“ต้นไม้ใหญ่ในป่าวงกตแห่งนี้ มีความสัมพันธ์ต่อสัตว์อสูรไพร มันสามารถส่งมอบพลังให้กับสัตว์อสูรไพรได้อย่างไร้ขีดจำกัด พลังในการฟื้นฟูทั้งหมดเกิดจากความสัมพันธ์เหล่านั้น ผ่านสื่อกลางซึ่งก็คืออัญมณีสีเขียวกลางหน้าผาก... อีกทั้งต้นไม้พวกนี้ยังมีความนึกคิดคอยเป็นหูเป็นตาให้กับสัตว์อสูรไพรอีกด้วย...” ซุน เอ่ยพึมพำขึ้นมากับตนเองเบา ๆ ทั้งยังมองเห็นช่องโหว่อย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้รับคำตอบแน่ชัด แต่ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการพิสูจน์เรื่องราว...
หลังจัดเตรียมความพร้อมเป็นที่เรียบร้อย ซุน ตัดสินใจไม่พกกระบี่ในมืออีกแล้วเนื่องด้วยความที่ไม่คล่องตัว แต่เลือกที่จะใช้ ‘กรงเล็บฉีกฟ้า’ อาวุธอักขระระดับสูง ชนชั้นลมปราณสีเหลืองที่ได้มาจากการสังหาร หวงหลงเฟย(ตอนที่ 234) กรงเล็บนี้สามารถหดยืดได้ดั่งใจนึก ซุน ติดมันไว้ที่มือขวา
และทางด้านมือซ้าย ซุน ติด ‘กำไลซ่อนมรณา’ ไว้ที่ข้อมือ แน่นอนว่าพลังของกำไลนี้ล้วนอ้างอิงจากพื้นฐานลมปราณของผู้ใช้เป็นหลักในการที่จะประจุพลังใส่ลงไป และพื้นฐานของศาสตราชิ้นนี้ยังถือเป็นปราณธาตุลมที่ชายหนุ่มมีความชำนาญมากที่สุด... ดังนั้นแล้วด้วยความแข็งแกร่งของ ซุน ในเวลานี้การยิงกระสุนปราณล่องหนจากสุดยอดอาวุธลับ จึงเต็มไปด้วยพลังในการสังหารที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง...
การพกอาวุธลับทั้งสองชิ้นติดตัว ยังทำให้ ซุน มีอิสระในการเคลื่อนไหวมือทั้งสองข้างได้มากกว่ายามถือกระบี่ ไม่ได้ลดทอนความเร็วในการปีนป่ายระหว่างยอดไม้ และเมื่อเพิ่มศักยภาพด้วยการทรงร่างพญาวานรในรอยสักเบญจสารสัตว์ จึงทำความเร็วได้เหนือกว่าบนพื้นราบเสียอีก...
หลังเดินทางได้ไม่นาน ซุน ก็มองเห็น กระทิงไพร ฝูงเล็ก ๆ จำนวน 10 ตัว... ไม้ใบใกล้ตัว ซุน สั่นไหวน้อย ๆ ทำให้ กระทิงไพร เหล่านั้นเงยหน้าขึ้นมอง ทว่าดูเหมือนพวกมันจะไม่มีความสามารถด้านการปีนป่าย จึงได้แต่แสดงความกระฟัดกระเฟียดอยู่ด้านล่าง...
ชายหนุ่มหรี่ตามองแคบลง...
“เช่นนั้นก็ขอให้พวกเจ้าเป็นเป้าหน่อยก็แล้วกัน...”
ซุน ยกแขนซ้ายขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพ่งเล็ง ก่อนจะหักข้อมือครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว... ไม่มีแม้เสียงการยิง ไม่มีแม้แต่เงาของกระสุนสายลมที่พุ่งออกไป เป็นการโจมตีที่รุนแรงและยากจะป้องกัน... เสียง เพล้ง! ดังขึ้นจากอัญมณีสีเขียวกลางหน้าผากของกระทิงไพรตนหนึ่งที่แตกออก ร่างของมันแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดวงแสงสีเขียวที่ลอยขึ้นมา...
จากนั้นเสียง เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! ก็ยังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างของกระทิงไพรก็แห้งเหี่ยวลงตามลำดับ... ซุน ในเวลานี้ยิงกระสุนสายลมจากกำไลซ่อนมรณาติดต่อกันได้ถึงเจ็ดครั้ง... หลังจากนั้นก็จำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะในการประจุลมปราณเข้าไปใหม่...
ชายหนุ่มดีดตัวออกจากยอดไม้ โบกสะบัดขวดโหลโปร่งใสไปมาดูดซับดวงแสงสีเขียวทั้งเจ็ดดวงที่ล่องลอยเข้าไปภายในขวดโหล น่าตกใจตรงที่ปริมาณได้รับ กลับมีแค่ราว ๆ 1 ใน 100 ส่วนของทั้งขวดเท่านั้นเอง
“กระทิงไพรมีพลังเทียบเคียงชนชั้นลมปราณสีเขียว ถือเป็นสัตว์อสูรไพรระดับต่ำ จึงได้ปริมาณที่น้อยนิดงั้นสินะ ดูแล้วจำเป็นต้องจัดการหลายร้อยตัวกว่าที่จะครบ ซึ่งแน่นอนว่าหากล่าเพียงแค่สัตว์อสูรไพรระดับต่ำ ไม่มีทางล่าดวงแสงสีเขียวตามจำนวนได้ทันกำหนดเจ็ดวันแน่นอน...” ซุน เอ่ยพึมพำก่อนจะกางกรงเล็บฉีกฟ้า ฟาดฟันอัญมณีกลางหน้าผากกระทิงไพรส่วนที่เหลือจนพินาศสิ้น
แต่ในตัวสุดท้ายนั้น ซุน กลับมิได้ลงมือทำลายอัญมณี... ชายหนุ่มตัดสินใจบั่นศีรษะของมันให้ขาดสะบั้น แน่นอนว่าช่วงเวลาต่อมาต้นไม้ใหญ่โดยรอบก็ได้ปล่อยละอองแสงบางอย่างตรงมายังอัญมณีที่ติดอยู่บนศีรษะ นี่เป็นช่วงจังหวะที่ ซุน กำลังเฝ้ารออยู่...
ชายหนุ่มเสียบแทงกรงเล็บสอดเข้าไปใต้อัญมณี ก่อนจะงัดให้มันหลุดออกมาโดยไม่ทำลาย ซุน โดดคว้าอัญมณีอย่างรวดเร็ว ศีรษะของกระทิงไพรตนนั้นเมื่อไร้อัญมณีเกื้อหนุนก็เหี่ยวแห้งลงในชั่วพริบตา...
แต่ที่น่าตกใจก็คือละอองแสงจากต้นไม้ใหญ่ ที่ไหลเวียนเข้ามาหาอัญมณีนั้นกลับมิได้หยุดลง... ซุน สูดลมหายใจดังเฮือก ๆ ขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดวงตานั้นเบิกกว้างขึ้น รู้สึกถึงปราณพฤกษาที่ไหลเวียนเข้ามาในร่างอย่างต่อเนื่องยามที่ตนนั้นถืออัญมณีไว้ในมือ...
“นี่มัน!!”
ปราณพฤกษานั้นโดดเด่นในด้านการฟื้นฟูร่างกาย แฝงไว้ด้วยพลังแห่งชีวิตที่ไหลเวียนในปริมาณมาก เพียงแค่ได้ดูดซับยังทำให้รู้สึกถึงความปลอดโปร่ง ชุ่มช่ำไปถึงจิตวิญญาณ... ทั้งปราณพฤกษาเหล่านี้ยังแฝงเร้นเอาไว้ด้วยลมปราณบริสุทธิ์สายหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเพียงแค่น้อยนิดแต่ก็มากพอที่จะทำให้ ซุน สัมผัสได้...
จิตใจของ ซุน สะท้านสะเทือนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้... เมื่อขบคิดชั่วครู่ขณะ ก็จึงตัดสินใจห้อตะบึงกลับไปยังตำแหน่งที่สลัด หมาป่าไพร และ คชสารไพร เมื่อครู่นี้... ซุน เผยแววตาที่เปล่งประกายภายใต้หน้ากาก หอบหิ้วความคาดหวังบางอย่างเอาไว้...
ไม่นานก็พบสัตว์อสูรไพรระดับสูงทั้งสองตัวนี้จริง ๆ พวกมันคำรามเสียงกรรโชกเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของชายหนุ่ม และยังมองเห็นได้ว่ารอยร้าวจากอัญมณีของครสารไพรได้ฟื้นสภาพกลับคืนมาแล้ว...
ซุน ไม่กล้าประมาทความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรไพรระดับสูงทั้งสอง ซึ่งน่าจะเทียบได้กับชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นแรกสุด ชายหนุ่มโคจรลมปราณเต็มกำลังก่อนจะพุ่งเข้าประหัตถ์ประหารเพื่อพิสูจน์สมมุติฐานของตนเอง...
ผ่านไปหลายร้อยอึดใจ ซุน หายใจหอบหนักดังฮัก ๆ ทั้งยังมีบาดแผลปรากฏบนร่างกายในบางจุด... หากเป็นการทำลายอัญมณีโดยตรงย่อมเป็นเรื่องง่าย แต่การจะงัดมันออกมาโดยไม่ให้เสียหายนั้น กลับทวีความยากขึ้นเป็นสิบเท่า เนื่องด้วยจำเป็นต้องเอาชนะและทำลายร่างของมันให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงเร่งลงมือก่อนที่พวกมันจะทำการฟื้นฟู
ผนวกกับที่สัตว์อสูรไพรระดับสูง อัญมณีกลางหน้าผากก็จะยิ่งมีขนาดที่ใหญ่และทนทานมากขึ้นตามลำดับ... ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองตัวพร้อมกันด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็ถึงกับปาดเหงื่อติดกันถี่ ๆ แต่สุดท้ายก็พิชิตสัตว์อสูรไพรระดับสูงทั้งสองตนนี้ลงได้ในที่สุด....
อัญมณีที่ได้มาใหม่ทั้งสองชิ้นนี้ขนาดเท่าฝ่ามือ เห็นได้ชัดว่ามันเปล่งประกายพลังมากกว่าอัญมณีที่ได้รับมาจากกระทิงไพรหลายเท่านัก เมื่อทำการดูดซับละอองแสงจากต้นไม้ใหญ่พลังในการฟื้นฟู และลมปราณบริสุทธิ์ที่แฝงเร้นก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน เพียงแค่ ซุน ถืออัญมณีสองชิ้นนี้เอาไว้ บาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้รวมไปถึงลมปราณที่พร่องโหว่ ก็คล้ายถูกชำระล้างจนกลับมาสมบูรณ์
แต่ขณะเดียวมันก็มีจุดสำคัญตรงที่ หากอัญมณีเหล่านี้มิได้แตะต้องส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยตรง จะไม่เกิดกระบวนการดูดซับพลังเหล่านั้น... เช่นการเก็บไว้ภายในอาภรณ์ หรือถุงเก็บของก็จะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย...
“เริ่มเข้าใจหลักการของอัญมณีพวกนี้แล้ว”
ซุน แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา ตัดสินใจติดอัญมณีระดับสูงสองชิ้นไว้ที่ผิวหนังบริเวณหน้าอก สวมอาภรณ์ปิดทับอย่างมิดชิดให้สังเกตได้ยากขึ้น... จากนั้นชายหนุ่มก็สวมวิญญาณพยัคฆ์ร้าย ออกตามล่าสัตว์อสูรไพรระดับสูงในทันที!!
เวลาผ่านเลยไปอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายแห่งการฆ่ามีมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชิงชัยบางส่วน เลิกตามล่าสัตว์อสูรไพร แต่หันมาตามหาผู้ชิงชัยด้วยกันแทน เพื่อแย่งชิงดวงแสงสีเขียวจากภายในขวดโหลที่สะสมไว้ตรง ๆ
เวลาผ่านไปสองวัน... จำนวนของคนนับพันในเวลานี้น่าจะหายไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง บางส่วนโดยบีบบังคับให้ถูกส่งกลับออกไปยังโลกภายนอก แต่บางส่วนก็ถูกสังหารได้กลับออกไปเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ ความโหดร้ายของการทดสอบทวีความรุนแรงขึ้นหลายระดับ เทียบไม่ได้เลยกับด่านทดสอบแรก...
แต่ถึงแม้จะมีผู้ชิงชัยกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งป่าวงกต ทว่าก็ยังไม่มีผู้ใดพบเจอแม้แต่เงาของประตูลับอันเป็นทางออกที่ดวงตาโบราณขนาดใหญ่ได้กล่าวถึง... ทุกคนต่างก็ยังวนเวียนอยู่ภายในป่าวงกตไร้ทางออกแห่งนี้
ซุน โดดไปมาบนยอดไม้อย่างชำนิชำนาญ หากมิใช่การต่อสู้กับสัตว์อสูรไพรระดับสูง ชายหนุ่มก็แทบไม่ยอมลงจากด้านบนนี้เลย... แน่นอนว่าช่วงสองวันมานี้ ซุน พบเจอผู้ชิงชัยอยู่อีกหลายคน ที่มุ่งเน้นเคลื่อนไหวบนยอดไม้ไม่ต่างกันตน อีกฝ่ายเมื่อพบเจอ ซุน ก็พุ่งเข้าหาแทบจะทันที พร้อมแสดงพลังในการสู้รบออกมา
ทว่า ซุน นั้นกลับไม่มีความคิดที่จะปะทะ ซุน ปลดปล่อยสายลมสีม่วงแห่งการตรวจสอบออกมา แทบจะมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่งจนถึงเนื้อใน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีการต่อสู้ยืดเยื้อ ซุน ใช่ความเร็วเข้าประชิดที่รวดเร็ว พร้อมกับช่วงชิงขวดโหลของอีกฝ่ายในชั่วพริบตา...
“บัดซบ!! เจ้าหมายเลข 1 นี่อีกแล้ว!!”
“สารเลวเอ้ย!! เจ้านี่มันไวยิ่งกว่าลิงเสียอีก!!”
ซุน ไม่ได้สังหารผู้ใดเลย แต่ใช้การทำลายขวดโหล ส่งใครก็ตามที่พยายามเข้ามาเล่นงานตนให้กลับไปยังโลกภายนอก และอาศัยการเก็บเกี่ยวดวงแสงสีเขียว จากขวดโหลของผู้อื่น เพียงแค่สองวันขวดโหลของ ซุน ก็มีปริมาณดวงแสงมากเกินกว่าครึ่งขวดโหล...
และหากมองดูชัด ๆ จะเห็นว่าร่างของ ซุน ดูเหมือนตัวจะใหญ่โตอ้วนพีขึ้นอีกระดับหนึ่ง... อาภรณ์นั้นพ้องสูงขึ้นมาทั้งยังดูผิดรูปลักษณ์ไปจากเรือนกายที่สามัญ... เหตุผลก็เพราะ ซุน ได้นำอัญมณีระดับสูงแปะติดไว้บนผิวหนังร่างกายร่วม 20 ชิ้นเข้าไปแล้ว!! ลำตัวด้านหน้ารวมไปถึงแผ่นหลังไม่หลงเหลือที่ว่างแม้แต่ชุ่นเดียว จนเริ่มลุกลากไปแปะที่ต้นขาในบางชิ้น...
ชายหนุ่มเคลื่อนไหวได้ราวกับเป็นเครื่องจักรที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานไร้ขอบเขต ปราณพฤกษาที่ดูดซับเข้ามาทำให้ ซุน ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งพื้นฐานลมปราณก็ค่อย ๆ ขยับเติมเต็มอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จนเวลานี้อยู่ในช่วงคอขวดของขั้นที่ 6 แล้ว ขาดอีกเพียงไม่นาน ก็คงสามารถทะลวงผ่านไปสู่ชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 7 ซึ่งหาก ซุน เข้าสู่ชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นปลายเมื่อไหร่ พลังรบย่อมสูงล้ำกว่าตอนนี้เป็นเท่าตัว...
ถ้าผู้ชิงชัยที่เข้ามาโจมตี ซุน มีเพียงลำพังหรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ไม่เกินสามคน ซุน จะเข้าเล่นงานอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล... ทว่าหากเป็นกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ชายหนุ่มก็เลือกที่จะหลบหนีโดยไม่ลังเลเช่นกัน บางครั้งยังแอบช่วงชิงดวงแสงจากสัตว์อสูรไพรที่เพิ่งถูกสังหารลง จึงทำให้เต็มไปด้วยเสียงก่นด่าตามหลังแทบไม่ขาดหู...
ผนวกกับรูปร่างที่แปลกประหลาดจากการติดอัญมณีไว้บนร่างกาย และห้อยโหยบนยอดไม้อย่างรวดเร็วราวกับการโผบิน... เมื่อคนจำนวนมากพบเห็นบ่อยครั้งขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่ ซุน จะถูกตั้งฉายาแปลกประหลาดขึ้นมาใหม่ในด่านทดสอบที่สอง...
“บัดซบ!! เจ้าบ้านั่นมันเปลี่ยนจากแมลงสาบ กลายเป็นด้วงกว่างแล้วงั้นหรือ!!”
“สารเลวเอ้ย!! เจ้านั่นมันเป็นร่างสถิตของแมลงนับไม่ถ้วนแน่ ๆ”
ซุน ได้แต่เกาศีรษะเบา ๆ เผยแววตาปลดปลง
ทว่าก็ไม่คิดจะเสียเวลาแก้ตัวใด ๆ เป็นแน่อยู่แล้ว...
การอยู่บนยอดไม้นาน ๆ ยังทำให้ ซุน ได้พบเจอ วานรไพร หรือไม่ก็ วิหคไพร ได้ในบางครั้ง เจ้าพวกนี้ก็ค่อนข้างจะเป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย คอยเล่นงานเหล่าผู้ชิงชัยที่มักแอบซ่อนตัวด้านบน... แต่เมื่อสัตว์อสูรไพรเหล่านี้มาเจอเข้ากับ ซุน ทุกตัวล้วนอัญมณีแตกสลาย จากการถูกลอบยิงกระสุนสายลมในชั่วพริบตา ตกหล่นราวกับเป็นใบไม้ร่วง...
หากกล่าวถึงภาพรวมในด่านทดสอบที่สอง วงกตแห่งป่า... สถานที่แห่งนี้เปรียบดังแดนสวรรค์ในการยกระดับพลังให้กับชายหนุ่ม ไม่ได้พบเจออุปสรรคและความลำบากเฉกเช่นผู้ชิงชัยคนอื่น ๆ ขณะเดินทางยังมีเสียงฮัมเป็นดนตรีดังขึ้นเบา ๆ ในลำคอ ยกเต้าสุราจิบดื่มเป็นระยะ มิต่างผู้ที่กำลังอยู่ในห้วงความสำราญ...
ทว่าในช่วงสองวันมานี้ ก็ยังมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ ซุน พบเจอความผิดพลาดอันเป็นประสบการณ์ให้ฝังใจ... ชายหนุ่มได้ทำการเอาชนะสัตว์อสูรไพรระดับสูงตนหนึ่งได้ และงัดอัญมณีให้หลุดออกมาไม่ต่างไปจากการกระทำในครั้งก่อน ๆ
ทว่าเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคาดตรงที่ อัญมณี ไม่ได้ถูกคว้าเอาไว้ในทันที แต่มันกลับกระเด็นไปไกลจนแตะสัมผัสถูกต้นไม้ใหญ่เข้า... ชั่วพริบตาต่อมาราวกับว่าอัญมณีชิ้นนั้นได้ดูดซับพลังจากต้นไม้ใหญ่ไปโดยตรง จนมองเห็นต้นไม้ใหญ่สั่นครืนได้ด้วยตาเปล่า ใบไม้บนยอดเหี่ยวแห้งเปลี่ยนสี ก่อนที่อัญมณีชิ้นนั้นจะสร้างสัตว์อสูรไพรยักษ์ขนาดมหึมาตัวใหม่ ที่แผ่ซ่านไปด้วยรัศมีพลังชนชั้นราชันย์ แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าในตอนแรกหลายเท่า...
ซุน ถึงกับเบิกตาโพลง อกสั่นขวัญแขวน และจึงรีบหลบหนีหัวซุกหัวซุน ก่อนที่สัตว์อสูรไพรยักษ์ตนนั้นจะก่อร่างสร้างรูปลักษณ์สมบูรณ์... แต่ขณะที่หนีไปนั้น ซุน ก็ได้แอบสังเกตเห็นต้นไม้ใหญ่ที่ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงระดับหนึ่ง...
ชายหนุ่มหดนัยน์ตาแคบลงโดยพลัน...
“หรือว่านั่น?! จะเป็นวิธีการทำลายป่าแห่งวงกต?!”
…………………………………
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่