ร่างสถิตเทพ (God Spirit)-ตอนที่ 52 ศิษย์พี่รอง..ศิษย์น้องเล็ก

โดย  MR.FAT

ร่างสถิตเทพ (God Spirit)

ตอนที่ 52 ศิษย์พี่รอง..ศิษย์น้องเล็ก

ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด “กะทิเข้ามาฉันด้วย เดี๋ยวนี้”

“ได้ค่ะ คุณพร้อม”

“นี้เอกสารรายงานพิมพ์ผิด ตัวหนังสือเว้นวรรคไม่ถูกต้องทำให้อ่านยาก พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก ทำไมไม่ตรวจทานให้มันดี ๆ ก่อนส่งฉัน”

“ขอโทษค่ะ”

“นี่คุณแก้วกะรัต คุณพูดแต่คำว่าขอโทษ ๆ แล้วงานมันออกมาดีไหมฉันไม่อยากฟัง ทำไมเข้าใจยากเย็นแบบนี้”

“คำผิดเยอะแยะถ้าไม่รู้ว่ามันเขียนผิดเขียนถูก ลองหาในอินเทอร์เน็ตมีให้ดูเยอะแยะ ทำไมต้องให้บอกฉันต้องเสียเวลามานั่งตรวจงานคุณบ่อย ๆ มันเสียเวลาที่ต้องทำงานอื่นเอาไปแก้มาใหม่”

“กะทิขอโทษค่ะ เดี๋ยวกะทิจะแก้ไขให้ใหม่เดี๋ยวนี้” ก่อนที่กะทิจะรวบรวมเอาเอกสารกลับไปแก้ไขให้เจ้านายสาวที่อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว อดทนไว้กะทิทำผิดต้องแก้ไขแม้จะน้อยใจที่ต้องโดนเจ้านายดุก็เถอะ การเรียนกับการทำงานมันคนละอย่างกันเลยเธอจะรอดไหมเนี่ย งานเลขาต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมากมาย ซึ่งกะทิเองยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยขนาดในชีวิตประจำวันยังหลง ๆ ลืม ๆ เธอไม่ชอบงานแบบนี้เลย

“เดี๋ยว...คุณแก้วกะรัตอย่าพึ่งออกไป ตอนบ่ายฉันต้องเข้าประชุมผู้บริหาร คุณก็ต้องเข้าไปกับฉันด้วย”

“ค่ะคุณพร้อม”

“อ๋อ...เดี๋ยวมีเครื่องอัดเสียงก็เตรียมเอาไปด้วยเผื่อฟังอะไรไม่ทันจะได้เปิดฟังได้ตอนสรุปรายงาน ช่วยเตรียมให้พร้อมและเช็คดูพวกถ่านอะไรให้เรียบร้อย ”

“ค่ะคุณพร้อม มีอะไรอีกไหมคะ?? ถ้าไม่มีอะไรแล้วกะทิขอตัวออกไปทำงานก่อน”

“อืมไม่มี เชิญค่ะ” พันธ์ธีราเมื่อเห็นสีหน้าเหงาหง๋อยของเจ้าเด็กกะทิตัวแสบที่เธอเผลอใส่อารมณ์ไปก็รู้สึกผิดขึ้นมาแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เมื่อทำผิดก็ว่าไปตามผิดเธอจะไม่ใจอ่อนให้เด็ดขาดเดี๋ยวได้ใจทำผิดพลาดบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย


ณ โรงอาหาร

“เป็นไรไปนังทิ นั่งหมดอาลัยตายอยาก”

“กระป๋อง ฉันว่าฉันคงไม่เหมาะกับงานเลขานี้แล้วว่ะ”

“ดราม่าอะไรอีกละวันนี้”

“ก็ทำงานผิด โดนคุณพร้อมบ่นใหญ่เลย ฉันก็รู้นะเว้ยว่าทำผิดแต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ชอบงานเลขา มันต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ เก่ง และมีไหวพริบ แกดูฉันสิเด็กกะโหลกกะลาประสบการณ์อะไรก็ไม่มีสักอย่าง มาเริ่มต้นทำงานด้วยงานที่ต้องมีความสามารถขนาดนี้ ฉันคิดว่ามันเสียเวลาคุณพร้อมมากกว่าแทนที่จะมีเลขาที่ช่วยงานคุณเขาได้เต็มที่ จะต้องมาเสียเวลาสอนงานกับเด็กไม่เอาไหนแบบฉันอีก ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองยังไงก็ไม่รู้ว่ะกระป๋อง”

“เอาน่ากะทิ แกพึ่งทำงานได้สองวันเองอย่าพึ่งท้อสิ คนเรากว่าจะทำได้ถูกทุกอย่างมันก็ต้องทำผิดพลาดมาก่อนหมดนั่นแหละแค่ต่อไปก็จำไว้เป็นบทเรียนว่าอย่าผิดซ้ำอีกก็พอ สู้ ๆ น้า แกเก่งจะตายอย่ามาทำเป็นหมาหงอยแบบนี้มันไม่ใช่แกนะเว้ย คนอย่างแกต้องพุ่งชนปัญหาไม่ใช่หรอ ไม่ใช่ถอยหนีปัญหาแบบนี้ คนเรามันท้อได้แต่อย่าท้อนานลุกขึ้นสู้สิ”

“อืมจริงสิเนอะ ฉันเก่งฉันต้องสู้ คนอื่นทำได้ฉันก็ต้องทำได้จริงไหมเพื่อน”

“ใช่ถูกต้อง แกดูฉันสิคนโง่ ๆ อย่างฉันยังผ่านมาได้เลย แกก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกันสิแกเก่งจะตาย อย่าดูถูกตัวเองเข้าใจไหม”

“อืม...ขอบใจแกมากนะกระป๋องที่แกคอยให้กำลังใจฉันน่ะ”

“ก็แกเพื่อนฉันนี่นา ฉันเห็นแกหงอยเป็นหมาป่วยแบบนี้ไม่ได้มันไม่ชินตาเข้าใจไหมนังกะทิแตกมัน”

“อื้อ…. น่ะฉันโอเคแล้วน่า จะโดนด่าโดนว่าอีกกี่ครั้งฉันก็จะไม่นอยด์อีกแล้ว”

“ให้มันได้แบบนี้สิ ไปเตรียมตัวไปประชุมกับบอสใหญ่ได้แล้ว อ๊ะอย่าลืมน้ำมะพร้าวปั่นไปให้บอสแกด้วยจะได้เป็นเครื่องเซ่นไม่ด่าไม่ว่าแกอีก”

“เออนะ เอาไปให้คุณพร้อมเขาดื่มบ้างตอนเช้าบ่นฉันเยอะคงจะเจ็บคอน่าดู คิกๆๆๆๆ ”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ขออนุญาตเข้าไปนะคะ”

พันธ์ธีราที่ตอนนี้นั่งเล่นพักผ่อนที่โซพากลางห้อง เงยหน้าขึ้นมองเลขาสาวที่ถือแก้วน้ำอะไรสักอย่างเดินตรงมาที่เธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อย่างกับเป็นคนละคนกับตอนก่อนเที่ยงที่เดินคอตกออกจากห้องทำงานเธอไป

“กะทิเอาน้ำมะพร้าวปั่นที่คุณพร้อมชอบมาฝากค่ะ นี้เป็นน้ำมะพร้าวสด ๆ ไม่มีนมสดปนสักหยดเลยนะคะ”

“ฉันบอกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันชอบน้ำมะพร้าวปั่นนะ”

“อ้าว… ก็เมื่อวานคุณพร้อมบอกว่าชอบทานน้ำกะทิสด ๆ ไงละคะ กะทิเข้าใจว่าคุณพร้อมไปอยู่เมืองนอกมานานนมอาจจะเรียกน้ำมะพร้าวว่าเป็นกะทิยังไงละคะ แต่ยังไงก็ช่างเถอะคุณพร้อมทานมันสักนิดนะคะจะได้หายเจ็บคอลงบ้าง”

“ทำไมฉันต้องเจ็บคอ ฉันสบายดีไม่ได้เจ็บคอรึป่วยตรงไหน เธอเป็นอะไรมากไหมกะทิชักพูดจาแปลก ๆ”

“กะทิไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่กะทิรู้ว่าคุณพร้อมต้องเจ็บคอมาก ๆ เพราะตอนเช้าคุณพร้อมบ่นกะทิไปเยอะไงละคะ คิก ๆๆๆๆ”

“กะทิ …. ฉันไม่รู้จะหาคำไหนมาว่าเธอแล้วนะ ให้มันรู้สำนึกบ้างที่ฉันต้องเจ็บคอสอนเธอปาว ๆ อยู่เนี่ยมันซึมเข้าสมองของเธอบ้างรึเปล่าหรือว่าเข้าหูขวาทะลุหูซ้ายไปหมดแล้ว”

“นี่ไงคะ คุณพร้อมเจ็บคอมากไหมคะ เอาดื่มน้ำมะพร้าวสักหน่อยคอจะได้โล่ง ๆ ”

“กะทิ…. ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอรึไงห๊ะ”

“เปล่าคะ คุณพร้อมไม่ใช่เพื่อนเล่นของกะทิ คุณพร้อมเป็นเจ้านายของกะทิและกะทิก็เคารพคุณพร้อมอย่างกับแม่คนที่สองเลยนะคะ กะทิไม่กล้าคิดว่าคุณพร้อมเป็นเพื่อนเลยสักครั้งก็ไม่มี๊ไม่มี คุณพร้อมเชื่อกะทินะคะ” พลางทำหน้าตาใสซื่อใครเห็นก็รู้ว่ากวนโอ๊ย

“พอ ๆ ไปเตรียมตัวจัดของเข้าประชุมได้แล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

“ค่ะ… แต่คุณพร้อมยังไม่ได้ดื่มน้ำมะพร้าวปั่นเลยนะคะ ดื่มสิคะเดี๋ยวมันละลาย มาค่ะกะทิป้อน”

“กะทิ”

“โอ๊ะโอคุณพร้อมเสียงสองก็มาแล้ว เจ็บคอนะคะใช้เสียงต่ำมากเกินไปดื่มนะคะ กะทิเป็นห่วงจริง ๆ ”

กะทิที่ตอนนี้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นพรมพร้อมกับยื่นแก้วมะพร้าวปั่นไปชิดที่ริมฝีปากอวบอิ่มของพันธ์ธีราที่นั่งกอดอกอยู่บนโซพา ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

พันธ์ธีราสำรวจใบหน้าน่ารักที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเผลอไผลและมันเขี้ยวจึงโน้มตัวลงไปกัดเข้าที่ปลายจมูกโด่งรั้นของกะทิเบา ๆ ข้อหาทะเล้นมากเกินเหตุ

“------”

" เอ่อ.....กะทิไปเตรียมของเดี๋ยวนี้ละคะ " ก่อนที่ร่างเล็กของกะทิจะรีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องทำงานของคุณพร้อมด้วยความรวดเร็ว

เมื่อร่างเล็กของกะทิออกไปจากห้องแล้ว พันธ์ธีราถึงกับอมยิ้มกับความน่ารักของยัยเด็กตัวแสบ " ฉันว่าจะไม่แล้วนะกะทิ เธอทำให้ฉันอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ จะโทษก็โทษความน่ารักสดใสของเธอละกัน "

ฝากฝั่งกะทิที่หนีออกมาจากห้องทำงานของคุณพร้อมที่ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามจนเธอกลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาจากตัวเธออยู่แล้ว ก่อนจะใช้มือเล็กข้างหนึ่งจับไปที่หัวใจเพื่อกุมมันเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ไปจับที่ปลายจมูกโด่งของตัวเองเบา ๆ ไม่จริงเธอฝันไปแน่ ๆ คุณพร้อมจะมากัดจมูกเราทำไม ไม่ได้การล่ะ แสดงว่าคุณพร้อมต้องหิวข้าวมากแน่ๆ เพราะเธอไม่เห็นคุณพร้อมทานข้าวกลางวันเลย

" โถ่ๆๆ..คุณพร้อมคงหิวข้าวจนตาลายมองกะทิเป็นอาหารไปแล้ว น่าสงสารจังเลยทำงานจนไม่มีเวลาทานอาหารเหมือนคนอื่นเขา "

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว