ทุ่งรวงทอง (农园似锦)-ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย

โดย  Novel Room

ทุ่งรวงทอง (农园似锦)

ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย

คุณชายสามปัดฝุ่นออกจากปกเสื้อแล้วหัวเราะ “ ที่จริงข้าก็ไม่ได้พูดให้พวกเจ้าหรอกนะ ! นายน้อยแห่งร้านเจินซิวอย่างข้าไม่ยอมพลาดโอกาสเล่นงานร้านฝูหลินหรอก ! น่าเสียดายจริงๆ...... ”

เมื่อหยูเสี่ยวเฉาได้ยินว่าชายหนุ่มคนนี้คือนายน้อยของร้านเจินซิว เธอก็ชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังพี่ชายแล้วส่งยิ้มสดใส “ ท่านเป็นนายน้อยของร้านเจินซิวเหรอคะ ? งั้นท่านสามารถตัดสินใจสิ่งนี้

ได้ไหม ? ”

หยูฮังรู้เจตนาของน้องสาวจึงแอบดึงแขนเสื้อน้องอย่างเงียบๆ

มีความเย่อหยิ่งเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อๆของคุณชายสามซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนหนุ่มสาว “ ร้านเจินซิวเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่ครอบครัวของข้าให้ข้ามา ข้าจะได้เอามันไว้ฝึกทำธุรกิจ เพราะงั้นข้าก็ต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจซิ ”

พวกเขามาถึงถนนที่ร้านเจินซิวตั้งอยู่โดยไม่รู้ตัว ทางเข้าร้านที่สูงและงดงามอลังการสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

หยูเสี่ยวเฉาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “ ร้านนี้เทียบได้กับโรงแรม 5 ดาวเลยนะเนี่ย แต่เจ้าของกลับเอาให้ลูกใช้เป็นที่ฝึกทำธุรกิจเหรอ ตระกูลโจวนี่รวยจริงๆ ! ”

“ คุณชายสาม ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะครับ ? ” ผู้จัดการของร้านเจินซิวเป็นผู้ช่วยคนเก่งที่ประมุขแห่งตระกูลโจวจัดหาให้ลูกชายของเขา

ประมุขของตระกูลโจวมีลูกชาย 3 คน เมื่อถึงวัยที่สมควร พวกเขาจะเริ่มทำงานเพื่อให้ได้ประสบการณ์จากธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งของครอบครัว แต่ลูกชายคนเล็กเลือกที่จะกลับบ้านเดิมของบรรพบุรุษและสร้างร้านอาหารแห่งใหม่ขึ้นมา พี่ชายทั้งสองคนของเขายังไม่กล้าถึงขนาดนี้เลย

เมื่อปีที่แล้วร้านอาหารเจินซิวมีลูกค้าอยู่แค่ไม่กี่คน แต่ทุกวันนี้กลับหาที่นั่งแทบไม่ได้แล้ว ผู้จัดการร้านจึงยอมรับนายน้อยของเขาอย่างจริงใจ เขาตั้งใจจะติดตามคุณชายสามและสร้างความสำเร็จร่วมกัน

คุณชายสามพอใจในตัวผู้จัดการที่มีความจงรักภักดีและมีความสามารถคนนี้มาก ก้าวแรกของการประสบความสำเร็จสำหรับคนตระกูลโจวก็คือการได้รับความจงรักภักดีจากลูกน้อง และเขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ! เขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นอีกในอนาคต ! เขาจะให้คนพวกนั้นคอยดูความสำเร็จของเขา !

“ ผู้จัดการเจียง การเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดของผู้พิพากษาอู๋เป็นยังไงบ้าง ? ”

“ ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ นี่ครับรายการอาหาร คุณชายสามช่วยตรวจสอบหน่อยครับว่าต้องตัดรายการไหนออกรึเปล่า ? ” ผู้จัดการเจียงถือรายการอาหารในงานเลี้ยงวันเกิดให้คุณชายสามดูด้วยตัวเอง

ผู้พิพากษาอู๋ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของเขาในฐานะขุนนางเป็นอย่างมาก งานเลี้ยงนี้จึงไม่ตั้งใจให้จัดอย่างฟุ่มเฟือยและเป็นเพียงอาหารค่ำสำหรับครอบครัวเท่านั้น จึงมีคนร่วมงานอย่างมากที่สุดก็ 10 คนเท่านั้น

ผู้พิพากษาอู๋เกิดในตระกูลขุนนาง ภรรยาของเขาก็เป็นลูกสาวขุนนาง อาหารธรรมดาทั่วไปจึงไม่ทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจ ผู้พิพากษาอู๋คือสาเหตุหลักๆที่ทำให้ร้านอาหารเจินซิวประสบความสำเร็จในเมืองถังกู่ ดังนั้นพวกเขาจึงให้บริการเขาเป็นอย่างดี

อาหารสำหรับงานเลี้ยงนั้นโจวซือชู่ได้ปรึกษากับพวกพ่อครัวอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานพิเศษและเป็นที่นิยมของร้าน แต่คุณชายสามก็ยังไม่พอใจ เขารู้สึกว่ามันยังขาดจานที่เป็นสุดยอดอยู่ อาหารชั้นเลิศและหรูหรา

“ ข้าต้องคุยธุรกิจกับสองพี่น้องนี่สักหน่อย ช่วยจัดที่เงียบๆให้เราด้วย ” คุณชายสามไม่รับรายการอาหารมาและออกคำสั่งกับผู้จัดการ จากนั้นเขาก็หันไปคุยกับหยูฮังและน้องสาว

คุยธุรกิจ ? กับเด็กสองคนนี้เนี่ยนะ ? ผู้จัดการเจียงมองสำรวจสองพี่น้องที่สวมเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ แต่เขาก็ไม่ได้มีแววตาดูถูกเลย มีแต่ความสงสัยเท่านั้น เด็กสองคนนี้ดึงดูดความสนใจของคุณชายได้ พวกเขามีอะไรพิเศษกันนะ ?

ขณะที่หยูเสี่ยวเฉาเดินตามคุณชายสามไป เธอก็มองเฟอร์นิเจอร์ของร้านเจินซิวด้วยความอยากรู้อยากเห็น สมกับเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงคู่แข่งของร้านฝูหลินจริงๆ มีบรรยากาศหรูหราโอ่อ่าในทุกๆมุมของร้าน แต่รายละเอียดของเครื่องตกแต่งในร้านก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายเช่นกัน

เสี่ยวเฉาอ้าปากค้างอย่างชื่นชมอยู่ในใจ แต่ทุกอิริยาบทของเธออยู่ในสายตาของคุณชายสามตระกูลโจว พี่น้องสองคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจมากขึ้น ถึงพี่ชายจะยังเด็ก แต่เขาก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีเหตุผล ส่วนน้องสาวนั้น ทั้งๆที่อยู่ในร้านอาหารเจินซิวที่ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ แต่กลับไม่มีความเกรงกลัวหรือไม่สบายใจอยู่เลย มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นและความชื่นชมเท่านั้น

หรือพวกเขาไม่ได้เกิดในครอบครัวชาวประมงที่ยากจน แต่จริงๆแล้วมีความลับซ่อนอยู่ โจวซือชู่รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา

เมื่อเห็นสายตาระมัดระวังของหยูฮัง เขาก็รู้ว่าหยูฮังยังระแวงเรื่องที่น้องสาวพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่

โจวซือชู่ยิ้มและพูดว่า “ ราชวงศ์หมิงมีความเชื่อที่แตกต่างจากราชวงศ์ในอดีต ที่ว่า ‘ คำพูดของผู้คนก็เหมือนน้ำท่วมที่ต้องยับยั้งเอาไว้ ’ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของเรานั้นใจกว้างและสนับสนุนให้ประชาชนมีอิสระในการพูด ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ยอดเยี่ยม แล้วที่เจ้าพูดจะเป็นการไม่เคารพได้ยังไงล่ะ ? ”

สนับสนุนให้มีอิสระในการพูดเหรอ? หยูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกแปลกๆที่ได้ยินประโยคแบบนี้จากคนยุคโบราณ แต่ในที่สุดเธอก็รู้สักทีว่าตัวเองอยู่ในยุคราชวงศ์หมิง

ตามความประทับใจของเธอนั้น คนในยุคราชวงศ์หมิงโชคดีมากในด้านข้าวปลาอาหาร วัตถุดิบและเครื่องปรุงมากมายถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารตุ๋น เธอจะขาดของพวกนี้ได้ยังไง ?

“ คนที่ครองราชย์ตอนนี้ใช่ฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน จูหยุ่นเหวินรึเปล่าคะ ? ” หยูเสี่ยวเฉาโพล่งความรู้ประวัติศาสตร์ของตัวเองออกมาโดยไม่ระวังปาก พอพูดจบเธอถึงรู้สึกตัวว่าซวยแล้ว ในยุคโบราณถ้าพูดชื่อฮ่องเต้ออกมาตรงๆ เธอจะถูกตัดหัวรึเปล่า ?

โจวซือชู่มองหน้าเธอแล้วพูดอย่างแปลกใจว่า “ ตอนนี้เป็นรัชกาลของฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน แต่......ใครคือ

จูหยุ่นเหวินงั้นเหรอ ? ”

หยูเสี่ยวเฉาสังเกตสีหน้าของคุณชายสามอย่างระมัดระวัง และเห็นว่าชีวิตน้อยๆของตัวเองน่าจะยังปลอดภัยดีอยู่ จึงถามอีกว่า “ ใช่รัชกาลของฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์หมิงรึเปล่าคะ ? ”

ที่หมู่บ้านชาวประมง เธอเคยได้ยินว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์นี้ ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์หมิงก็คือจูหยุ่นเหวิน ! เธอคงไม่ได้จำประวัติศาสตร์ผิดใช่ไหม ?

“ ใช่แล้ว ! ฮ่องเต้องค์แรกได้มอบราชบัลลังก์ให้กับพระราชนัดดาแล้วเสด็จออกท่องเที่ยว เรื่องนี้ได้รวบรวมเป็นนิทานเผยแพร่ไปทั่วราชวงศ์หมิง แต่ว่า ถึงฮ่องเต้ของเราจะแซ่จู พระองค์ก็ไม่ได้ทรงพระนามว่าจูหยุ่นเหวินหรอกนะ พระนามของฮ่องเต้เจี้ยนเหวินก็คือจวินฝาน ! ”

การเอ่ยพระนามของฮ่องเต้ในราชวงศ์หมิงนั้นไม่ใช่ข้อห้ามเด็ดขาดอะไร ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินเองก็ทำตัวอย่างให้เห็นถึงเสรีภาพด้านการพูด ว่ากันว่าเสนาบดีคนหนึ่งตื่นเต้นมากเกินไปเลยเผลอเรียกพระนามของฮ่องเต้ออกมาตรงๆ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ตำหนิเขา ซ้ำยังเปรียบเขาว่าเป็น ‘ เว่ยเจิง ’ สำหรับความกล้าในการพูดตรงๆแบบนั้น

* ( นักการเมืองและนักประวัติศาสตร์ในช่วงราชวงศ์ถัง ผู้เป็นที่ปรึกษาที่ซื่อสัตย์และจริงใจตรงไปตรงมาของฮ่องเต้ ) *

จูจวินฝานเหรอ ? มีฮ่องเต้ในราชวงศ์หมิงที่ชื่อจูจวินฝานด้วยเหรอ ? ไม่น่ามีนะ ? ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์หมิงมอบราชบัลลังก์ให้กับพระราชนัดดา แต่พระราชนัดดาองค์นั้นไม่ใช่จูหยุ่นเหวินหรอกเหรอ ? นี่ใช่ราชวงศ์หมิงเดียวกันกับราชวงศ์หมิงที่บันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์รึเปล่าเนี่ย ?

“ แล้วพระนามของฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง...... ” หยูเสี่ยวเฉาถามต่อ

“ ฮ่องเต้ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงคือจูไห่หยง พระองค์ทรงพิชิตทั่วแผ่นดินด้วยกำลังทหารและสถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้กันไปทั่ว เจ้าเป็นคนประเทศนี้รึเปล่าเนี่ย ? ขนาดเรื่องนี้ก็ยังไม่รู้

งั้นเหรอ ? ” โจวซือชู่มองเธออย่างเหลือเชื่อราวกับเธอคือมนุษย์ต่างดาว

หยูฮังช่วยอธิบายแทนน้องสาวทันที “ น้องสาวของข้าป่วยจนต้องนอนซมมาตั้งแต่เล็กๆเลยครับ นางเพิ่งเริ่มดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง...... ”

โจวซือชู่มองใบหน้าซีดเซียวของหยูเสี่ยวเฉา แล้วพยักหน้าน้อยๆ “ ดูเหมือนน้องหยูจะสนใจเรื่องของราชวงศ์หมิงมากนะ งั้นข้าก็จะใจดีช่วยบอกให้ก็แล้วกัน ”

คำพูดต่อมาของคุณชายสามทำให้หยูเสี่ยวเฉาตกใจมาก แม้ว่าราชวงศ์หมิงได้โค่นล้มราชวงศ์หยวนลงและฮ่องเต้ก็แซ่จูเหมือนกัน แต่ราชวงศ์หมิงนี้ก็ไม่ใช่ราชวงศ์หมิงเดียวกับในประวัติศาสตร์ที่เธอรู้

ไม่ใช่จูหยวนจางที่เป็นคนโค่นล้มฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์หยวน แต่เป็นจูไห่หยง สมัยเด็กๆฮ่องเต้องค์นี้มีชีวิตอยู่อย่างยากจนและถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง แต่ทว่าตอนที่เขาอายุ 22 ปี เขาก็กลายเป็นคนที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

รีวิวจากผู้อ่าน 4 รีวิว
  • bird_only
    เมื่อ 4 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    thank you ka
    • อ่านถึง : ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย
  • Boomfaliona
    เมื่อ 4 ปี 10 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณมากค่ะ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย
  • sunsunkob
    เมื่อ 4 ปี 10 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณมากค่ะ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย
  • nine
    เมื่อ 5 ปี 1 สัปดาห์ที่แล้ว
    ตามมมมมมมมมมมมมมมม
    • อ่านถึง : ตอนที่ 13  สับสนสุดๆไปเลย

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว