บทที่ 570 กวาดล้างเผ่าทะเล
หลังจากสามอึดใจ เวลาพักของปืนกลยิงเร็วก็สิ้นสุดลง ครั้งปากกระบอกปืนหมุนอย่างบ้าคลั่ง งานเลี้ยงบุปผาสีเลือดก็ผลิบานทั่วสนามรบอีกครั้ง
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก!!”
นักรบเผ่าทะเลกรีดร้องและคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา การกราดยิงรอบสองยิ่งทำลายขวัญกำลังใจของพวกเขาจนสิ้น บางคนถึงกับละทิ้งอาวุธของตนและพยายามดิ้นรนหนีออกจากสนามรบ
มีคนแรกย่อมมีคนที่สอง เผ่าทะเลยอมพ่ายแพ้และสลายตัวอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดออกไปคนละทิศละทาง
หลี่มู่ฟานกระโดดกลับขึ้นไปยังป้อมปราการจักรกลพร้อมคำรามดัง “ตามข้าไปจับกุมฉุ่ยเฉี่ยนลั่ว!”
เผ่าเครื่องจักรรับคำสั่งและข้ามพรมแดนโดยไม่คิดลังเล
นอกจากเคียวเหล็กสองเล่มแล้ว ตั๊กแตนตำข้าวจักรกลยังติดตั้งปืนสไนเปอร์ที่มีพิสัยไกลมาก ทันใดนั้น “ปัง ปัง ปัง!” เสียงปืนระเบิดดังก้องผืนป่า
ผู้คนด้านหลังของเผ่าทะเลที่กำลังหลบหนีอย่างอลหม่าน ฉับพลันบุปผาโลหิตผลิบานทีละดอก ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณจะทรุดตัวนอนแน่นิ่ง
ในเวลานี้ หลี่มู่ฟานที่กำลังขับเคลื่อนป้อมปราการเหล็กติดตามศัตรูออกไปอย่างรวดเร็ว พลันบังคับปืนกลลำกล้องขนาดใหญ่สี่กระบอกที่ติดตั้งอยู่บนป้อมปราการให้ยิงออกไปอย่างน่าพรั่นพรึง
กระสุนที่กราดยิงออกไปเปรียบดั่งมังกรคลั่งสี่ตัว ไม่ว่าจะกวาดไปทางใด ทั้งต้นไม้และผู้คนที่อยู่ในวิถีกระสุนล้วนถูกยิงจนพรุน เป็นภาพฉากน่าสยดสยองราวกับอยู่ในขุมนรกโลกันตร์
เจียวเฮยฉุ่ยและฉุ่ยเฉี่ยนลั่ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าเมื่อแลเห็นป้อมปราการจักรกลขนาดใหญ่ตามติดมาอย่างใกล้ชิด วิญญาณในกายแทบหลุดหนีในทันใด
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นปรมาจารย์ขอบเขตผ่านจิตต่อให้ไม่มีฐานการฝึกฝน แต่ความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์ยังถือว่ายอดเยี่ยมมาก
เจียวเฮยฉุ่ยพูดขึ้น “น้องหญิงฉุ่ย สัตว์ประหลาดตัวนี้เคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก รีบวิ่งขึ้นไปบนภูเขาเถอะ!”
ใบหน้างามของฉุ่ยเฉี่ยนลั่วเวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางเพียงพยักหน้ารับคำและเดินตามเจียวเฮยฉุ่ยไปยังหน้าผา
หลี่มู่ฟานไม่ย่อท้อ สั่งป้อมปราการจักรกลลุยน้ำปีนภูเขาเสมือนเดินบนพื้นดินราบเรียบ เขาเห็นคนทั้งสองอยู่ด้านหน้าเพียงเอื้อมมือ ทว่าน่าเสียดายที่ยังคงตามหลังอยู่หนึ่งก้าว
ทันใดนั้นคนทั้งสองกระโดดลงจากหน้าผา หลี่มู่ฟานจึงต้องรีบหยุดป้อมปราการทันที
สองร่างร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว เจียวเฮยฉุ่ยขว้างลูกดอกที่ยึดติดกับเชือกเข้าไปยังอีกด้านหนึ่งของหน้าผาอย่างแม่นยำ มือข้างหนึ่งคว้าเชือก ส่วนมืออีกข้างคว้าแขนฉุ่ยเฉี่ยนลั่ว ก่อนคำรามด้วยความแค้นเคือง “หลี่มู่ฟาน เจ้าละเมิดข้อตกลงและลงมือทีเผลอ รอก่อนเถอะ กองกำลังทุกฝ่ายจะเข้าล้อมโจมตีเจ้า!”
ก่อนที่จะกล่าวจบ เสียงปืนก็ดังขึ้นที่หน้าผาหนึ่งครั้ง แผ่นหลังของเจียวเฮยฉุ่ยอาบไปด้วยเลือดในทันที เขาอดกลั้นความเจ็บและคำรามอีกครั้ง “หลี่มู่ฟาน ข้าจะจดจำการโจมตีครั้งนี้และกลับมาชำระหนี้แค้นแน่นอน!”
เสียงคำรามนั้นก้องกังวานอยู่ในหุบเขา
แสงเย็นพาดผ่านดวงตาหลิวชิงหาน นางวางปืนไรเฟิลพลาสม่าลงพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ที่นี่เป็นป่ารกทึบ เครื่องจักรไม่สามารถไล่ตามเผ่าทะเลได้”
หลี่มู่ฟานหยักหน้าและกล่าวกับฮวาชิงหวู่ “เจ้านำกองกำลังตรงไปยังฐานที่มั่นเผ่าทะเล ช่วงชิงทรัพยากรทั้งหมดและฆ่าทุกคนที่กล้าขวางทาง”
ฮวาชิงหวู่ที่ยังตะลึงงันกับเหตุการณ์ ครั้งได้ยินคำสั่งของหลี่มู่ฟาน นางตกใจและรีบกล่าวตอบรับด้วยความเคารพ “เจ้าค่ะ! นายท่าน!”
หลี่มู่ฟานมองแผ่นหลังของนางจากไปก่อนกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ข้าคงต้องรบกวนเจ้าวาดยันต์ฝึกสัตว์เพิ่มอีก”
หลิวชิงหานพยักหน้ารับกล่าวออกว่า “ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้เราประกาศสงครามกับเผ่าทะเลอย่างสมบูรณ์ เจ้ามีแผนการอย่างไรต่อไป?”
หลี่มู่ฟานยิ้มกล่าว “เผ่าทะเลหวาดกลัวเปลวไฟและไม่กล้าสู้รบบนบก สิ่งที่พวกเขาจะพึ่งพาก็คือเมืองเทพเท่านั้น”
“ต้องทำให้เผ่าทะเลได้ประจักษ์ เมื่อข้าส่งกองกำลังไปยังหยุนเป่ยและทำลายเมืองเทพจนสิ้นซาก พวกเขาจะได้รู้ชัดว่า… คนบางคนนั้นก็ไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้”
หลิวชิงหานพยักหน้ากล่าวออก “ศิษย์น้อง นี่เป็นเรื่องใหญ่นัก หากคิดโจมตีเมืองเทพจริง เจ้าต้องกลับไปที่สำนักก่อน เพื่อรายงานต่อท่านอาจารย์และท่านปู่ด้วยตนเอง”
หลี่มู่ฟานกล่าวตอบ “ศิษย์พี่หญิงอย่ากังวล ข้ารู้ตัวว่าทำสิ่งใดอยู่”
ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ป้อมปราการจักรกลก็เดินตรงกลับไปยังค่าย
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว