...”
ฉินจี้ขมวดคิ้ว หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงว่าขึ้นอย่างแน่วแน่ “หยุนฉินของเราและจักรวรรดิหมิงไม่ต่างไร้ริมปีฝากฟันหนาว* หากมีเรื่องเกิดขึ้น เช่นนั้นหยุนฉินจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกศัตรูโจมตี”
*ไร้ริมปีฝากฟันหนาว = มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่จะขาดจากกันไม่ได้
“เช่นนั้นเจ้าจงส่งคนกลับไปรายงานให้นายพลชายแดนลอบนำทัพออกไป เมื่อเกิดสงสรามขึ้นจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันการ!”
หลี่โป๋สุ่ยพยักหน้ารับและไปจัดการตามคำสั่ง
เวลาผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ แขกในงานเลี้ยงยิ่งไม่อาจนั่งติดเก้าอี้ กระทั่งชนชั้นสูงจากเผ่าคนแคระโพล่งขึ้น “อะไรกัน? ป่านนี้แล้ว ราชาหมิงจะปล่อยนกพิราบ** ของเราหรืออย่างไร?”
**ปล่อยนกพิราบ =. ผิดสัญญา,ไม่รักษาสัญญา,เบี้ยว,ผิดนัด
ชายอีกคนจากเผ่าสิงโตว่าถากถาง “มารสายฟ้าไม่ปรากฏตัวหลังเข้าไปขอบเขตลับเมฆาสวรรค์ ข้าคิดว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว!”
แขกส่วนใหญ่เป็นกองกำลังปริปักษ์ พวกเขามาที่นี่เพื่อสืบหาความจริงเท่านั้น หากมีโอกาสล่มงานเลี้ยงคงจะดีไม่น้อย
หากหลี่มู่ฟานไม่ปรากฏตัวหมายความว่าเขาผิดคำพูดก่อน ตามธรรมเนียมของผู้ฝึกวรยุทธ์ในทวีปเทียนเหิง ต่อให้แขกทำการโจมตีก็ไม่มีความผิดในเรื่องนั้น
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา บรรยากาศก็เริ่มเกินควบคุม
ท่ามกลางความกดดันหนักอึ้ง ฉินจี้นิ่งเงียบ ขณะที่ฉู่เซวียนรักษาท่าทีสง่างาม ส่วนโม่หลี่ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่ไม่ขาด ชิงโจวเผยท่าทีเฉยเมยทว่ากลับมีแวววูบไหวในดวงตาของเขา
ทันใดนั้นชายหนวดเฟิ้มจากเผ่าปีกตะโกนลั่น “ซุนหยู เว่ยยาง!”
“เจ้าบอกมา ตกลงมารสายฟ้าจะมาหรือไม่!”
“หากผิดนัด ตามธรรมเนียมแล้ว ต่อให้วันนี้เราทำลายวังของเขาผู้คนทั่วหล้าก็คงไม่มีข้อครหา!”
ซุนหยูและเว่ยยางซึ่งอยู่แนวหน้าสบตามองกัน ก่อนเว่ยยางจะตอกกลับ “ท่านผู้อาวุโสอี้ นกพลัดถิ่นกลัวไฟมากที่สุดไม่ใช่หรือ?”
“หากวังนี้ถูกเผา เกรงว่าท่านจะตายไวที่สุดหรือไม่?”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าอี้วัย 80 หัวเสียขึ้นมาทันที เขานำหอกยาวออกมาจากแหวนกักตุนก่อนประกาศกร้าว “เว่ยยาง อย่าคิดว่าชนะไม่กี่ครั้งแล้วจะเทียบกับเผ่าพันธุ์ระดับลึกล้ำอย่างเราได้!”
“ข้าบอกความจริงเจ้าอย่างไม่เกรงกลัว ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อทำลายงานเลี้ยงนี้!”
“พวกท่านทั้งหลาย มารสายฟ้าไม่อยู่ที่นี่ เมืองหมิงเหมือนมังกรไร้หัว ยังไม่ลงมือทำอะไรกันอีก!”
สิ้นคำในทันใด ทั้งเผ่าปีก เผ่าสิงโต และเผ่าจระเข้ ต่างคว้าอาวุธของตนออกมาตาม ๆ กัน รวมถึงสมาชิกของอารามในหยางโจวและชาโจวที่แสดงท่าทีร้ายกาจ ดูเหมือนพวกเขาจะพร้อมลงมือแล้วเช่นกัน
ในจังหวะที่สถานการณ์กำลังจะเกิดควบคุม เสียงสนั่นดังขึ้นมาจากด้านนอก!
“ใครหน้าไหนมันกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ข้าจะสังหารเป็นคนแรก!”
เสียงนั้นทรงพลังแฝงแสดงถึงอำนาจ ทุกคนในโถงต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทำเอาพวกเขาเงียบลงไปครู่หนึ่ง
ด้วยพวกเขารู้ว่าในที่สุดปรมาจารย์ขอบเขตวิญญาณพลังจิตแห่งเมืองหมิงก็ปรากฏตัวขึ้น
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว