โทษที ! พี่มากับระบบ x100-ตอนที่ 103

โดย  จาตุรนต์ ตาแว่นฟ้า โพธิ์ศรี

โทษที ! พี่มากับระบบ x100

ตอนที่ 103

ตำรวจจับคนร้ายได้ตั้งแต่วันอังคารตอนบ่ายปุณณวิชญ์ไปชี้ตัวคนร้ายที่สถานีตำรวจ สองคนร้ายให้การซัดทอดว่ามีคนจ้างให้ทำร้ายหญิงสาวมาอีกทีหนึ่ง แต่พอตำรวจขอข้อมูลเพิ่ม คนร้ายทั้งสองก็ไม่มีหลักฐานในการเอาผิดนอกจากเบอร์โทรศัพท์ ตำรวจพยายามติดต่อเธอตามเบอร์ที่คนร้ายให้ก็ยังมาสามารถติดต่อได้ ปุณณวิชญ์นั้นผิดหวังอยู่ไม่น้อย เขาคิดวามุกไหมคงหลบหนีไปโดยมีคนคอยช่วยเหลือ เมื่อยังไม่สามารถโยงไปถึงคนบงการได้ ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีกับชายสองคนนี้ไปตามที่กฎหมายกำหนด

ตลอดทั้งสัปดาห์ปุณณวิชญ์ขับรถคอยรับ-ส่งแฟนสาว เขาใช้เวลาหลังจากที่ส่งหญิงสาวแล้วขับรถไปทำงานที่บริษัทและไซต์งาน พอตอนเย็นก็ขับรถมารับเธอไปส่งที่บ้าน การได้ใช้เวลาร่วมกันทำให้ทั้งเขาและเธอเข้าใจกันมากยิ่ง

“พี่ตัดสินใจแทนปอไปแล้วนะครับ เรื่องรถ” ชายหนุ่มบอกเธอในเย็นวันศุกร์ขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานที่บ้านของเขา

“ค่ะ สวยไหมคะ” เธอวางหนังสือแล้วเดินมาถามชายหนุ่มที่กำลังเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้ายเสร็จพอดี

“สวยครับ แต่พี่ว่าสวยไม่เท่าแฟนพี่หรอกครับ” คนพูดยิ้มกว้าง

“หนูดีอยากเห็นรถของพี่โอปจังเลยค่ะ อยากรู้ว่าจะสวยแค่ไหน” พิจิกาที่พึ่งทำการบ้านเสร็จก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“หนูดี คิดถึงจังเลย” สองสาวสวมกอดกันจนชายหนุ่มคนเดียวในห้องรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที

“หนูดีก็คิดถึงพี่โอปค่ะ หนูดีขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล”

“ไม่เป็นไรจ้ะหนูดี พี่เองก็ไม่ได้เป็นไรมากสักหน่อย”

“พรุ่งนี้เราไปกินไอศกรีมกันไหมคะ เป็นการปลอบใจ หนูดีไม่ได้ไปนานแล้วค่ะ” พิจิกาอ้อนพี่สาวคนสนิท

“แต่ว่าพี่ไม่มีรถไปนี่สิคะ” เธอแกล้งทำท่าคิดแล้วหันไปมองแฟนหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งมองมายังสองสาว

“นั่นสิคะ ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีใครใจดีพาเราไปกินไอศกรีมหรือเปล่านะคะพี่โอป” เด็กสาวส่งสายตาปริบๆ มายังน้าชายที่พร้อมจะตอบตกลงทุกเมื่อ

“แล้วอยากให้ไปด้วยหรือเปล่าล่ะครับ ชวนแต่ปอไม่เห็นชวนน้าเลย” เขาย้อนถามหลานสาว

“แหม น้าวิชญ์ทำเป็นน้อยใจไปได้ หนูดีก็ต้องให้น้าวิชญ์ไปด้วยอยู่แล้วล่ะคะ เพราะน้าวิชญ์ต้องเป็นคนเลี้ยงพวกเราใช่ไหมคะ” เธอตอบพร้อมถามกลับ

“อ๋อ ให้น้าไปเลี้ยงนี่เอง แค่สองคนจะสักเท่าไหร่กันเชียว ต่อให้ช้อปปิ้งอีกด้วยเลยดีไหมครับ” เขาหันมาขอความเห็นแฟนสาว

“ดูท่าทางแล้วพี่ว่าเราน่าจะช้อปปิ้งให้คนพาไปกระเป๋าฉีกเลยดีไหมคะ” กัลยณัฏฐ์ถามพิจิกา

“แน่นอนค่ะ เดี๋ยวหนูดีไปลิสต์รายการก่อนนะคะว่าอยากได้อะไรบ้าง” เด็กสาววิ่งออกไปจากห้องด้วยท่าทางร่าเริงจนเขาและเธอหัวเราะไปพร้อมๆ กัน

“แล้วปอล่ะครับ ต้องไปลิสต์รายการเหมือนหนูดีหรือเปล่า” คนถามยิ้มอย่างเอาใจ

“พี่วิชญ์ก็ ถ้าปอช้อปหนักอย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกันนะคะ” เธอค้อนให้เขา ปุณณวิชญ์มองดูแฟนสาวไม่ว่าเธอจะทำท่าทางยังไงก็ดูเหมือนเขาจะชอบไปเสียหมด

“ไม่มีบ่นครับ รับรองได้เลย”

เขาเคยคบกับผู้หญิงมามากมาย และไปเดินซื้อของด้วยก็บ่อย แต่ไม่มีเลยสักคนที่จะเกรงใจเขา ส่วนใหญ่พวกเธอจะซื้อจนตัวเขาเองคิดว่าทั้งหมดที่พวกเธอซื้อไปนั้นได้ใช้จริงบ้างหรือเปล่า ทั้งกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะที่เขาจ่ายไปก็คุ้มค่ากับความสุขชั่วข้ามคืนที่ได้รับ แต่สำหรับกัลยณัฏฐ์แล้ว เขามองว่าเป็นความสุขของทั้งชีวิต จึงไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้เลยสักครั้ง


ปุณณวิชญ์พากัลยณัฏฐ์และพิจิกามาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อทานไอศกรีม วันนี้หญิงสาวสวมกางเกงผ้าสีน้ำตาลกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวพอดีตัวสีขาวทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ชายหนุ่มมองแฟนสาวที่กำลังเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้กับพิจิกาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวงแหน ผู้หญิงสองคนนี้แม่จะต่างวัยกัน แต่ทั้งสองก็ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ พอเดินดูสินค้าจนเหนื่อยก็พากันมาทั่งทานไอศกรีม

“ไม่เห็นซื้ออะไรกันเลย”

“ก็ยังไม่เจอของที่ถูกใจนี่ค่ะ” พิจิการีบบอก

“พี่วิชญ์เบื่อหรือเปล่าที่ต้องมาเดินตามเราสองคน” กัลยณัฏฐ์ถามแฟนหนุ่ม

“ถ้าเบื่อก็ไปนั่งรอก็ได้นะคะ หนูดีเดินกันสองคนก็ได้”

“ไม่เบื่อครับ แค่สงสัยว่าวันนี้จะได้จ้ายเงินให้สองสาวตอนไหน”

“เดี๋ยวได้จ่ายแน่ๆ ค่ะ” พิจิกายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วก็เดินนำชายหนุ่มไปยังร้านที่อยู่หัวมุม แต่พอเดินไปถึงร้านหลานสาวก็หันมาบอกน้าชาย

“น้าวิชญ์ไปรอที่อื่นได้ไหมคะ” พิจิกาเป็นคนเดินมาบอกอย่างอายๆ

“ไม่เป็นไรครับ น้าไม่อาย” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นว่าสองสาวพาเขามายังร้านขายชุดชั้นในสตรี

“พี่วิชญ์ไม่อาย แต่ว่าเราสองคนอายนะคะ” เป็นกัลยณัฏฐ์ที่พูดขึ้นจนชายหนุ่มรู้สึกตัวเขาต้องรีบเดินไปอีกทางโดยไม่ลืมที่จะทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้สองสาว

“พี่ไปรอที่ร้านหนังสือนะครับ ไม่ต้องรีบเสร็จแล้วจะตามไปที่ร้านหนังสือหรือจะซื้อของอย่างอื่นเพิ่มก็โทรบอกพี่ด้วยนะครับ” ปุณณวิชญ์บอกหญิงสาวแล้วตัวเองก็ตรงไปร้านหนังสือที่อยู่อีกชั้น


ครึ่งชั่วโมงถัดมาทั้งสองคนก็เดินไปหาปุณณวิชญ์ที่ร้านหนังสือ จากนั้นก็เลือกซื้อหนังสือกันอีกพักใหญ่ เมื่อเห็นว่ามีเวลาเหลือไม่มากชายหนุ่มจึงพาทั้งสองคนไปยังโชว์รูมรถยนต์ที่อยู่ถัดจากห้างนี้ไปอีกไม่ไกลมากนัก

พอมาถึงปุณณวิชญ์ก็คุยเรื่องเครื่องยนต์กับเซลล์ที่เขาติดต่อไว้แล้ว ขณะรอก็ให้แฟนสาวกับหลานสาวเดินดูรอบๆ

“คันนี้ก็สวยดีนะ” ชายหนุ่มพาเธอเดินมาดูรถยนต์ BMW X5 สีขาว

“สวยค่ะ แต่คันใหญ่ไปนิดค่ะพี่วิชญ์”

“แต่มันก็คล้ายๆ ของพี่นะครับ ไหนปอว่าชอบรถสูงๆ คันนี้สูงกว่าเก๋งแน่นอน ปอลองขึ้นไปลองไหม” เขาคะยั้นคะยอให้เธอขึ้นไปลอง

“แล้วหนูดีว่ายังไงคะ สวยไหม”

“สวยค่ะ แต่คันใหญ่ไปหน่อย ถ้าเล็กกว่านี้สักนิดก็ดีคงนะคะ” พิจิกาหันมาตอบ

“มีคันที่เล็กกว่านี้ไหมคะ คันนี้ใหญ่แล้วก็ราคาแพงด้วยค่ะ” เธอกระซิบชายหนุ่ม เพราะเมื่อดูราคาที่ติดไว้แล้วมันคงแพงไปสำหรับเธอ ถึงแม้เขาบอกว่าจะจ่ายให้แต่เธอก็อยากได้ที่ราคาถูกกว่านี้สักหน่อย

“พี่คิดไว้แล้วว่าปอจะต้องพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเราไปดูรถที่พี่จองไว้แล้วดีกว่าไหม”

“จองไว้แล้ว ก็ยังจะมาบอกให้ปอลองคันอื่นอีกเหรอคะ แกล้งกันหรือปล่าคะ” เธอมองเขายิ้มๆ

“ไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้ปอได้ดูหลายๆ คันเพราะถ้าจะเปลี่ยนใจก็ได้พี่ไม่ได้ว่าอะไร” ปุณณวิชญ์รีบแก้ตัว

“ไปดูกันเถอะค่ะน้าวิชญ์ หนูดีก็อยากเห็น” พิจิการีบชวนทั้งสอง

“แล้วคันนี้ล่ะครับ เล็กพอหรือยัง” ปุณณวิชญ์ชี้ให้ทั้งสองคนดู BMW X1 สีขาว ที่เซลล์ขับมาจอดอยู่ด้านหน้าสุด

“ค่ะ/ค่ะ” เสียงประสานของกัลยณัฏฐ์และพิจิกาทำคนเลือกยิ้มอย่างยินดี

“พี่วิชญ์ซื้อคันนี้เหรอคะ” หญิงสาวหันมาถามชายหนุ่มที่ยิ้มภูมิใจเพราะเลือกรถได้ถูกใจแฟนสาว

“ครับ เป็นไง ถูกใจไหม”

“ถูกใจค่า แต่...”

“ถูกใจก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มรีบพูดแทรกและหัวเราะ

“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวปอจะผ่อนจ่ายให้พี่วิชญ์ แต่คงนานหน่อย กว่าจะผ่อนหมด” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย

“พี่ขอค่าผ่อนเป็นกาแฟตอนเช้าแล้วก็กับข้าวอร่อยๆ ตอนเย็นได้ไหมครับ”

“สบายมากเลยค่ะ แต่กี่ปีกว่าจะผ่อนหมด”

“พี่ให้ผ่อนทั้งชีวิตเลยดีไหมครับ” เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ หญิงสาวยิ้มเป็นคำตอบ แล้วรีบเดินไปหาพิจิกาที่ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว

“คุณวิชญ์จะรับรถวันนี้เลยไหมค่ะ เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ”

“ครับ คงรับไปวันนี้เลย” เขาบอกเซลล์แล้วก็หันมาถามแฟนสาว “ปอจะขับไปเองเลยหรือว่าให้พี่ขับไปให้ก่อน”

“แล้วรถพี่วิชญ์ล่ะคะ”

“ทิ้งไว้นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คุณดามาขับไปไว้ที่บริษัท”

“ถ้าจะลองขับก่อนก็ได้นะคะ ลูกค้าจะได้ไม่ต้องทิ้งรถไว้ที่นี่อีกคันด้านหลังโชว์รูปเราพอมีพื้นที่ให้ทดลองขับ” เซลล์เดินมาบอกเมื่อเห็นว่าลูกค้าดูเหมือนยังไม่มั่นใจว่าจะขับรถกลับไปเองได้หรือเปล่า

“พี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ ลองขับสักนิดก่อนขับไกลๆ” ปุณณวิชญ์ แล้วก็พากับมาด้านหลังของโชว์รูมตามที่เซลล์บอกเมื่อครู่

กัลยณัฏฐ์ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับรถประมาณ 15 นาทีก็เริ่มมั่นใจขึ้น

“ไปกันเลยไหมค่ะพี่โอป” พิจิกานั้นอยากออกไปสู้ถนนจริงๆ

“ค่ะ พี่ว่าพี่พอจะมั่นใจแล้ว” เธอหันมาบอกผู้ร่วมทางที่ดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจกว่าคนขับ

“เดี๋ยวพี่ขับตามไปห่างๆ นะครับ” ปุณณวิชญ์บอกแฟนสาวที่พร้อมจะออกสู่ถนนจริงเพื่อนกลับบ้านที่อัมพวา


สายๆ วันอาทิตย์ผู้คนในตลาดเดินซื้อของกันขวักไขว่ ปราณีกับแฟนหนุ่มกำลังช่วยกันเก็บของเพื่อเตรียมกลับไปพักหลังจากทั้งสองออกมาช่วยกันตั้งร้านตั้งแต่ตั้งแต่ตีสี่ พอสายๆ ก็ขายหมด ตั้งแต่ปราณีถูกไล่ออกจากโอบรักโฮมสเตย์หญิงสาวก็มาเช่าห้องพักเล็กๆ อยู่ในตลาดเพื่อหางานทำ แรกๆ เธอก็มาเป็นลูกค้าร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกับคนขายจนตกลงใจย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของชายหนุ่ม จากเดิมที่ขายแค่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปราณีจึงขายไก่ทอดเพิ่มด้วย ทั้งสองขายหมูปิ้งและไก่ทอดในตอนเช้าที่ตลาดในตัวเมือง ส่วนตอนเย็นก็ตระเวนไปขายตามตลาดนัด แม้จะต้องตื่นเช้านอนดึกแต่รายได้ก็ไม่มากพอที่จะอยู่อย่างสุขสบายเหมือนที่เคยทำงานที่โฮมสเตย์เพราะที่นั่นเธอได้ทั้งเงินเดือนและยังได้เงินที่ปองพลให้ไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือนอีกจำนวนไม่น้อย

“น้าณีสวัสดีค่ะ สบายดีไหมคะ” เสียงใสเอ่ยทักทายอย่างดีใจ ทำให้ปราณีเงยหน้าขึ้นมอง

“ค่ะ สบายดีค่ะ” เธอตอบแต่น้ำเสียงสะบัดเหมือนไม่ค่อยพอใจ ไม่สบตาหญิงสาวอย่างเคย

“ปอดีใจที่เจอน้าณีที่นี่ แต่วันนี้ปอมาซื้อของอยู่คุยด้วยไม่ได้ วันหลังปอจะแวะมาหานะคะ ถ้าสอบเสร็จก็คงว่างขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ” เธอเล่าให้ปราณีฟังเพราะยังคิดว่าเธอเป็นคนในครอบครัวเหมือนเดิม

“แล้วสอบเมื่อไหร่คะ” คำว่าสอบทำให้ปราณีต้องคุยด้วยทั้งๆ ที่ไม่อยากจะคุยกับเธอมากนัก

“เสาร์หน้านี้แล้วค่ะ ปอคิดถึงน้าณีนะคะ วันหลังแวะไปเยี่ยมปอกับแม่บ้างนะคะ ส่วนพ่อตอนนี้ท่านบวชอยู่ที่วัดนะคะ” กัลยณัฏฐ์ชวนเธอคุยอย่างสนิทสนม

“ค่ะ รอน้าว่างๆ ก่อนนะคะ น้าขอตัวก่อนต้องรีบเก็บของค่ะ” ปราณีรีบตัดบท เพราะไม่อยากมองหน้าหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุทำให้ปองพลไม่ยอมหย่าขาดกับภรรยา จนสุดท้ายเขาก็ทิ้งเธอไปบวช

กัลยณัฏฐ์ไม่ได้ใส่ใจท่าทีห่างเหินที่ปราณีแสดงออกมาเพราะเธอต้องรีบไปซื้อของอีกหลายอย่าง แต่อีกคนที่บอกว่ารีบทำงานนั้นกลับแอบมองหญิงสาวทุกย่างก้าว

“ใครเหรอพี่” วุฒิ แฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอถามขึ้น

“ลูกสาวคนรู้จัก” เธอตอบสั้นๆ แต่สายตาจ้องไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินไปที่รถคันหรูที่พึ่งขับออกไป เธอไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน

“ท่าทางรวยนะ ดูสิขับรถคันละเป็นล้านเลย”

“บ้านนั้นรวย แต่ขี้งกไปหน่อย” ปราณีไม่พอใจ

“อ๋อ พวกคนรวยนี่ก็รวยกันจริงๆ ไม่เหมือนพวกเราหาเช้ากินค่ำ หาเท่าไหร่ก็ไม่พอ” ชายหนุ่มบ่นไปตามเรื่อง

“นั่นสิ” ปราณีคิดตามที่ชายหนุ่มพูด

“พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” สีหน้าและแววตาของปราณีเหมือนคนที่กำลังแค้นอะไรสักอย่าง

“เปล่าแค่ คิดว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวเธอบ้างก็เท่านั้น บางทีอาจได้เงินติดไม่ติดมือมาสักหน่อย”

ปราณีคิดว่าไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่เธอต้องมาอยู่อย่างลำบาก บางทีเธออาจจะไปขอเงินอีกสักก้อนเพื่อแลกกับความลับที่เก็บไว้ ยิ่งก่อนสอบอย่างนี้คงเป็นเวลาที่เหมาะสม เธอรู้ดีว่าหญิงสาวเมื่อครู่ตั้งใจที่จะเป็นข้าราชการมากเพราะอยากให้บิดามารดาภูมิใจ

กัลยณัฏฐ์นั่งมองสายน้ำเบื้องหน้า ตอนนี้มีเรือนั่งท่องเที่ยวที่ไปชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนผ่านหน้าไปหลายลำ เธอเองแม้จะเกิดและโตที่นี่แต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสนั่งเรือบ่อยนักเพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบความมืด จึงได้แต่นั่งมองคนบนเรือดูทุกคนท่าทางตื่นเต้นที่จะได้เห็นหิ่งห้อย จนเธอผู้คนเหล่านั้นแล้วแอบยิ้มตาม

“อีกสองวันจะสอบแล้ว มานั่งส่งยิ้มอย่างนี้แสดงว่าอ่านหนังสือเต็มที่แล้วใช่ไหม” กัลยาที่นั่งมองลุกสาวคนเดียวอยู่นานถามขึ้น

“ค่ะแม่ รับรองไม่พลาด” หญิงสาวตอบมารดาอย่างมั้นใจ

“จะแม่เชื่อว่าปอของแม่เก่ง” เธอเอ่ยชมลูกสาว

“ถ้าปอสอบไม่ผ่านแม่จะเสียใจไหมคะ”

“ไม่เลยจ้ะ เพราะแม่เห็นว่าลูกสาวแม่ตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่ว่าผลการสอบจะออกมายังไงแม่เชื่อว่าทั้งปอและแม่จะไม่เสียใจเพราะเราทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว”

“ปอเองก็คิดอย่างนั้น แต่ก็กลัวแม่เสียใจ”

“ชีวิตเราไม่ได้มีแค่นี้นะลูก ถึงหนูจะสอบไม่ผ่านหนูก็ยังเป็นลูกแม่เป็นครูที่ดีของเด็กๆ ได้”

“บางทีปอก็แอบคิดว่า ปออยากจะออกมาช่วยแม่ทำงานแต่ก็เสียดายวิชาความรู้ที่เรียนมา”

“ไม่ต้องออกมาช่วยแม่หรอก แม่ทำไหว พนักงานใหม่ที่รับมาก็ช่วยงานได้มาก ถ้าจะออกจริงๆ ก็ไปช่วยวิชญ์ทำงานดีกว่าไหม เห็นว่าอยากหาคนช่วยงานอยู่”

“ค่ะแม่ พี่วิชญ์ก็เกริ่นๆ ไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่วิชญ์ก็มีเลขาฯ อยู่แล้วค่ะ ปอไม่อยากไปแย่งงานใครค่ะ”

“คงไม่ได้แย่งอะไรหรอกมั้งลูก พี่เค้าคงอยากให้เราไปอยู่ใกล้ๆ มากกว่า”

“ปอขอทำตามฝันก่อนนะคะแม่ แม่คะก่อนสอบปอว่าจะไปหาหลวงพ่อ แม่มีอะไรจะฝากไปไหมคะ” เธอหมายถึงบิดาของเธอที่ตอนนี้บวชเป็นพระแล้ว หญิงสาวจะไปขอให้ท่านอวยพรให้ก่อนวันสอบ

“ไม่มีจ้ะ แม่ว่าดึกแล้วเรากลับไปนอนที่บ้านกันเถอะที่นี่คงไม่มีอะไรแล้ว” กัลยารีบชวนเธอคุยเรื่องอื่นเพราะไม่อยากพูดถึงบิดาของหญิงสาว

กัลยณัฏฐ์เตรียมของมาถวายหลวงพ่อหลายอย่างทั้งผลไม้สด นม ซุปไก่ น้ำผลไม้ ยาบำรุงต่างๆ รวมไปถึงเครื่องใช้ส่วนตัวที่เธอพึ่งไปซื้อมาเมื่อวันก่อน

พอไปถึงบริเวณวัดก็เห็นเด็กวัดกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ เธอเดินเข้าถามก็ทราบว่าหลวงพ่อนั่งสมาธิออยู่แถวๆ ท่าน้ำ หญิงสาวส่งขนมถุงใหญ่ให้เด็กวัดเอาไปแบ่งกันทาน ก่อนจะขอตัวไปหาหลวงพ่อ เธอเคยมาหาหลวงพ่อที่นี่หลายครั้งแล้วจึงบอกเด็กวัดว่าไม่ต้องตามไปส่ง

กัลยณัฏฐ์วางถุงทั้งหมดไว้ที่ศาลาก่อนแล้วเดินไปตามทางที่ปูด้วยอิฐรูปตัวหนอน ยังไม่ทันถึงบริเวณท่าน้ำเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน เธอจำเสียงนั้นได้ดีเพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคย หญิงสาวมีร้อยยิ้มประดับบนใบหน้าเพราะรู้สึกดีที่ปราณียังหาเวลาว่างมาเยี่ยมหลวงพ่อ

“หลวงพี่มีเงินเยอะแยะไป ณีเห็นซื้อรถให้ลูกสาวได้ แต่ทีกับณีให้แค่เดือนละหมื่น จะให้ทีเดียวเลยก็ไม่ได้ ณีจะได้เอาไปลงทุน”

“อาตมาไม่ได้เป็นคนซื้อรถให้โยมปอ โยมวิชญ์เป็นคนจัดการ อาตมาบวชแล้วไม่ไปยุ่งทางโลก”

“หลวงพี่เห็นแก่ตัว ทีตอนมีความสุขก็มีด้วยกัน แต่พอถูกจับได้ก็หนีมาบวช หนูปอคงไม่รู้เรื่องนี้เพราะเมื่อวานณีเจอกับเธอที่ตลาด เธอยังเข้ามาทักทายณีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“อย่าไปยุ่งกับโยมปอเลย” หลวงพ่อพยายามเอ่ยห้าม

“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าหลวงพี่ไม่ให้เงินณี ณีจะบอกหนูปอว่าที่หลวงพี่มาบวชเพราะถูกพี่กัลยาจับได้ว่าเป็นชู้กับณี”

“แล้วโยมคิดว่าบอกเรื่องนี้กับหนูปอ แล้วได้อะไร”

“ก็ไม่ได้อะไรหรอกค่ะ ณีก็ได้ความสะใจ ส่วนหนูปอก็คงไม่มีสมาธิสอบซึ่งจะมาถึงวันเสาร์นี้ ความฝันของและความพยายามของหนูปอที่พยายามมาทั้งปีก็คงจะสูญเปล่า”

“อาตมาขอร้อง อย่าทำอย่างนั้นเลยไปขัดขวางความตั้งใจคนอื่นมันจะเป็นบาป”

“คนอย่างณีไม่รู้จักบาปบุญหรอกค่ะ เพราะถ้ารู้จักก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับหลวงพี่ตั้งแต่ทีแรกหรอกนะคะ”

ปราณีเดินจากไปแล้วหลวงพ่อได้แต่นั่งถอนหายใจเพราะไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ โดยที่ท่านไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดที่คุยกับปราณีเมื่อสักครู่มีใครอีกคนยืนฟังด้วย

ฝาก e-book ด้วนะคะ

https://bit.ly/โอบรักด้วยหัวใจ



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว