เหอซือเมี่ยว-ความสุขแสนประเสริฐ ๑๘ : รอยคิสมาร์คนั่นจะทำให้ท่านคิดถึงแต่ข้า

โดย  fews

เหอซือเมี่ยว

ความสุขแสนประเสริฐ ๑๘ : รอยคิสมาร์คนั่นจะทำให้ท่านคิดถึงแต่ข้า



“พี่หญิงระวัง!”

“เอ๊ะ?”เสียงร้องเตือนของน้องสาวร่วมสาบานทำให้หลี่ซูมี่ที่ก้มหน้าก้มตาเดินด้วยประหม่าเขินอายชะงัก เงยหน้าขึ้นด้วยความงงงวย เป็นจังหวะเดียวกับที่เท้าข้างหนึ่งเหยียบบางสิ่งเข้าพอดี จนเท้าลื่นไถลไปข้างหน้าจะหงายหลังศีรษะฟาดพื้น หญิงสาวตระหนกจนหวีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว

อู๋ห้าวซวนหันขวับมามอง ก่อนจะยื่นออกไปจับข้อมือเล็กออกแรงกระชากเบาๆ ร่างบอบบางก็ถลาเข้าปะทะอกกว้างราวกับร่างที่ไร้น้ำหนัก นั่นทำให้แม่ทัพหนุ่มไม่ชอบใจเท่าใดนัก มาดว่านับจากนี้จะขุนนางให้อวบอิ่มเช่นอดีตให้ได้โดยไว ก่อนเข้าหอก็ยิ่งดี!“เป็นอันใดรึไม่?”เอ่ยถามเมื่อนางยืนได้มั่นคงแล้วโดยที่มือหนึ่งยังโอบเอวเล็กไม่ยอมปล่อย

“ขะข้าไม่เป็นไร..ขอบคุณท่าน..เอ่อ..พี่ห้าวซวนมากเจ้าค่ะ”หลี่ซูมี่ผู้ได้รับความตระหนกได้ยินเสียงที่ดังอยู่เหนือศีรษะพลันได้สติ รีบผละออกมาสองก้าวยอบกายเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงประหม่า

เหตุการณ์เมื่อครู่ช่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก หากมิได้ท่านแม่ทัพช่วยฉุดดึงไว้ นางคงล้มหงายหลังศีรษะฟาดพื้นไปแล้ว เพียงแค่คิดหญิงสาวก็หน้าซีดตัวสั่นสองมือเย็นเฉียบอย่างมิอาจควบคุม

“..แน่ใจหรือว่าไม่เป็นอันใดจริงๆ”แม่ทัพหนุ่มย้ำถามเสียงเครียด แม้นนางมิได้เป็นอันใดเหตุที่ยืนหน้าซีดปากสั่นพูดผิดพูดถูกอยู่นี่จะให้เข้าใจว่าอย่างไร?

“นั่นสิมี่เอ๋อร์ หน้าเจ้าซีดเหลือเกิน ..เจ้าสองคน..รีบมาพาท่านหญิงไปนั่งพักก่อนเร็วเข้า”หลี่ฮุ่ยกล่าวกับบุตรีแล้วหันไปออกคำสั่งนางกำนัลรับใช้ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ยามได้ยินเสียงเตือนแล้วหันมาเห็นร่างบอบบางโงนเงนจะล้ม หัวใจเขาพลันหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม อยากพุ่งเข้าไปช่วยแต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่ยอมขยับกว่าจะได้สตินางก็ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ต้องขอบคุณบุตรเขยในอนาคตที่ว่องไวช่วยนางไว้ทันเวลา‘ว่าแต่นางสะดุดสิ่งใดกัน?’ ราชครูเฒ่าคิดพลางกวาดสายตาไปบนพื้น

“มันก็คือสิ่งนี้ขอรับ”อู๋ห้าวซวนคาดเดาว่าอีกฝ่ายมองหาเจ้าสิง่ที่เกือบทำให้นางเป็นอันตรายจึงแบมือออก กระซิบบอกพร้อมกับใช้ตัวบังสายตาผู้คน ด้วยไม่มั่นใจว่าเป็นเพียงเหตุบังเอิญหรือเกิดจากความจงใจกันแน่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังละก็..อู๋ห้าวซวนผู้นี้จะตัดมือตัดเท้ามันทิ้งเสียโทษฐานทำว่าที่ฮูหยินเขาได้รับความตื่นตระหนก!

“หือ? โอ้..นี่มัน..หยกขาว? มิน่า..มี่เอ๋อร์ถึงได้ทรงตัวไม่อยู่”หลี่ฮุ่ยหยิบของทรงกลมขนาดนิ้วหัวแม่มือสตรีบนฝ่ามือของชายหนุ่มมาถือไว้ ก่อนจะกำมันไว้แน่น“ยังมิมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือจงใจกลั่นแกล้งของใครบางคน เพราะฉะนั้นเจ้าก็อย่าวู่วามไปก่อนเล่า”เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีเมื่อเห็นใบหน้าขมึงทึงของแม่ทัพหนุ่ม

“ขอรับ”อู๋ห้าวซวนรับปากว่าเข้าใจพร้อมกวาดสายตามองโดยรอบไม่เห็นพิรุธอะไรจึงก้าวตามผู้อาวุโสไป ครั้นเดินมาถึงพบมี่เอ๋อร์ของเขากำลังพูดคุยอยู่กับโฉมสะคราญอย่างออกรสเลยเข้าไปสมทบและพูดคุยด้วยสองสามประโยค ก่อนโฉมสะคราญจะขอตัวกลับไปนั่งประจำที่ และเป็นตัวเขาที่นั่งแทน

แผนผังที่นั่งในวันนี้เป็นรูปครึ่งวงกลมซ้อนกันหลายชั้น มีเวทีอยู่ตรงกลาง เหนือขึ้นไปคือที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา ไทเฮา เฟยทั้งสี่และเชื้อพระวงศ์ชายหญิงสำคัญๆเท่านั้น ส่วนสนมนางในยศต่ำกว่าเฟยลงไปสามารถร่วมงานเฉลิงฉลองนี้ได้ที่อุทยานภายในวังหลังซึ่งจัดไว้ให้อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน

ลู่จิวเมี่ยวเพิ่งสังเกตว่า แถวที่นั่งของตนอยู่หน้าสุดและใกล้เชื้อพระวงศ์ที่สุด สามีนางไป๋เสวี่ยหลงนั่งอยู่หัวแถว ถัดมาคือนาง ไป๋ชิงหลงน้อย หลี่ฮุ่ย อู๋ห้าวซวน หลี่ซูมี่ และขุนนางคนยศสูงพร้อมครอบครัวอีกหลายชีวิต ซึ่งนางคร้านจะใส่ใจว่าผู้ใดเป็นผู้ใด

ในระหว่างที่รอการเสด็จมาของฝ่าบาท ฮองเฮา และเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย เหล่าขุนนางและครอบครัวก็ถือโอกาสจับกลุ่มซุบซิบนินทาบ้างสนทนาข้อราชการพลางจิบชาไปด้วย หัวข้อที่ถูกกล่าวถึงเป็นอันดับหนึ่งคือ ตัวตนของโฉมสะคราญผู้มาพร้อมประมุขไป๋และบุตร กับอีกหนึ่งหัวข้อที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน คือการเปิดตัวคู่หมั้นของแม่ทัพบูรพาอู๋ห้าวซวน

โดยส่วนตัวแล้วแม้ลู่จิวเมี่ยวไม่ทราบว่าพวกนางคุยเรื่องอะไรกัน แต่จากท่าทางลับๆล่อๆและสายตาที่ชำลืองมองมาทางนางบ่อยครั้งก็พอคาดเดาได้ว่าต้องเกี่ยวนางไม่มากก็น้อย ซึ่งนางก็ไม่ได้ใส่ใจหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด ด้วยมีคติประจำใจว่า

อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน เทียบกับภพเดิมที่นางโดนกระหน่ำด้วยถ้อยคำหยาบคายและรุนแรงมากกว่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่าแล้วนี่นับเป็นอะไรได้ แต่คนที่น่าเป็นห่วงเห็นจะเป็นท่านหญิงไก่คนงามของนาง ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อครู่หลังไถ่ถามอาการถ้าไม่ติดว่าผังที่นั่งถูกกำหนดไว้ชัดเจนจะเปลี่ยนตามอำเภอใจมิได้ นางเป็นได้เอ่ยปากขอสับเปลี่ยนที่นั่งกับแม่ทัพอู๋ตามคำร้องขอของท่านหญิงไปแล้ว ลู่จิวเมี่ยวคิดพลางโน้มตัวไปข้างหน้าเอียงใบหน้ามองเป้าหมาย คิ้วเรียวมุ่นเข้ากับกริยาท่าทางที่แปลกไปของท่านหญิงไก่คนงาม จากสตรีมั่นใจสูงและทระนงตน วันนี้กลับดูสงบเสงี่ยม เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เก่าๆเลย แต่พอเห็นการกระทำของบุรุษข้างกายท่านหญิง หญิงสาวพลันกระจ่างใจ

“ที่แท้ก็เป็นเพราะแม่ทัพอู๋นี่เอง”ภาพที่สะท้อนเข้ามาในดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคือบุรุษรูปงามในชุดสีน้ำเงินเข้มบรรจงใช้ตะเกียบไม้คีบต้านหวงฉิวใส่จานท่านหญิงคนงาม สลับกับรินชา พอจานว่างก็คีบของหวานชนิดอื่นลงไปแทน คนถูกเอาใจก็ก้มหน้าก้มตาคีบกินโดยดีไม่อิดออดสักนิด ครั้นลองเพ่งมองจึงเห็นพวงแก้มเนียนแดงแปร๊ดไม่ต่างจากผลอิงเถาสุก ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากความประหม่าขัดเขินหรือกำลังฉุนเฉียวกันแน่ แต่ที่นางแน่ใจคือ หลังงานเลี้ยงแม่ทัพอู๋จะต้องรีบจัดหาผู้ใหญ่มาเจรจาสู่ขอแลกเปลี่ยนของหมั้นโดยเร็วอย่างแน่นอน!

“ฮ่องเต้เสด็จแล้วววว”

“ฮองเฮาเสด็จแล้วววว”

“ไทเฮาเสด็จแล้วววว”

เสียงที่ค่อนข้างทำเอาลู่จิวเมี่ยวชะงักรีบจัดอาภรณ์ของตนและเจ้าตัวกลม เสร็จแล้วยืนขึ้นเคียงข้างสามี เฉกเช่นกับทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างลุกขึ้นรับเสด็จอย่างพร้อมเพียง บรรยากาศครึกครื้นเปลี่ยนไปเคร่งขรึมจริงจังทันที

รอเพียงอึดใจฉีเฉินหลงฮ่องเต้พร้อมหลี่ฮองเฮา และมู่ไทเฮาเสด็จนำขบวนเข้ามา ตามด้วยสี่พระชายา หลิงกุ้ยเฟย หม่าซูแฟย หยางเต๋อเฟยและจูเสียนเฟย ตามหลังมาติดๆคือรัชทายาทฉีเฉินหยางหลงพร้อมพระชายาหลิวเยว่ซิน องค์ชายห้าฉีเฉินหลวนหลงและองค์หญิงอีกสามพระองค์ องค์หญิงหกฉีเฉินซีผิงวัยสิบสามหนาว องค์หญิงเจ็ดฉีเฉินเยี่ยนหรงวัยสิบเอ็ดหนาวพระขนิษฐาขององค์ชายห้าและองค์หญิงแปดฉีเฉินซีเย่วัยเก้าหนาว ส่วนองค์หญิงหกและองค์หญิงแปดมีพระมารดาเดียวกันคือหยางเต๋อเฟย ซึ่งราวห้าถึงหกปีที่แล้วหญิงสาวในร่างเหอซือเมี่ยวเคยมีโอกาสเข้าไปวังหลังสอนภาษาอิงเหวินครั้งหนึ่งแล้วยกเลิกไป เพราะนางถูกวางยาพิษที่เรียกว่าหนอนกระเรียนแดงเข้าเสียก่อน หากเป็นไปได้นางก็อยากสอนเหล่าสนมและองค์หญิงต่อเพื่อที่ภายภาคหน้าจะทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองได้บ้าง

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี”

“ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพรไทเฮา ขอทรงพระเจริญพันปี พันๆปี”

เมื่อโอรสสวรรค์ประทับบนบัลลังก์เรียบร้อย เสียงถวายพระพรพลันดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ มันช่างยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งจนลู่จิวเมี่ยวยังอดขนลุกขนชันมิได้ ถึงจะเป็นหนที่สองที่นางได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงแล้วก็ตาม

“เชิญทุกท่านตามสบาย”

“ขอบพระทัย!”

เมื่อถวายความเคารพและกลับมานั่งประจำที่เรียบร้อย ลู่จิวเมี่ยวเหลือบตาขึ้นมองยังที่ประทับจึงเห็นว่า โอรสสวรรค์ประทับเด่นอยู่ตรงกลาง หลี่ฮองเฮาผู้เป็นเจ้าของวันเกิดประทับอยู่ขวามือ ส่วนซ้ายมือคือมู่ไทเฮา

ถัดลงมาฝั่งหลี่ฮองเฮาคือสนมของฝ่าบาทและองค์หญิงทั้งสาม ฝั่งมู่ไทเฮามีรัชทายาท องค์ชาย อ๋องและเชื้อพระวงศ์ชายรวมทั้งสิ้นยี่สิบพระองค์ ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากรัชทายาทและองค์ชายทั้งสี่ลู่จิวเมี่ยวจำพระนามไม่ได้เพราะมิได้เข้าเรียนภาษาอิงเหวินกับนางในร่างเหอซือเมี่ยว

“ฮองเฮา ในเมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้า เจ้าก็กล่าวเปิดงานเถิด”ฉีเฉินเทียนหลงฮ่องเต้ตรัสกับสตรีข้างกาย แม้จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเช่นทุกปีก็ตาม แต่หลี่ซูเจียวก็ยังคงปลาบปลื้มใจไม่เปลี่ยน พระนางเอียงกายไปทางพระสวามีก้มศีรษะขอบพระทัยและหันกลับมาตรัสด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเกินไปแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจของผู้สูงศักดิ์

“เปิ่นกงขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติและสละเวลาอันมีค่า เดินทางไกลมาร่วมอวยพรในวันครบรอบสี่สิบปีของเปิ่นกง เปิ่งกงรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก และในโอกาสนี้ขอเชิญทุกท่านดื่มและรับประทานกันอย่างสำราญใจเถิด”

สิ้นรับสั่งหลี่ฮองเฮา เสียงดนตรีก็ดังขึ้น เหล่านางรำทั้งหลายต่างออกมาร่ายรำ อาหารคาวหวานถูกลำเลียงขึ้นโต๊ะอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศกลับไปครึกครื้นอีกครั้ง

“หลงเอ๋อร์กินมากไประวังจะเสียดท้อง นอนไม่หลับนะ”ลู่จิวเมี่ยวเตือนเจ้าตัวกลมที่คีบอาหารเข้าปากไม่หยุด จนสองแก้มพองป่อง บางส่วนติดตามมุมปากและแก้มเนียน จนนางต้องคอยเช็ดออกให้

“ก็ต้านหวงฉิว(ทองหยอด)ของมางดาอร่อยยิ่ง หลงเอ๋อร์เลยหยุกกิงไม่ได้..”เด็กชายกลืนของหวานลงคอแล้วยิ้มแฉ่งประจบมารดา

ถูกแล้วและภายในจานเดียวกันยังมี ต้านหวงฮวา(ทองหยิบ)และเถียนต้านซือ(ฝอยทอง)รวมอยู่ด้วย มองขนมมงคลทั้งสามชนิดที่ถูกจัดเรียงไว้ประณีตสวยงามแล้ว ลู่จิวเมี่ยวพลันนึกขอบคุณท่านท้าวทองกีบม้าที่ประดิษฐ์คิดค้นขนมไทยเหล่านี้ขึ้นมา และเพราะขนมมงคลทั้งสามชนิดทำให้โรงเตี๊ยมหมื่นลี้ของนางเป็นที่รู้จัก ชื่อเสียงโด่งดังข้ามเมืองข้ามแคว้น ถึงขนาดมีคนกล่าวว่า หากมาเมืองหลวงแล้วมิได้ลิ้มลองของหวานทั้งสามชนิดนี้ของโรงเตี๊ยมหมื่นลี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองหลวง!

เหตุนั้น ข้าขอกราบงามๆเลยเจ้าค่ะท่านมารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา ราชินีแห่งขนมไทย! หญิงสาวนั่งพับเพียบกราบอยู่ในใจ

“..เจ้ามันตัวตะกละน้อย เห็นแก่กิน”

เสียงตำหนิและแขนที่อ้อมหลังนางไปจับศีรษะทุยโยกเบาๆดึงสตินางกลับมาให้ผินหน้าไปมอง

“งือ..หลงเอ๋อร์มิใช่ตัวตะกละเห็งแก่กิงนะ แต่เพราะต้านหวงฉิวของมางดาอร่อยเกิงห้ามใจต่างหากขอรัก”เด็กชายยู่ปากแย้งพลางเบี่ยงกายหลบมือใหญ่ของบิดาเหตุมิอยากให้ทรงผมยุ่งเหยิง ซึ่งความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อยวัยใกล้สี่ขวบช่างรุนแรงเสียจนลู่จิวเมี่ยวอดใจไม่ไหวยื่นมือออกไปหยิกแก้มซาลาเปานุ่มนิ่มขาวอมชมพูนั้นเล่นอย่างมันเขี้ยว

และภาพการหยอกเย้าของทั้งสามเป็นที่สนใจของใครหลายคน มิเว้นโอรสสวรรค์และฮองเฮาคู่บัลลังก์ ทั้งสองทอดพระเนตรหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีและหนึ่งเด็กน้อยอยู่บ่อยครั้ง จนหลิงลี่เซียนกุ้ยเฟยอดมองตามไม่ได้ และพอเพ่งมองอย่างตั้งใจ เนตรงามเป็นประกายวูบหนึ่งก่อนจะหายไป





<<<<<<<<<<<ต่อตรงนี้จ้า>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>





“พี่หญิงสตรีที่นั่งข้างประมุขไป๋ใช่หมอหญิงลู่ ลู่จิวเมี่ยวรึไม่?”หม่าลี่อินซูเฟยเอียงกายป้องปากกระซิบ

หลิงลี่เซียนอมยิ้มมุมปาก“ถูกต้องแล้ว และนางก็คือหมอหญิงที่รักษาฮองเฮาจนหายดี”

นางเองหายเป็นปกติได้ก็เพราะโอสถสวรรค์ของนาง หาไม่มิรู้จะต้องทุกข์ทรมานไปอีกนานเท่าใด พอหวนคิดถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญนานนับสิบปี หลิงลี่เซียนก็อดที่จะลูบทรวงอกข้างที่เคยมีก้อนเนื้อส่วนเกินมิได้ เนตรงามที่มองโฉมสะคราญยิ่งมายิ่งอ่อนโยนขึ้นและพระนางยังตั้งมั่นว่า ไม่ว่าเรื่องใด หากเป็นเรื่องที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามเพียงนางเอ่ยปากพระนางยินดีออกหน้าให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเต็มที่

“ก่อนหน้านางก็รักษาบุตรีท่านราชครูหลี่ที่ป่วยมานานหลายปีจนหาย และไม่เพียงหายเป็นปกติเท่านั้นนางยังทำให้ท่านหญิงกลับมางดงามอีกครั้งได้ราวกับปาฏิหาริย์”เสียงหวานกล่าวชื่นชมต่อ “เพียงสองเรื่องนี้ใครก็สู้นางมิได้แล้ว แม้แต่หมอหลวงก็ชื่นชมนับถือนาง ถึงกับมอบป้ายผ่านทางเข้าออกสำนักหมอหลวงได้ตลอดเวลา เสมือนนางเป็นคนของสำนักหมอหลวงผู้หนึ่ง”

“เรื่องนี้น้องเองพอทราบมาบ้าง และนึกชื่นชมนางอยู่ไม่น้อย..”หม่าซูเฟยยิ้มกล่าว เนตรหวานเยิ้มมองเลยเหล่านางรำไปยังโฉมสะคราญอย่างพิจารณา“น้องยังได้ยินมาอีกว่าไทเฮาทรงหายปวดพระชานุได้ก็เพราะนาง”

หลิงลี่เซียนพยักหน้า“มิผิด รายการของว่างชนิดใหม่ของวังหลวงก็เป็นนางที่คิดค้นขึ้น”

“ของว่างชนิดใหม่? พี่หญิงหมายถึงเป้ามี่ฮวาที่กำลังเป็นที่นิยมในวังหลวงช่วงนี้ใช่รึไม่เพคะ?”หม่าซูเฟยเอ่ยถาม เห็นอีกฝ่ายยิ้ม เนตรหวานพลันเบิกโตหันไปจับจ้องหญิงสาวคราวลูกอย่างตื่นตะลึง นางเคยลิ้มลองเป้ามี่ฮวาทั้งรสหวานและรสเค็มมาหลายครั้งและมันได้กลายเป็นของโปรดอันใหม่ของนางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“น้องได้ยินข่าวมาบ้าง แต่ไม่นึกว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน”ยิ่งพูดเนตรหวานยิ่งทอประกายพึงพอใจ

หลิงกุ้ยเฟยยิ้ม“ยิ่งถ้าน้องสาวได้พูดคุยสนทนากับนาง เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องชื่นชอบนางเหมือนพี่สาวและฮองเฮาเป็นแน่”

หม่าซูเฟยพยักหน้าน้อยๆเห็นด้วยแต่ยังมิทันได้กล่าวตอบ พลันเสียงดนตรีก็หยุดเล่น เหล่านางรำทยอยออกจากลานการแสดง ผู้คนในงานค่อยๆเงียบเสียงลง สายตาเหลือบขึ้นมองโอรสสวรรค์เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“ข่าวฮองเฮาของเจิ้นล้มป่วยด้วยโรคประหลาด หมอหลวงยังจนปัญญาที่จะรักษา เชื่อว่าหลายท่านคงทราบระแคะระคายมาบ้าง”

สิ้นเสียงตรัสของฉีเฉินเทียนหลง บังเกิดเสียงฮือฮาไปทั่วบริเวณ เก้าในสิบมีสีหน้าประหลาดใจระคนตื่นตกใจกับข่าวที่ได้ยิน มีเพียงส่วนน้อยที่เบนสายตาจากโอรสสวรรค์ไปยังโฉมสะคราญนั่งแถวหน้าสุดข้างประมุขพรรคมังกรเหมันต์และมองนางด้วยสายตาชื่นชม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้นและหนึ่งในนั้นมีหมอหลวงใหญ่ประจำพระองค์อย่างอันซิ่งเฉิง หลินเหิงอี้ เกาจื่อซูที่นอกจากจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันถวายงานรับใช้ฝ่าบาทแล้ว หลินเหิงอี้ เกาจื่อซูยังต้องถวายงานรับใช้เหล่าเชื้อพระวงศ์ชายด้วย ข้างเกาจื่อซูคือลู่จิ้งเหวินหัวหน้าหมอหลวงประจำวังหลัง มีหน้าที่ถวายการดูแลฮองเฮา ไทเฮาและเชื้อพระวงศ์หญิงนั่งส่งยิ้มให้นางอยู่

ฉีเฉินเทียนหลงเพียงยกพระหัตถ์ขึ้น เสียงเหล่านั้นถูกความเงียบเข้าแทนที่ทันทีเนตรคมกริบและทรงอำนาจกวาดมองไปโดยรอบ“โรคประหลาดที่ว่านั้นหากภายในสามสิบราตรีมิได้รับการรักษาผู้ป่วยจะหลับใหลตลอดกาล..”เนตรคมกริบหันมาสบตาสตรีข้างกายแล้วกดยิ้มให้กำลังใจทำเอาหลี่ซูเจียวตื้นตันจนน้ำตาคลอกระชับตอบพระหัตถ์หนาอุ่น ก่อนจะพากันหันกลับไปมองโฉมสะคราญ “ทว่าโรคที่แม้แต่หมอหลวงยังไม่ทราบและไร้หนทางรักษา กลับถูกหมอหญิงชาวบ้านอายุเพียงสิบหกหนาวพิชิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนเป็นที่ยอมรับของสำนักหมอหลวงถึงกับมอบป้ายผ่านทางเข้าออกหอเก็บตำราทางการแพทย์ให้ อ้อ..ได้ยินว่าหมอหลวงอันยังเสนอตำแหน่ง อาจารย์พิเศษประจำสำนักหมอหลวงให้นาง?”

เรื่องเหล่านี้พระองค์ทรงทราบดี แต่ยกขึ้นมากล่าวเพราะมีแผนการบางอย่างในพระทัย

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ทว่านางปฏิเสธ”อันซิ่นเฉิงลุกขึ้นโค้งเอวต่ำประสานมือตอบโอรสสวรรค์น้ำเสียงมีความเสียดายชัดเจน

“ปฏิเสธ? เหตุผลคือ..”

“ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้กระหม่อมและหมอหลวงคนอื่นๆก็ใคร่ทราบเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”อันซิ่นเฉิงตอบพลางเหลือบมองไปทางขวามือตรงที่โฉมสะคราญนั่งอยู่

“ว่าอย่างไรหมอหญิงลู่ พอจะบอกเหตุผลที่ปฏิเสธให้เจิ้นฟังได้รึไม่?”

“เอ่อ..ทูลฝ่าบาทนั่นเป็นเพราะหลังท่านพ่อ ท่านแม่ของหม่อมฉันจากไป หม่อมฉันได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาแพทย์ที่มีอยู่รักษาผู้คนในพื้นที่ห่างไกล หวังฝึกปรือฝีมือ เรียนรู้โรคใหม่ๆและหาหนทางรักษาต่อไปเพคะ”ลู่จิวเมี่ยวลุกขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและฉะฉาน กิริยาอ่อนช้อยงดงามและความสุขุมเยือกเย็นที่แผ่ออกมารอบกาย ตรึงสายตาผู้คนให้มองมาที่นางโดยไม่รู้ตัว สายตามีทั้งหลงใหลเคลิบเคลิ้ม ชื่นชมและอิจฉาริษยา ซึ่งนางรับรู้แต่ไม่เก็บมาใส่ใจ

"ในวังมีตำราแพทย์มากมายให้เจ้าได้ศึกษาค้นคว้า ทั้งมีหมอหลวงมากฝีมือให้เจ้าได้ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่น้อย มิเห็นต้องพาตัวเองออกไปตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกนั่น"ฉีเฉินเทียนหลงพยายามโน้มน้าวนาง เหตุเพราะมิอยากห่างหลงเอ๋อร์หลานชายสุดรักของพระองค์ หาใช่ห่วงใยนางไม่

"ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่านางคงอึดอัดเพคะ หาไม่คงตอบรับตำแหน่งกงจู่ที่หม่อมฉันเสนอให้ก่อนหน้าแล้ว"

สิ้นคำตรัสของหลี่ฮองเฮา ผู้คนต่างตกตะลึงไปตามๆกัน ตามมาด้วยเสียงฮือฮาอีกครั้ง

นี่..นี่..นี่มันหมายความว่าอย่างไร? มิใช่เพียงสำนักหมอหลวงที่เสนอตำแหน่งให้เท่านั้น? แม้แต่ฮองเฮาก็ยังโปรดปรานนางถึงขั้นคิดรับนางเป็นพระธิดาและนางปฏิเสธ! นางปฏิเสธตำแหน่งองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ที่ใครๆต่างหมายปองใฝ่ฝันถึง! นางช่าง..

หลายคนถูกความจริงถาโถมเข้าใส่ระลอกแล้วระลอกเล่าจนสับสนมึนงงไปหมด สายตาจับจ้องเรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมแต่แฝงกลิ่นอายความสูงศักดิ์ไม่วางตา ก่อนจะพากันอ้าปากค้าง ตาแทบถลนออกมานอกเบ้าเมื่อได้ยินรับสั่งต่อมาของฝ่าบาท


“นั่นสินะ..เอาละในเมื่อเจ้ารักอิสระ ชื่นชอบการผจญภัยในโลกกว้าง เจิ้นขอแต่งตั้งเจ้าเป็น หมอหลวงหญิงสัญจรแห่งฉีเฉิน มีศักดิ์ฐานะเทียบเท่าขุนนางขั้นสาม ไม่ขึ้นตรงกับผู้ใดและรับคำสั่งโดยตรงจากเจิ้นแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!”





มาแล้วจ้าาาา ตามสัญญา อยากแต่งตอนนี้ให้จบ แต่ไม่ไหว เคืองตามาก กลัวอักเสบอีก เอาไป 60% ก่อนน้า ถ้าพรุ่งนี้ไหวจะมาต่อที่เหลือจ้า


04/08/2019

เฮ้อ...สุดท้ายก็ไม่ไหว หลังกลับจากหาหมอไม่รู้พายุเข้าป่าว ลมแรงมากถึงขนาดที่ต้นไม้แถวบ้านหักเลย หลายวันติดต่อกันจนไรท์ใช้สายตานานๆไม่ได้แต่งได้นิดหน่อยก็ต้องหยุด สุดท้ายต้องใช้ผ้าปิดตาอีกครั้ง ปวดใจเลยT_T

แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไรท์แต่งจนจบแน่นอน และขอบคุณทุกเม้นท์ ทุกกำลังใจที่มีให้ ซาบซึ้งและตื้นตันใจฝุดๆ อ่านแล้วน้ำตาคลอเลย ขอบคุณมากจริงๆค่า^_^







รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว