เทพราชันมังกรหวนคืน-ตอนที่ 99 วันงานจัดอันดับ

โดย  Peerapong Wongamata

เทพราชันมังกรหวนคืน

ตอนที่ 99 วันงานจัดอันดับ

“ช่างเป็นการออกมาฝึกฝนที่คุ้มค่าเสียจริงๆ” หลินเฟิงพัมพำกับตนเองขณะมองไปยังไข่วิหกสุริยันที่อยู่ในมือด้วยสายตาวูบวาบเป็นประกาย


“เอาละ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับแล้ว” หลินเฟิงกล่าวพลางเร่งเคลื่อนร่างออกจากป่าผจญเพลิงอย่างรวดเร็ว


หลินเฟิงใช้เวลา 2 วันในการออกมาจากป่าผจญเพลิง เขายังใช้เวลาอีก 1 วันจนกลับมาถึงนิกายในที่สุดโชคดีที่งานจัดอันดับยังไม่เริ่ม มันจะเริ่มในอีก 2 วัน


“ยังมีเวลาสินะ” หลินเฟิงพึมพำ ก่อนจะออกจากห้องไป เมื่อเขาเก็บและจัดการของที่เขาได้รับมาจากป่าผจญเพลิงเรียบร้อยแล้ว


หลินเฟิงไปตึกหลอมโอสถ แต่นอกจากจะไปหาผู้อาวุโสหนิงแล้ว หลินเฟิงยังไปเพื่อหลอมโอสถอีกด้วย เพราะการที่เขาไปป่าผจญเพลิงครั้งนี้นอกจากล่าสัตว์อสูรและฝึกฝนแล้ว เขายังได้เก็บสมุนไพรที่พบเจอระหว่างทางด้วย


สมุนไพรที่อยู่ในป่าผจญเพลิงล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่มีพลังความร้อน ยิ่งเป็นสมุนไพรที่มีอายุเยอะ มันจะยิ่งมีพลังความร้อนสะสมมากขึ้นตามไปด้วย เขาจึงต้องการจะหลอมสมุนไพรเหล่านี้ในเพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลัง แม้ว่าสมุนไพรจะสู้หินปรารอสูรไม่ได้ แต่หากเอามันมาหลอมเป็นโอสถ ด้วยการมีสมุนไพรหลายชนิดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับมัน มันก็ย่อมดีกว่าหินปราณอสูรแน่นอน


เมื่อหลินเฟิงมาถึงห้องของผู้อาวุโสหนิง เขาก็พบสตรีที่เคยทำให้หลินเฟิงตกอยู่ในภวังค์ นางคือหนิงเสวี่ย นางอยู่กับผู้อาวุโสหนิงและเหมือนกำลังจะคุยอะไรกันบางอย่าง


‘ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ข้าก็ยังคงต้องตกตะลึงกับความงามของนางทุกครา ’ หลินเฟิงครุ่นคิดในใจ


“ผู้อาวุโส ศิษย์พี่หญิง ” หลินเฟิงทำความเคารพผู้อาวุโสหนิงก่อนจะทักทายหนิงเสวี่ย


หลินเฟิงมองหนิงเสวี่ยอย่างประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เขาสัมผัสและรู้สึกได้จากบรรยากาศรอบตัวนางนั้น มันบอกให้เขารู้ว่าหนิงเสวี่ยแข็งแกร่งขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจอกันมาก และนางในตอนนี้สมควรอยู่ระดับรวบรวมขั้น 3


“อ่า!! เจ้ากลับมาแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันงานจัดอันดับเสียอีก” ผู้อาวุโสหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมมองหลินเฟิง เขาสัมผัสหลินเฟิงได้อย่างชัดเจนว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งขึ้นมาก แข็งแกร่งมากกว่าหลานสาวของเขาเสียอีก


“หึ” หนิงเสวี่ยที่เห็นว่าหลินเฟิงมองนางอยู่นั้นก็เค้นเสียงเย็นและเบือนหน้าหนีหลินเฟิง ถึงนางจะทำเป็นเย็นชาใส่หลินเฟิงอย่างนั้น แต่ใบหน้าของนางในตอนนี้มันแดงราวกับลูกสตอเบอรี่แถมยังปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาด้วย


หลินเฟิงที่เห็นท่าทางเย็นชาของหนิงเสวี่ยก็ได้ยิ้มด้วยความขมขื่น เขาไม่รู้จริงๆว่าตนไปทำอันใดให้นางโกรธ นางถึงไม่อยากแม้แต่รับคำทักทายของเขา แต่หากหลินเฟิงรู้ว่าหนิงเสวี่ยใบหน้าแดงด้วยความเขินอายที่หลินเฟิงพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขาคงไม่คิดเช่นนี้และคงจะรุกให้หนักขึ้นกว่านี้แน่นอน


“มาๆ ข้ากำลังคุยกับเสวี่ยเอ๋อเรื่องงานจัดอันดับ เจ้าก็มาฟังด้วยสิ”ผู้อาวุโสหนิงเห็นท่าทางของหลานสาวตนก็อดที่จะอมยิ้มเสียไม่ได้ ก่อนจะกล่าวเรียกหลินเฟิง


แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่เห็นสีหน้าแต่เขาเห็นท่าทางของหลานสาวพร้อมกับรู้ด้วยว่าหลานสาวตนรู้สึกอย่างไร ต้องรู้ก่อนว่าช่วงนี้หลานสาวมักมาหาเขาบ่อยขึ้น แม้จะไม่มีเรื่องอะไรก็ยังมาหาเขา ทั้งที่แต่ก่อนนางแทบจะไม่มาหาเขาเลยหากไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือมีปัญหาอันใด และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็เกิดขึ้นตั้งแต่ที่หลินเฟิงเริ่มมาเป็นผู้ช่วยเขา


ถึงหนิงเสวี่ยจะไม่กล่าวหรือบอกเล่าใดๆ และตัวผู้อาวุโสหนิงที่มีอายุมานานขนาดนี้ย่อมเข้าใจและรู้ความคิดของหลานสาวของตนแน่นอน แต่ถึงจะรู้เขาก็ไม่คิดห้ามปราม เพราะหลินเฟิงเหมาะสมกับหลานสาวของเขาจริงๆ อัจฉริยะที่หาได้ยากเช่นนี้ หากได้มาเป็นหลายเขยย่อมประเสริฐกว่าเป็นไหนๆ และอีกอย่างเขาเองก็พึงพอใจในตัวหลินเฟิงที่มีความสามารถมากขนาดนี้ด้วย


“งานจัดอันดับคราวนี้มีความสำคัญกับนิกายของเรามาก รางวัลก็มีมากมายทำให้การแข่งขันดุเดือนและรุนแรง ดังนั้นมันจะอันตรายมาก หากพวกเจ้าคิดว่าไม่ไหว ก็สมควรหยุดเสีย อย่าได้ดื้อดึงเพราะงานจัดอันดับ มันย่อมมีอุบัติเหตุที่ทำให้ศิษย์บางคนถึงกับพิการหรือแม่แต่ตกตายก็เป็นได้แม้นิกายจะลงโทษกับผู้กระทำการรุนแรงในปีก่อนๆ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม เหล่าศิษย์สามารถสังหารกันได้โดยไม่มีความผิดใดๆ แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดงานจัดอันดับในปีนี้ถึงอนุญาตเช่นนี้จริงๆ และนี้เป็นคำสั่งโดยตรงของประมุขอีกต่างหาก” ผู้อาวุโสหนิงกล่าวอธิบายด้วยใบหน้าจริงจัง


“แม้งานจัดอันดับจะสำคัญ แต่พวกเจ้าต้องให้ความสำคัญกับตนเองก่อน เข้าใจหรือไม่” ผู้อาวุโสหนิงกล่าวย้ำหลังจากเงียบไปสักพัก


‘ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับ เสี่ยวเจี้ยงกัน ’ หลินเฟิงหน้ามืดลงพร้อมกับขมวดคิ้ว ไม่ว่าเหตุผลที่จัดงานจัดอนดับให้เร็วขึ้นจะสำคัยหรือต้องการศิษย์ที่แข่งแกร่งมากเพียงใด แต่ให้ศิษย์ในนิกายสามารถสังหารกันได้เช่นนี้ มันออกจะไร้สาระเกินไปสำหรับเขาจริงๆ


หลังจากคุยกับผู้อาวุโสหนิงเสร็จแล้วหลินเฟิงก็ได้เข้าไปในห้องหลอมโอสถพร้อมกับเริ่มหลอมโอสถทันที แน่นอนว่าก่อนเขาจะออกไปเขาก็ไม่ลืมร่ำลาหนิงเสวี่ยพร้อมกับกล่าวหยอกนางเล็กน้อย แม้ว่านางจะถลึงตาใส่เขาและทำเค้นเสียงเย็นชาเหมือนเดิมก็ตาม


ณ บ้านพักศิษย์หลักหมายเลข 1


“ในที่สุดข้าก็บรรลุเสียที หลินเฟิงเจ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าเช่นนั้น ” เสี่ยวเจี้ยงพึมพำออกมาขณะลืมตาและลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวด้วยจิตสังหาร


ตอนนี้เสี่ยวเจี้ยงบรรลุระดับรวบรวมขั้น 7 ตั้งแต่เกิดเหตุที่ลานกว้างตอนนั้น เขาก็เอาแต่บ่มเพาะพลังโดยไม่หยุดพักเลย ทั้งนี้ก็เพราะเขาอยากแสดงความแตกต่างระหว่างตัวเขากับหลินเฟิง ว่าอย่างไรหลินเฟิงก็ไม่สามารถเทียบตัวเขาได้


“จริงสิ ข้าต้องไปหาท่านอาจารย์ ไม่รู้ว่าท่านทำเรื่องที่ข้าขอให้หรือยัง” เสี่ยวเจี้ยงพึมพำพร้อมกับออกไปจากบ้านพักของตนเอง

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว