วันนั้นเจ้าหินศักดิ์สิทธิ์อยากอวดความสามารถของมันด้วยการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอ แต่มันใช้พลังรักษาเธอไปจนหมด ดังนั้นจึงไม่สามารถคงร่างวิญญาณเอาไว้ได้และหายไปหลายวัน เสี่ยวเฉาเอามันแช่น้ำทุกวัน แต่เธอยังไม่เห็นร่างวิญญาณของมันปรากฏออกมา
นี่มันน่าเป็นห่วงมากจริงๆนะ แต่หลังจากหินศักดิ์สิทธิ์แสดงพลังวิเศษของมันให้เห็น หยูเสี่ยวเฉาก็ไม่สงสัยมันอีก เสี่ยวเฉาจึงต้มน้ำมาแช่หินศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ครอบครัวของเธอดื่ม และดูเหมือนมันจะได้ผลดีทีเดียว อย่างน้อยก็สำหรับเธอ สุขภาพของเธอไม่ย่ำแย่เหมือนตอนที่เธอเพิ่งมาเกิดที่นี่
“ เขาฟื้นแล้ว ! เขาฟื้นแล้ว ! ” เสียงของเสี่ยวเหลียนดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ
เธอหันไปตามเสียง ขนตาของชายหนุ่มกระพือเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายน่าหลงใหล ดูลึกล้ำเหมือนท้องทะเลและสว่างสุกใสเหมือนดวงดาว
“ พวกเจ้า......เป็นคนช่วยข้าไว้อย่างงั้นเหรอ ? ” เสียงของชายหนุ่มฟังดูชัดเจนมาก มันเจือความเย็นชาและเฉยเมยอยู่เล็กน้อย เหมือนน้ำในฤดูใบไม้ผลิจากบึงโบราณที่พบในภูเขาที่ลึกซึ่งเย็นเป็นพิเศษ
หยูเสี่ยวเฉายิ้มบางๆและพูดเสียงนุ่มว่า “ พวกเราเก็บของทะเลกันอยู่แล้วเห็นเจ้าเข้า ท่านพ่อของข้าว่ายน้ำเก่งท่านก็เลยว่ายไปช่วยเจ้า เจ้า......ดีจังที่เจ้าไม่เป็นอะไร ! ”
สายตาเฉยเมยของจูจวินหยางหันไปมองเด็กหญิงตรงหน้าที่ดูเหมือนอายุประมาณ 5-6 ขวบ ( ผู้แต่ง : 8 ขวบต่างหาก ! 8 ขวบ !! ) ผิวของนางขาวผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะซะอีก ผมของนางดูแห้งเล็กน้อย ริมฝีบากบางนุ่มเหมือนกลีบดอกไม้สีชมพู
เห็นชัดๆว่านางเป็นแค่เด็กหญิงผอมบางอ่อนแอจากครอบครัวชนบทที่ยากจน แต่นางกลับให้ความรู้สึกสงบและอ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากพวกคุณหนูทั้งหลายที่ทำตัวเหมือนสุนัขไล่ตามกระดูกทุกครั้งที่เจอเขา พวกนางอยากกระโจนเข้าใส่เขาเต็มแก่แต่ก็ยังเสแสร้งแกล้งมารยา อย่างน้อยเด็กชาวบ้านคนนี้ก็ไม่ทำตัวน่ารำคาญ !
“ ขอบคุณมาก ! แล้วนี่......พวกเจ้าเห็นคนอื่นๆบ้างรึเปล่า ? ” จูจวินหยางเสียใจมากที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำของกัปตันเรือที่มีประสบการณ์ และเลือกวันที่มีอากาศแบบนี้ทดสอบเรือลำใหม่ ผลที่ออกมาจึง......
แต่นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าเรือใหม่ลำนี้ไม่เหมาะจะใช้เดินทางในทะเล แค่พายุลูกเล็กๆแบบนี้ก็ยังทนไม่ได้ แล้วมันจะออกเดินทางไปต่างแดนที่เสด็จลุงเคยพูดถึงได้ยังไง ?
“ คนอื่นเหรอ ? ใช่พวกนั้นรึเปล่า ? ” หยูไห่ถามพร้อมกับชี้ไปทางเรือสองชั้นที่ลอยอยู่ไกลๆด้วยความทึ่งและชื่นชม
นั่นคือเรือสำหรับเดินทางในทะเลแน่ๆ! มันใหญ่กว่าเรือหาปลาลำใหม่ของครอบครัวเขาตั้งหลายเท่า ถ้าเขาได้มีเรือแบบนี้บ้าง......อะแฮ่ม หยุดฝันเฟื่องได้แล้ว !
“ ฝ่าบาท ! อยู่ไหนพะย่ะค่ะ ?! ได้โปรดอย่าเป็นอะไรเลยนะพะย่ะค่ะ ! ” หัวหน้าคนรับใช้ของตำหนัก
จิ้งอ๋องที่ถูกช่วยขึ้นมาหลังเรือล่มอยากผูกคอตายซะเดี๋ยวนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เขาคงห้ามองค์ชายสุดชีวิตไม่ให้ออกเรือไปแล้ว !
หลังจากเรืออับปางลง เกือบทุกคนรอดมาได้ยกเว้นองค์ชายหยาง งานนี้เขาต้องตายแน่ๆ !
“ หาเร็วเข้า ! ค้นหาต่อไป ! ” หัวหน้าคนรับใช้สั่งการเสียงดัง
กัปตันชราที่พยายามห้ามไม่ให้ออกเรือก่อนหน้านี้สังเกตเห็นว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้หน้าผาเข้าไปเรื่อยๆ เขาลังเลและพูดขึ้นว่า “ ท่านหัวหน้า ข้างหน้ามีหินโสโครกเยอะมากแถมคลื่นก็แรงด้วย ถ้าเราเข้าไปใกล้กว่านี้ เรือของเราจะล่มไปด้วยนะ ! ”
“ ข้าไม่สน ต่อให้ล่มอีก 20 หรือ 30 ลำ เราก็ต้องหาองค์ชายให้เจอ ! ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าบนเรือนี้เตรียมตัวตายกันได้เลย ! ” เมื่อหัวหน้าคนรับใช้ออกคำสั่ง พวกเขาจึงต้องค้นหาต่อไป ชีวิตของพวกเขาเองก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายเหมือนกัน !
“ งั้นก็......ส่งเรือเล็กออกไป ! ” กัปตันชราเสนอทางเลือกที่ดีที่สุด
บนหินโสโครกที่ห่างออกไป หยูเสี่ยวเฉาสังเกตเสื้อผ้าของชายหนุ่ม คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีเสื้อผ้าชั้นดีอย่างนี้ได้หรอก ชายหนุ่มคนนี้ต้องมีแบ็คกราวด์ที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ !
“ พวกเขาน่าจะหาตัวเจ้าอยู่ ท่านพ่อของข้าบอกว่าแถบนี้มีหินโสโครกอยู่เยอะ เรือจะเข้ามายาก ถ้าเจ้ายังมีแรงก็ควรว่ายน้ำออกไปจะดีกว่านะ ! ” หยูเสี่ยวเฉาวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
ตอนนี้ร่างกายของจูจวินหยางไม่มีแรงเลย แค่ยืนยังแทบจะยืนไม่ขึ้น แล้วเขาจะไปมีแรงว่ายน้ำได้ยังไง ?
“ หือ ? ท่านพี่สามมาดูนี่เร็ว มีเรือเล็กออกมาจากเรือใหญ่เพียบเลย ! ” ฉีโตวชี้แล้วตะโกนออกมา
เรือประมาณ 10 ลำแล่นออกไปคนละทางท่ามกลางคลื่นพายุ หนึ่งในนั้นที่นำโดยหัวหน้าคนรับใช้และกัปตันชราแล่นมาทางพวกเขา
“ เฮ้ ! ทางนี้ ! คนที่พวกเจ้าหาอยู่นี่ ! ” หยูเสี่ยวเฉาหยิบสาหร่ายบนหินขึ้นมาโบก เรือเล็กเหมือนจะเห็นเธอแล้วและเร่งความเร็วเข้ามาหา
“ ท่านหัวหน้า เราเข้าไปมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นนอกจากจะช่วยองค์ชายไม่ได้ พวกเราเองก็จะไม่รอดอีกด้วย ! ” เมื่อทุกคนบนเรือเห็นร่างเล็กๆกำลังโบกสาหร่ายสีเขียวอยู่บนหินโสโครก พวกเขาก็รีบพายเรือเข้าไปอย่างมีความหวัง แต่พวกหินโสโครกใต้ทะเลทำให้พวกเขาไปต่อไม่ได้
หัวหน้าคนรับใช้ถูมืออย่างร้อนใจ เขาหันไปทางพวกลูกเรือ “ ใครว่ายน้ำเก่งที่สุด ? ไปดูซิว่าองค์ชายอยู่ตรงนั้นรึเปล่า ถ้าอยู่ก็พากลับมาด้วย ”
พวกลูกเรือมองหน้ากัน ถ้าลงทะเลตอนคลื่นแรงแบบนี้พวกเขาจะรอดได้ยังไงกันล่ะ ? แถมยังต้องแบกอีกคนว่ายมาด้วย หัวหน้าคนรับใช้สั่งอีกหลายครั้งกระทั่งเสนอรางวัลให้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงไปในน้ำเลยสักคน
หยูไห่พักอยู่บนหินโสโครกจนพละกำลังฟื้นกลับมาแล้ว เมื่อเห็นว่าเรือเล็กหยุดเขาก็เข้าใจสถานการณ์ทันที “ เรือผ่านเข้ามาตรงนี้ไม่ได้ ให้ข้าช่วยพาเจ้าไปก็แล้วกัน ! ”
สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ว่ายน้ำเก่งที่สุดในหมู่บ้านตงชานจริงๆ หยูไห่พาชายหนุ่มคนนั้นว่ายน้ำฝ่าคลื่นพายุผ่านบริเวณหินโสโครกไปจนใกล้เรือเล็ก
“ เร็วเข้า นั่นองค์ชาย ! ไปรับตัวท่านมาเร็วๆเข้า ! ” เมื่อหัวหน้าคนรับใช้เห็นร่างที่อยู่ในทะเล เขาก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ในที่สุดหัวของเขาก็ไม่หลุดจากบ่าแล้ว !
พวกลูกเรือช่วยกันดึงองค์ชายหยางขึ้นเรือทันที หัวหน้าคนรับใช้โผเข้าหาพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ ฝ่าบาท ! ในที่สุดก็เจอท่าน...... ” แล้วเขาก็ร้องไห้โฮออกมา
หยูไห่เห็นสถานการณ์วุ่นวายบนเรือจึงไม่ได้ทักทายใคร เขาว่ายน้ำกลับไปในทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกๆที่ยังอยู่บนแนวหินโสโครก กว่าองค์ชายจะหยุดความวุ่นวายและนึกถึงผู้ช่วยชีวิตเขาขึ้นมาได้ หยูไห่ก็กลับไปถึงแนวหินโสโครกแล้ว
จูจวินหยางมองไปทางแนวหินโสโครกอย่างตั้งใจ ภาพใบหน้าซีดเซียวบอบบางยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา......
หลังเรื่องราวผ่านพ้นไป ครอบครัวหยูก็หาอาหารทะเลบนหินโสโครกกันต่อ
เอ๋ ? อะไรเนี่ย ? เห็ดโปร่งแสงเหรอ ? เห็ดก็โตในทะเลได้ด้วยเหรอ ? แปลกจัง !
“ น้องสามอย่าขยับ ! ” หยูฮังโล่งอกที่ตัดสินใจหันมาดูน้องสาว เขากลัวมากซะจนเหงื่อแตกเลย
หยูฮังรีบวิ่งเข้ามาและเกือบสะดุดก้อนหินล้ม เขาดึงมือเสี่ยวเฉาให้ออกห่างแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับพูดว่า “ นั่นคือแมงกะพรุนมีพิษ ถ้าโดนมันเข้าไป ถึงตายได้เลยนะ รอแป๊บนึง เดี๋ยวข้าจัดการให้เอง ”
เขาใช้พลั่วตัดหนวดแมงกะพรุนออกแล้วเตือนว่า “ ถ้าเจ้าเจอเจ้าตัวนี้อีก จำไว้ว่าอย่าไปโดนหนวดมัน เพราะพิษมันแรงมาก ”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่