“หึ อย่าได้มาเสียใจที่หลังแล้วกัน” หลินเฉา พูดอย่างไม่สบอารมณ์
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เก่งกาจเท่า หลินฮุย หรือหลินหลาน แต่เขาก็อยู่ระดับพลังพื้นฐานขั้น 6 แล้วการที่หลินเฟิงที่อยู่ระดับพื้นฐานขั้น 4 มาทำเหมือนเขาไม่ได้อยู่ในสายตา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
[ พริ้วไหว ]
พึบ!!
หลินเฉาไม่พร่ำทำเพลงต่อ เขาหยิบค้อนยักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขาออกมา จากนั้นพุ่งเข้าหาหลินเฟิงด้วยวรยุทธ์ท่าร่างทันที ถึงแม้ว่า [ พริ้วไหว ] นั้นจะเป็นเพียงวรยุทธ์ระดับกลาง แต่กระนั้นมันก็มีความไหวเป็นอันดับต้นๆของวรยุทธ์ระดับกลางที่ตระกูลหลินมี และก็มีคนไม่มากนักที่จะฝึกฝนสำเร็จ
“หลินเฉาดูท่าจะโมโหน่าดู ถึงได้ใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งเข้าหาตั้งแต่ต้นเช่นนี้”
“ถึงหลินเฟิงจะอัจฉริยะเพียงใด แต่ก็อยู่เพียงระดับพลังพื้นฐานขั้น 4 เท่านั้น จะไปสู้กับระดับพลังพื้นฐานขั้น 6 ได้อย่างไร”
“ถ้าหากเป็นปีหน้า บางทีหลินเฟิงอาจจะได้เป็นที่ 1 แน่นอน แต่ตอนนี้เวลาของเขามีน้อยเกินไป เฮ้อ!!”
ผู้คนที่ชมการประลองอยู่นั้น ต่างก็พูดคุยกัน พวกเขานั้นคิดว่ายังไงหลินเฟิงก็แพ้อยู่แล้ว และหลังจากที่หลินเฟิงไปยั่วโมโหหลินเฉาแบบนี้มันจะยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นไม่ใช่หรือ
ระหว่างที่ผู้คนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หลินเฉาก็ไปถึงด้านหน้าหลินเฟิงเรียบร้อยแล้ว และหลินเฉาก็ฟาดค้านใส่หลินเฟิงอย่งดุดัน และรวดเร็วที่สุด เขาต้องการจะจบการประลองนี้ด้วยกระบวนท่าเดียว และทำให้หลินเฟิงบาดเจ็บสาหัสมากที่สุด
ตูมมม!!
แต่ทว่าเขาก็ต้องตกตะลึง เพราะหลินเฟิงนั้นหลบการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย
‘หลบได้อย่างไรกัน’ หลินเฉาคิดในใจด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“หลินเฟิงหลบได้อย่างไร ถึงแม้ว่าหลินเฉาจะไม่เร็วมากก็ตาม แต่ความเร็วของระดับพื้นฐานขั้น 4 ไม่ควรจะตามความเร็วของระดับพื้นฐานขั้น 6 ได้ทันนี้”
“ต้องบังเอิญแน่นอน ไม่มีทางที่หลินเฟิงจะหลบได้แน่”
ผู้คนที่ชมการประลองต่างซุบซิบกันถึงการประลองของหลินเฟิง ไม่มีใครเชื่อในฝีมือของหลินเฟิงเลย จะมีก็เพียงแต่หลินเทียน และดูเหมือนจะมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่ประหลาดใจ เพราะขนาดหลินหยางและเซี่ยคงยังสามารถบอกได้ทันทีว่าหลินเฟิงหลบได้โดยไม่ลำบาก และไม่ใช่เรื่อวบังเอิญแน่นอน นี้หมายความว่าอะไร พวกมันย่อมรู้ดี
“เจ้าจะบังเอิญหลบได้ก็ครั้งนี้เท่านั้นแหละ เตรียมตัวได้” หลินเฟิงพูดจบก็พุ่งเข้าใส่หลินเฟิงด้วย วรยุทธ์ท่าร่างเช่นเดิม
หลินเฉานั้นคิดว่ามันเป็นเพียงการอังเอิญของหลินเฟิงเท่านั้น เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าหลินเฟิงมีความสามารถมากพอที่จะหลบการโจมตีและคสวามเร็วของเขาได้ ทั้งๆที่ห่างกันถึง 2 ขั้นเช่นนี้
“หึ”หลินเฟิงเค้นเสียงเย็นและหลบการโจมตีของหลินเฉาได้อีกทั้ง
ครั้งนี้ทำให้ผู้คนรอบสนามประลองต้องตกตะลึงกันอย่างมาก เพราะครั้งแรกนั้นอาจเรียกได้ว่าบังเอิญ แต่ถ้ามีครั้งที่สองนั้นหมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
“เจ้าหลบได้อย่างไรกัน”หลินเฉานั้นตกตะลึงอย่างมากเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินเฟิงจะสามารถหลบการโจมตีของเขาได้และยังตามความเร็วของเขาทันอีก
“ก็เจ้าไม่ได้รวดเร็วอะไรเลยไง”หลินเฟิงตอบอย่างเฉยเมย
“เจ้า!!” หลินเฉาที่ได้ยินเช่นนั้นก็โมโหมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ถึงเจ้าจะหลบได้แต่เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้ และแรงของเจ้าก็สามารถสู้แรงของข้าได้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหลบได้อีกนานแค่ไหนกัน”หลินเฉาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ายังไงแรงหลินเฟิงก็ต้องน้อยกว่าหลินเฉา ดั้งนั้นเขาจะโจมตีจนกว่าหลินเฟิงจะหมดแรง
“จริงด้วยสิ ถึงจะหลบได้แต่ก็ไม่สามารถโจมตีกลับได้ ยังไงก็ไม่ชนะ และหลินเฉาก็มีแรงมากกว่าเนื่องจากระดับขั้นสูงกว่าถึง 2 ขั้น ยังไงหลินเฟิงก็แพ้ ถึงแม้จะทำได้ดีก็ตาม”
ผู้คนที่มาชมการประลองก็ต่างพูดคุยกัน และคิดไปแนวทางเดียวกับหลินเฉา
“งั้นรึ? ข้าว่าเรามาจบการประลองนี้ดีกว่า ตอนนี้ข้าพอรู้แล้วว่าเป็นเช่นไร” แต่หลินเฟิงนั้นหาได้สนใจเรื่องที่คนอื่นคิดไม่
“อะไร จะจบการประลอง นี้หลินเฟิงจะยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ”
“ข้าว่าเช่นนั้น ยังไงหลินเฟิงก็พิสูจน์ตัวเองแล้วด้วย ไม่มีอะไรที่ต้องเสียและไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเสียแรงไปอย่างเปล่าประโยชน์”
“อะไร เจ้าจะยอมแพ้แล้ว ไม่เร็วไปหน่อยหรือ” ระหว่างที่ผู้คนคุกันนั้น หลินเฉาที่ได้ยินหลินเฟิงก็พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยยัน แน่นอนว่าในใจลึกๆของเขานั้นไม่ต้องการให้หลินเฟิงยอมแพ้ เขาต้องการทำให้หลินเฟิงบาดเจ็บก่อน ไม่งั้นเขาจะไม่ต่างอะไรกับตัวตลกที่ให้หลินเฟิงมาแสดงความสามารถเสร็จแล้วก็จากไปดังนั้นเขาเลยพูดยั่วยุหลินเฟิง
“เจ้าเนี่ยนะที่จะทำให้ข้ายอมแพ้ ไม่หลงตัวเองไปหน่อยรึ” หลินเฟิงพูดอย่างไม่แยแส
“เจ้า!!! ดีงั้นข้าจะคอยดู” หลินเฉานั้นยิ่งโกรธเพิ่งเข้าไปอีก ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากอัดหลินเฟิงให้นอนพักสัก เดือนสองเดือน
เมื่อหลินเฉาพูดจบเขาก็พุ่งเข้าหาหลินเฟิงอบย่างรวดเร็วด้วยวรยุทธ์ท่าร่างของเขาเช่นเดิม และเมื่อเขามาอยู่ตรงหน้าหลินเฟิงเขาก็โจมตีด้วยการทุบใส่ข้างลำตัวของหลินเฟิงอย่างแรง
หลินเฟิงที่เห็นเช่นนั้นเขาตัดสินใจกระโดนหลบไปข้างหลังและจากนั้นเขาก็พุ้งเข้าใส่หลินเฉาที่เพิ่งจะโจมตีพลาดไปอย่างรวดเร็วด้วย [ ย่างก้าวไร้เงา ] ซึ่งเป็นความเร็วที่หลินเฉาตามไม่ทัน จากนั้นหลินเฟิงก็ใช้ [ ทลายภูผา ] ขั้น 3 ที่เขาฝึกฝนมาตลอด 6 เดือนอย่างเต็มแรง
ด้วยความเร็วของหลินเฟิงทำให้หลินเฉาตอบสนองไม่ทัน เขารู้ตัวอีกทีก็โดนหลินเฟิงโจมตีแล้ว เขารู้สึกราวกับว่ามีหินก้อนยักา์พุ้งเข้าชนเขาด้วยแรงมหาศาลทำให้ตัวเขานั้นกระเด็นออกนอกสนามประลองทันที และนอนหมดสติอยู่กับพื้น
ส่วนผู้คนรอบๆสนามประลองทำเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคนเดียว เพราะไม่มีใครอยากเชื่อว่าหลินเฉาจะแพ้ และยังแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียวอีก อน่างนี้หลินเฟิงไม่อัจฉริยะเกินไปหน่อยหรือ
แต่มีคนเดียวที่ไม่เห็นว่ามันคือเรื่องแปลง นั่นคือหลินเทียน ผู้ที่เฝ้าดูการฝึกฝนของหลินเฟิงมาตลอดเวลานั่นเอง
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว