หอคัมภีร์สกุลหลง
หอคัมภีร์ของสกุลหลงเป็นที่เก็บตำราต่างไว้ ไม่ว่าจะเป็นตำราฝึกวิชา วิทยายุทธต่างๆ
ยังมีตำราเกี่ยวกับสถานที่ลึกลับหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นดินแดนต้องห้าม ดินแดนลับแล หรือแม้กระทั่งดินแดนที่อยู่ไกลออกไปจากแผ่นดินใหญ่
“ที่แท้ดินแดนเทียนอู่แบ่งออกเป็นห้าเขต”
“ราชวงศ์หั่วหลีอยู่ดินแดนทางใต้ เป็นดินแดนที่อ่อนแอที่สุดให้ห้าเขต”
หลงเฟยพึมพำเบา ๆ ในกองหนังสือนั้นไม่มีเล่มไหนกล่าวถึงตระกูลหลงเลยแม้แต่น้อย
หลายวันมาแล้วที่หลงเฟยคลุกอยู่กับกองหนังสือ เขากำลังค้นหาความเป็นมาของสกุลหลง
แต่ว่า
นอกจากที่บันทึกมังกรชนิดต่าง ๆ แล้วที่เหลือก็เป็นตำนานเรื่องเล่าเสียมากกว่า
อย่างเช่น มังกรตัวใหญ่ชนิดใดที่ซ่อนตัวในทองคำ นั่นก็เพราะพวกมันชอบของที่มีแสงสีทอง
มังกรตัวใหญ่ชนิดใดที่ซ่อนตัวในทะเล พวกมันก็จะกลายเป็นเจ้าสมุทร
มังกรตัวใหญ่ชนิดใดที่อาศัยในพระราชวัง แสงว่ามันคือผู้ดูแลดินแดนเทียนอู่
ยังมีอีกจำนวนมากที่แตกต่างกว่าชนิดอื่นๆ มีมังกรชนิดหนึ่งที่กลายร่างเป็นมนุษย์ พวกมันคอยจับตาดูพวกเราอยู่ทุกฝีก้าว
........
หลงเฟยแค่ได้อ่านตำราพวกนี้ก็ประหลาดใจจนตาเหลือกไปหมดแล้ว
หลังจากนั้น
หลงเฟยก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “บันทึกมังกรประหลาด” เลยถือโอกาสหยิบออกมาดูด้วยความยากลำบาก
ช่างเหมือนกับการอ่านนิยายออนไลน์สมัยก่อนเลย ในใจก็คิดว่า
“ดูท่าคนเขียนนิยายสมัยก่อนคงยังเขียนไม่เสร็จมั้ง?”
เขาลองเปิดอ่านด้านใน ต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย
“บันทึกประวัติการเดินทางของชายแก่มังกรฟ้า”
“หือ!”
“สงสัยเรื่องพวกนี้ คงเป็นแค่นิทานกล่อมเด็กก่อนนอนแน่ๆ”
หลงเฟยอดสบถขึ้นมาไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็ไปสะดุดตากับอักษรตัวเล็ก ๆ จำนวนหนึ่ง
“สกุลหลง เคยเป็นสกุลที่ทรงอำนาจมากผู้หนึ่งในดินแดนเทียนอู่
การที่สกุลหลงได้ให้กำเนิดนักรบที่แข็งแกร่ง ดินแดนทั้งห้าก็ค่อย ๆ ถูกพิชิตไปทีละเล็กทีละน้อย
แม้แต่ดินแดนอยู่ในซอกหลืบก็ไม่อาจเล็ดรอด”
“แต่ว่าก็มีเหตุให้สกุลหลงไม่ได้ย้ายถิ่นฐานไปไหน นั่นเป็นเพราะว่าบริเวณบึงน้ำในภูเขา บรรพชนสกุลหลงได้จัดการมังกรกระหายเลือด
หลังจากนั้นก็เกิดไฟป่าบริเวณทุ่งหญ้าในภูเขาต้าหวง จนทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณถูกไฟเผาผลาญ.....”
“เอ๋?”
หลงเฟยตกใจ
“บรรพชนสกุลหลงที่ฆ่ามังกรน่าจะเป็นหลงจ้านเทียน ส่วนไฟป่าที่เกิดบริเวณทุ่งหญ้าภูเขาต้าหวงก็อาจจะเป็นไฟที่พ่นออกมาจากปากมังกรตัวใหญ่”
“แล้วภูเขาต้าหวงมันคือที่ไหนนะ?”
“ทำไมมันคุ้น ๆ จัง รู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน”
หลงเฟยพยายามนึก แต่นึกยังไงก็ยังนึกไม่ออก
“ท่านปู่เหลือเวลาอีกเพียงเก้าเดือน ข้าจะต้องฆ่ามังกรตัวใหญ่ให้ได้
แล้วก็ใช้เลือดของมันมารักษาอวัยวะภายในของท่านปู่ ข้าจะไม่ยอมให้คนที่ข้ารักจากไปอย่างเด็ดขาด”
“ภูเขาต้าหวง ภูเขาต้าหวง...มันคือที่ไหนนะ?”
หลงจ้านไห่ก็เดินเข้ามาในหอคัมภีร์ เห็นหลงเฟยนั่งพิงหนังสือกองโตที่อยู่ด้านหลัง หนังสือทั้งหมดต่างเป็นหนังสือที่บันทึกข่าวสารแปลกๆ
แม้คนที่เขียนต่างก็เป็นคนมีชื่อเสียง แต่เรื่องราวพวกนั้นไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าจริงแท้แค่ไหน หลงจ้านไห่เห็นแล้วจึงอดไม่ได้พูดว่า
“หลงเฟยเอ้ย หนังสือที่เจ้าอ่านนี่ ส่วนใหญ่ไม่น่าเชื่อถือนะ”
“เอ๋?”
“ท่านลุงใหญ่”
เมื่อหลงเฟยเรียกสติกลับมาได้ ก็ถามว่า
“หาข้าหรือขอรับ?”
หลงจ้านไห่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า
“ตำหนักอ๋องหนานกงส่งเทียบเชิญมา ให้พวกเราไปเข้าพบที่ตำหนักอ๋องในตอนเช้าพรุ่งนี้”
“หา?!”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ มีเรื่องอะไรก็มาหาที่จวนสกุลหลงก็ได้ ทำไมต้องให้เราไปหาเขาถึงที่ตำหนักอ๋องด้วยล่ะ?”
หลงเฟยรู้สึกกังวล
“หรือว่าเขากำลังจะคิดบัญชีพวกเราเรื่องที่หนานกงเลี่ยมาท้าประลองท่านปู่ เขาก็เลยทำทีมาเชิญพวกเราไป”
จริงๆ แล้ว
หลงจ้านไห่เองก็กังวลใจไม่น้อย แต่สถานการณ์ตระกูลหลงในตอนนี้ยังไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับหนานกงเหล่ยได้
และอีกอย่าง
ตอนออกว่าราชการเช้าวันนี้ หนานกงเหล่ยพูดว่า หลายปีมานี้กองตระกูลทัพหลงไม่ได้มีความสำคัญอะไร
ดูแคลนว่าไม่ต่างจากการเลี้ยงหมู เลยมีความคิดที่จะลดกำลังพลลงมา
ค่ายกองทัพตระกูลหลงตั้งอยู่ในภูเขาสือว่านหวง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาณาจักรหั่วหลี
แต่งบประมาณของกองทัพนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนทั้งกองทัพได้
ถ้าเกิดกองทัพตระกูลหลงเกิดอ่อนแอขึ้นมา ผลลัพธ์ที่เกิดเขาแทบไม่อยากจะคิดเลย
หลงจ้านไห่กล่าวว่า
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไปนอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เตรียมตัวให้พร้อม หลานจะต้องไปที่ตำหนักท่านอ๋องกับลุง”
พูดจบ หลงจ้านไห่เหมือนมีอะไรจะพูดต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
ในใจของเขายังคงหวาดระแวงถึงเรื่องที่จะไปที่ตำหนักหนานกง
…………...
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว