จี้เส้าชางยืนลูบท้องที่นูนยื่นออกมาน้อยๆด้วยความรัก ขณะที่สายตาของนางมองผ่านทะเลสาบเล็กๆของตำหนักเจียนเอ๋อ และเห็นบุรุษที่อยู่ในเงามืดมองจ้องตรงมาจากเนินเขาจำลองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ
จี้เส้าชางเป็นสนมเล็กๆตำแหน่งส่วนซื่อ ได้รับราชทินนามว่า “อัน” ใครๆต่างเรียกนางว่านายหญิงน้อย ส่วนสนมคนอื่นจะเรียกนางว่า “อันส่วนซื่อ”
แม้นางจะเป็นโฉมสะคราญที่สวยที่สุดในใต้หล้าของแคว้นจ้าว แต่นางเป็นบุตรีของนายอำเภอเล็กๆคนหนึ่งที่เมืองหางโจว ฮองเฮาซึ่งมีบทบาทมากในวังหลังและฮ่องเต้ค่อนข้างเกรงใจ จึงให้นางดำรงตำแหน่งเพียง “ส่วนซื่อ”
แม้จะเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แต่ก็ได้รับใช้ถวายการปรนนิบัติแค่คืนเดียว จนนางได้ตั้งครรภ์มังกรก่อนสนมคนใดทั้งสิ้น แม้แต่ฮองเฮาบัดนี้ก็ยังไม่มีพระทายาท
สร้างความปลาบปลื้มยินดีมาสู่ฮ่องเต้หนุ่มยิ่งนัก แต่น่าเสียดาย...
เมื่อองค์หญิงแห่งเจียงหนานเดินทางมาอภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็หันไปให้ความสนใจแต่องค์หญิงผู้นั้นแต่เพียงผู้เดียว
ผู้คนในวังหลังต่างลือกันว่า องค์หญิงแห่งเจียงหนานผู้นี้มีกลเม็ดเด็ดพรายในเรื่องบนเตียงยิ่งนัก
ดังนั้นร่วมสองเดือนมาแล้วที่ฮ่องเต้ไม่เคยถามหาจี้เส้าชาง ไม่มาโอบกอดนางและลูบครรภ์ของนางเพื่อเล่นหยอกเอินกับลูกน้อย
แม้นางจะเศร้าเสียใจมากเพียงใดก็ตาม แต่นางมิยอมให้ตนเองจมจ่อมอยู่กับความตรอมตรม เพราะอาจทำให้สูญเสียลูกน้อยผู้นี้ไปได้
ด้วยเหตุนี้...นางจึงตัดใจจากฮ่องเต้ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายค่อนข้างเดียวดายกับบ่าวไพร่สองคนที่พามาจากเมืองหางโจว รอคอยที่จะให้กำเนิดบุตรน้อยและเลี้ยงดูให้เขาเติบโตเป็นองค์ชายใหญ่ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม ความเมตตาและไม่หลงใหลในตัณหาราคะจริตเหมือนเช่นพระบิดาของเขา
กระนั้น...นางก็มีความสงสัยเรื่องหนึ่ง...บุรุษผู้ที่มักมาปรากฏตัวที่เนินเขาจำลองทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำเป็นผู้ใดกัน!
ใครๆต่างรู้กันดีว่าทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำ ฮ่องเต้จะต้องไปพำนักที่ตำหนักฉางชิว ไม่สามารถเรียกสนมนางในไปถวายปรนนิบัติที่ตำหนักเจิ้งซิ่วได้ พระองค์จะต้องร่วมประทับอยู่กับฮองเฮาเพื่อให้เกิดความยุติธรรมตลอดทั้งคืน
“นายหญิงน้อยเพคะ...ห้องโอสถส่งยาบำรุงครรภ์มาแล้วเพคะ...” ปี้เจีย ข้ารับใช้เก่าแก่ที่ติดตามมาจากจวนนายอำเภอส่งถ้วยยาร้อนกำลังดีให้จี้เส้าชางค่อยๆยกขึ้นดื่มจนหมด
“ดื่มยาแล้วกลับเข้าข้างในเถิดเพคะ ข้างนอกลมแรง อากาศหนาวเกินไป อาจส่งผลต่อครรภ์ได้เพคะ” ปี้เจียว่า จี้เส้าชางจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินตามแรงประคองของนางเข้าไปยังตำหนักหลังเพื่อพักผ่อน ซึ่งมีปี้หวาย...น้องสาวฝาแฝดของปี้เจียกำลังจัดเตียงให้น่านอนอยู่
คิดไม่ถึง...เพียงนั่งลงริมเตียงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางลงบนฟูกนอน นางจะเกิดอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรง
“โอ๊ย...เรา...เราเจ็บท้องเหลือเกิน!” จี้เส้าชางยกมือกุมท้อง ตัวงอ ร้องครวญครางด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากและไรผม ปี้เจียกับปี้หวายออกอาการแตกตื่นตกใจยิ่งนัก พวกนางรีบประสานเสียงร้องบอกให้เสี่ยวอินจื่อ...ขันทีรับใช้ประจำตำหนักเจียนเอ๋อไปตามหมอหลวงมา
แต่ทว่า...น่าเสียดาย กว่าหมอหลวงจะมาถึงตำหนักเจียนเอ๋อที่อยู่ห่างไกลกว่าแปดร้อยเชียะ...
...จี้เส้าชางก็สูญเสียลูกในครรภ์ไปแล้ว…
ที่สำคัญ...หมอหลวงยังบอกอีกว่านางโดนวางยาพิษ และยาพิษนี้กำลังส่งผลร้ายต่อนางอย่างช้าๆ
ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อาลัยอาวรณ์ของปี้เจีย ปี้หวายและเสี่ยวอินจื่อบ่าวคนสนิททั้งสาม...
จี้เส้าชางก็ค่อยๆหมดลมหายใจวิญญาณออกจากร่าง พร้อมกับความเคียดแค้นสงสัยว่าผู้ใดคิดร้ายต่อนางกับบุตรในครรภ์
ใช่...ฮองเฮาหรือไม่!?
แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญสำหรับนางอีกต่อไป เพราะฮ่องเต้หมดรักในตัวนาง อีกทั้งในวังหลังก็มีศัตรูหลบซ่อนอยู่ในเงามืด เช่นนั้นนางจึงละทิ้งความเคียดแค้นอาฆาต ขอไปสู่ปรภพอย่างเงียบสงบพร้อมกับลูกน้อย
ส่วนคนชั่วช้าสามานย์ที่ลอบทำร้ายนาง นางเชื่อว่าฟ้าสวรรค์จะต้องจัดการแทนนาง มอบความยุติธรรมให้กับนางอย่างแน่นอน
ในห้วงสุดท้าย...ของวาระสุดท้ายของชีวิต จี้เส้าชางนึกถึงบุรุษผู้ที่ยืนอยู่ในเงามืดบนเนินเขาจำลอง นางอยากรู้เหลือเกินว่าเขาเป็นใคร
นางสัมผัสได้ว่าเขามาเฝ้ามองนางเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องนางอย่างลับๆ
ประดุจ...บุรุษที่มีใจชอบพอในสตรีที่ตนหลงใหลก็มิปาน
ท่านผู้นั้น...ข้าลาก่อน พวกเราเจอกันช้าเกินไป!!!