โทษที ! พี่มากับระบบ x100-ตอนที่ 110

โดย  จาตุรนต์ ตาแว่นฟ้า โพธิ์ศรี

โทษที ! พี่มากับระบบ x100

ตอนที่ 110

เมื่อแบ่งกลุ่มเสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มระดับะพื้นฐานขั้น 7 มีทั้งหมดประมาณ 70 คน กลุ่มระดับพื้นฐานขั้น 8 มีทั้งหมดประมาณ 30 คน และแต่ละคนจะได้จับคู่ประลองกัน ประลองเพียงรอบเดียว ให้สามารถแสดงฝีมือออกมาได้ดี จะได้ผ่านเข้าไปการทดสอบที่สอบ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็มีสิทธื์ได้เข้ากันทั้งนั้น นี้ทำให้รุ่นเยาว์ไม่กดดันตัวเองมากนัก


หลังจากแบ่งกลุ่มกันเสร็จแล้ว จี้หวางก็ให้รุ่นเยาว์มาจับฉลากหมายเลข หากผู้ใดได้หมายเลขเดียวกันจะมาประลองกัน หลังจากประลองเสร็จ ผู้อาวุโสจี้หวางจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครผ่าน ใครไม่ผ่าน จากนั้นจะเข้าสู่รอบที่สาม หลังจากประลองกันครบทุก


“กลุ่มขั้น 7 หมายเลข 1 ” จี้หวางตะโกนเรียกหลังจากที่จับหมายเลขเสร็จแล้ว


เมื่อจี้หวางตะโกนเรียกก็ได้มีรุ่นเยาว์ออกมาสองคน พวกเขามายืนหน้าจี้หวางซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกเว้นว่างเอาไว้ให้รุ่นเยาว์มาประลองกันในรอบที่สองนี้


“เริ่มประลองได้ จำไว้ว่าห้ามทำเกินกว่าเหตุ” จี้หวางกล่าวอย่างเรียบเฉย


จริงๆแล้วจี้หวางไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นจะตาย หรือพิการใดๆ แต่เพราะว่านี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงนิกายเมฆาทำให้จี้หวางจำเป็นต้องระวัง และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สมควร เดี๋ยวจะไม่มีใครกล้ามาเข้าร่วมการทดสอบของนิกายเมฆา


“หมิงหวาง”รุ่นเยาว์ที่อยู่ซ้ายมือของจี้หวางใส่ชุดสีขาวกล่าวหลังจากโค้งคำนับ


“จีมัว”รุ่นเยาว์ที่อยู่ขวามือของจี้กวางชุดสีเขียว กล่าวหลังจากโค้งคำนับ


หลังจากที่จี้หวางกล่าวเสร็จ รุ่นเยาว์ทั้งสองคนก็โค้งคำนับจี้หวาง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็หันหน้ามองกันและเริ่มใส่กระบวนท่าใส่กัน การประลองของทั้งสองคนนั้นดำเนินไปประมาณ 10 กระบวนการประลองก็รู้ผลทันที


รุ่นเยาว์ชุดขาวเป็นฝ่ายชนะในการประลองนี้ ความต่างของทั้งสองคนคือรากฐานและประสบการณ์ของทั้งสองคนที่แตกต่างกัน ทำให้รุ่นเยาว์ชุดขาวสามารถเอาชนะไปได้อย่างไม่ยากเย็น และด้วยเหตุนี้ ทำให้รุ่นเยาว์ชุดขาวผ่านการทดสอบ ส่วนรุ ่นเยาว์ชุดเขียวจำต้องกลับบ้านไป


“กลุมขั้น7 หมายเลข 2” จี้หวางตะโกนเรียกหมายเลขต่อไปหลังจากการประลองรอบแรกจบลง


หลังจากจี้หวางกล่าวจบก็ได้มีรุ่นเยาว์สองคนออกมาจากกลุ่มขั้น7 จากนั้นทั้งสองก็ประลองกัน การประลองรอบนี้เป็นไปอย่างดุเดือด ด้วยความที่ทั้งสองคนนี้มีพื้นฐานและประสบการณ์พอๆกัน ทำให้การประลองดำเนินไปนานกว่า 50 กระบวนท่า


แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วย่อมต้องมีผู้ชนะ ผู้ชนะผ่านเข้าสู่รอบสาม แต่ผู้แพ้ก็ผ่านด้วยเช่นกัน การประลองยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง


“เจ้าได้หมายเลขอะไร”หลินหลานที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับหลินเฟิงกล่าวถามหลินเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น


“31 แล้วเจ้าละ”หลินเฟิงถาม


“ข้าหมายเลข 13” หลินหลานกล่าว


“รอบสามจะต้องสู้กับสัตว์อสูร เจ้าแน่ใจใช่ไหม” หลินเฟิงกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง


“เจ้าเป็นห่วงข้ารึ” หลินหลานกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ


“แน่นอนว่าย่อมเป็นห่วง จะไม่ให้เป็นห่วงสาวงามเช่นเจ้าได้อย่างไร” หลินเฟิงกล่าวหยอกล้อ


“หึ” หลินหลานหน้าแดงและหันหน้าหนีโดยไม่พูดอะไร


หลินเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขามองดูการประลองต่อ


ส่วนหลินอี้หาน นั่งทำสมาธิอยู่ เขาต้องประลองกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้น 8 และแต่ละคนก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย ทำให้เขารู้สึกกดดันนิดๆ แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจว่าเขาสามารถทำได้ สามารถผ่านรอบนี้ไปได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดัน


“กลุ่มขั้น 7 หมายเลขที่ 13” ผ่านไม่ไปนาน ก็ถึงรอบประลองของหลินหลาน


หลินหลานใช้เวลาในการประลองไม่ถึง 10 กระบวนท่า นี้ไม่ใช่ว่าคู่ต่อสู้ของนางอ่อนแอ เพราะคู่ต่อสู้ของนางผ่านเข้ารอบด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความต่างของรากฐานและประสบการณ์ของนางที่ได้รับการฝึกฝนจากปู่ทำให้นางได้เปรียบคู่แข็งอย่างมาก


ถัดจากการประลองของหลินหลานมาได้ไม่กี่คู่ ก็เป็นรอบการประลองของหลินฮุย และด้วยความที่หลินฮุยมีฝีมือใกล้เคียงกับหลินหลาน ทำให้เขาสามารถชนะคู่ต่อสู้ด้วย 10 กว่าประบวนท่า หลินฮุยแม้ว่าจะด้อยกว่าหลินหลาน แต่เขาก็ด้วยกว่าไม่มากนัก ทำให้เขาสามารถผ่านสอบสองได้ไม่ยาก


การประลองยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดการประลองของกลุ่มขั้น 7 ก็จบลง แน่นอนว่าหลินเฟิงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว นี้ทำให้จี้หวางตกตะลึงมาก เพราะนี้หมายความได้สองอย่าง


อย่างแรกคือ หลินเฟิงเจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือและรากฐานอ่อนด้อยกว่ามาก ซึ่งในการที่ผ่านการทดสอบรอบแรกมาได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คู่ต่อสู้จะอ่อนด้อยขนาดต้องแพ้ในกระบวนท่าเดียว และยิ่งด้วยเวลาที่หลินเฟิงใช้ฝึฝนวรยุทธ์นั้นยังพอๆกับคู่ประลองของเขาด้วย


และอย่างที่สองคือหลินเฟิงต้องแข็งแกร่งมาก มีทั้งรากฐานที่แข็งแรงกว่าคนปกติมาก ส่วนเรื่องของประสอบการณ์สมควรมีมากกระคนอื่นไปไกลนักด้วย ความที่หลินเฟิงสามารถหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้และโจมตีใส่จุดอ่อนของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ


แต่แน่นอนว่าด้วยกระบวนท่าเดียวนี้ไม่สามารถวัดหรือพิสูจน์อะไรได้อย่างแน่ชัด ทำให้ต้องรอการประลองรอบที่สาม การประลองรอบที่สาม จี้หวางจะรู้ว่าที่แท้หลินเฟิงมีรากฐานและประสบการณ์มากเพียงใด


“กลุ่มขั้น 8 หมายเลข 1” จี้หวางตะโกน เมื่อการประลองของกลุ่มขั้น 7 จบลง


หลังจากจี้หวางกล่าวจบก็ได้มีรุ่นเยาว์จากกลุ่มขั้น 8 ออกมาสองคน ทั้งสองได้ประลองฝีมือกัน การประลองดำเนินไปนานหลายสิบกระบวนท่า และจบลงด้วยที่ทั้งคู่ได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป


ในการทดสอบทุกๆปี การประลองรอบที่สองนั้นมีผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบไม่มากนัก และในกลุ่มขั้น 8 ก็มีเพียงคนเดียวหรือสองคนเท่านั้นที่ไม่ผ่าน ด้วยความที่มีฝีมือเทียบเคียงกันอยู่แล้วทำให้พวกเขาสู้กันอย่างสูสี และผ่านเข้าสู่รอบสามได้อย่างไม่มีปัญหา


“กลุ่มขั้น 8 หมายเลข 7”จี้หวางตะโกน


การประลองดำเนินต่อไปจนกระทั้งถึงหมายเลขของหลินอี้หาน เขาได้เดินออกไป และเขายังเดินไปพร้อมกับหยงตัน ผู้ที่มีพละกำลังมากกว่าเขาอย่างมาก นี้ทำให้หลินอี้หานขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว