บทที่ 12 สู้กับสวีฮ่าว
“ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวเห็นว่าลูกสาวกำลังโดนทำร้าย สีหน้าของนางดุดันขึ้นมา จากนั้นก้มเก็บหินจากพื้น ตั้งใจจะสู้กับอีกอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีก
ชายคนนั้นเงื้อดาบในมือขึ้นและฟันออกไป “นังโง่ดื้อด้าน! ตายซะ!”
ฉึก!
เลือดแดงฉานสาดกระเซ็น
แต่กลับเป็นเลือดของชายคนนั้นที่ถูกดาบแทงทะลุอก ดาบที่ถือในมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
หญิงสาวถึงกับนิ่งตะลึง
ชายคนนั้นหันกลับไปมองช้า ๆ ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏสู่สายตา
เด็กหนุ่มคนนี้… เขาเคยเห็นมาก่อน
เขาเคยเห็นบนหมายจับ
เป็นเด็กหนุ่มที่สังหารนายกองขั้นสองชุยเซียวคนนั้น
“ไอ้ชั่ว! เจ้าเป็นใคร! บังอาจทำร้ายพวกเรา โจรป่าแห่งขุนเขาต้าหวัง!”
โจรป่าคนหนึ่งโพกผมด้วยผ้าสีดำเห็นพรรคพวกโดนฆ่าตาย จึงแผดเสียงตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว
เจียงผิงอันชักดาบสีดำออกมา จ้องหน้าโจรป่าที่ร้องด่าเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
โจรป่าที่โพกผมเห็นสายตาเย็นเฉียบปานน้ำแข็งแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด
แต่… ตอนนี้จะทำท่าอ่อนแอหวาดกลัวไม่ได้ ประกอบกับอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น จะต้องกลัวอะไรกัน
“ดูหน้าพ่อของเจ้าอยู่เรอะ! ไอ้ระยำ บังอาจสังหารคนของพวกเรา พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าเด็กนี่...”
เขากำลังตะโกนเรียกพรรคพวกให้ลงมือพร้อมกัน แต่กลับพบว่าคนอื่น ๆ พากันวิ่งแตกตื่นหนีกันอุตลุด
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป! เหตุใดต้องหนี กะอีแค่เด็กคนหนึ่ง ลงมือจัดการพร้อมกันก็เรียบร้อยแล้ว!”
โจรป่าที่โพกผมไม่เข้าใจสักนิด ก่อนหน้านี้ยังคุยโตโอ้อวดถึงความเก่งกาจของแต่ละคน เหตุใดเวลานี้จึงวิ่งหางจุกตูดเหมือนกับสุนัข
ล้วนขยะทั้งนั้น
“เขาคือคนที่สังหารนายกองขั้นสองชุยเซียว!”
โจรป่าที่กำลังวิ่งตาลีตาเหลือกร้องเตือนเสียงสั่นเครือด้วยความปรารถนาดี
พอได้ฟัง สีหน้าของโจรป่าที่โพกผมก็แข็งทื่อ
ทั่วทั้งอำเภอผิงสุ่ย ไม่มีใครไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้
เด็กหนุ่มที่สังหารทหารม้ายศนายกองขั้นสอง ไม่ว่าชาวบ้านหรือโจรป่าล้วนดีใจด้วยกันทุกฝ่าย ปกติเวลาที่ไม่มีอะไรทำ ทุกคนก็จะคุยกันเรื่องความร้ายกาจของเด็กหนุ่มคนนี้
ระยะนี้ได้ยินมาว่าเด็กหนุ่มเข้าสู่เทือกเขาอินทรีครวญไปแล้ว
ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอเข้า!
สีหน้าของโจรป่าที่โพกผมด้วยผ้าสีดำเปลี่ยนไป เขาพยายามฝืนกลืนน้ำลาย ความอหังการหายไปจากใบหน้า
“เจ้า… เจ้าหนู ข้าจะให้เงินเจ้า...”
ฉึก!
พูดยังไม่ทันจบความเจ็บแปลบก็แล่นขึ้นมาจากกลางอก
นี่คือความรู้สึกของการโดนแทงทะลุหัวใจงั้นหรือ?
เจียงผิงอันตวัดดาบไล่ฟันโจรป่าคนอื่น ๆ ต่ออย่างรวดเร็ว ไม่สนใจโจรป่าคนนั้นอีก
คนเหล่านี้เป็นเพียงแค่โจรป่าทั่วไป ไม่อาจทัดทานกำลังของเจียงผิงอันได้ สังหารได้ง่าย ๆ ราวกับฟันแตงกวา
เห็นเจียงผิงอันเดินเข้ามาใกล้ หญิงที่เหลือยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
เจียงผิงอันใช้ดาบตัดเชือกที่มัดตัว จากนั้นมอบเงินที่ริบมาจากพวกโจรป่าให้พวกนาง
“ไปเถอะ”
“ขอบคุณผู้มีพระคุณมาก! ขอบคุณเหลือเกิน!”
ผู้หญิงทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมน้ำตาไหลพราก
หากเจียงผิงอันไม่เข้ามาช่วย เมื่อพวกนางไปถึงรังโจร คงไม่พ้นถูกทรมานจนตายอยู่ดี
เจียงผิงอันกำลังประคองให้พวกนางลุกขึ้น ฉับพลันสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป สัมผัสได้ถึงบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
“เจอแล้ว! เด็กคนนั้นอยู่นี่! รีบส่งสัญญาณเร็ว!”
เสียงตะโกนตื่นเต้นเสียงหนึ่งดังมาจากจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทหารกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากแนวต้นไม้รกทึบ
มีคนจุดบางอย่างจนลุกไหม้ จากนั้นของสิ่งนั้นก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะระเบิดกลางอากาศ กลายเป็นดอกไม้ไฟสีสันสะดุดตายิ่ง
เจียงผิงอันรีบวิ่งหนีโดยเร็ว
มีคนมาเห็นเข้าจนได้!
“ตามไป! อย่าให้หนีไปได้! เด็กคนนี้มีค่าถึงสองพันตำลึงเชียวนะ!”
ทหารทุกนายตาแดงก่ำ ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทหารกลุ่มนี้ไล่ตามไป เด็กหญิงที่ได้รับความช่วยเหลือพลันเงยหน้า มองมารดาของตนด้วยความสับสน
“ท่านแม่ พี่ชายคนนั้นเป็นคนดี เขาช่วยพวกเราไว้ แต่ทำไมทหารจึงต้องการจับตัวพี่ชาย ไม่จับตัวพวกโจรป่าเล่า?”
ผู้เป็นแม่อ้าปากอยากจะตอบ แต่ไม่รู้จะตอบเช่นไรดี
ทหารที่กำลังไล่ตามเจียงผิงอันในเทือกเขาอินทรีครวญเห็นสัญญาณบนฟ้าแล้ว แต่ละคนกรูเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ขณะนั้นเอง อินทรียักษ์ที่มีลำตัวยาวหนึ่งจั้งกว่า ๆ ก็ปรากฏตัวบนฟากฟ้า และบนตัวอินทรียักษ์ตัวนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งยืนอยู่
“วิถีแห่งการฝึกตนเป็นของข้า สวีฮ่าว! มีของวิเศษในครั้งนี้ ข้าต้องได้เป็นนายกองขั้นหนึ่งแน่นอน!”
สวีฮ่าว หนึ่งในนายกองขั้นสองแห่งอำเภอผิงสุ่ย
เขาต่างจากทหารคนอื่น ๆ ตรงที่เขาไม่ขี่ม้า แต่ขี่อินทรี
อินทรีย์ตัวนี้คือสัตว์ภูตที่บิดาจับมาให้ ต้องเสียแรงกำลังไปมากกว่าจะปราบพยศได้
ความหมายเทือกเขาอินทรีครวญคือแม้แต่อินทรีเห็นแล้วยังต้องโอดครวญ นี่เป็นเพียงคำพูดเกินจริงเท่านั้น
หากมีอินทรีตัวนี้ เขาจะสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลถึงความซับซ้อนของเส้นทางเลยสักนิด
เมื่อส่งสัญญาณออกไปได้ไม่นาน สวีฮ่าวก็มาถึงที่นั่นทันที เขายืนอยู่บนตัวอินทรีพลางมองหาเป้าหมาย
“เจอตัวแล้ว!”
สวีฮ่าวเห็นร่างคนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
“ลงไป!”
สวีฮ่าวสั่งอินทรียักษ์เสียงเข้ม
ขณะที่เจียงผิงอันกำลังวิ่งหนี เด็กหนุ่มเห็นเงามืดปรากฏขึ้นบนพื้น ทาบทับตัวเสียมิด สัญชาตญาณบอกให้เขากลิ้งตัวไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้เอง กรงเล็บอันคมกริบคู่หนึ่งของอินทรีก็โฉบลงมา
ต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ ถูกเกี่ยวจนหักโค่นในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเศษ ๆ ผมยาวปลิวไสวกระโดดลงจากหลังอินทรีอย่างองอาจ
และชักดาบฟันเข้าใส่เจียงผิงอันโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ
เจียงผิงอันถึงกับสะดุ้งโหยง ชายคนนี้สามารถควบคุมอินทรีตัวโตถึงเพียงนี้ได้!
อินทรีตัวนี้จะต้องเป็นสัตว์ภูตอย่างแน่นอน!
โลกของเจียงผิงอันถูกเติมเต็มด้วยความรู้ใหม่อีกข้อหนึ่ง คือที่แท้สัตว์ภูตสามารถฝึกได้
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดตรึกตรองมากนัก อีกฝ่ายกำลังประชิดเข้ามาใกล้แล้ว
เจียงผิงอันจึงถือดาบขึ้นพร้อมตั้งรับ
เคร้ง เคร้ง!
เสียงโลหะสองชิ้นกระทบกันดังก้องไปทั่วผืนป่า
สวีฮ่าวเห็นว่าดาบมายาของตนถูกขวางไว้ได้ ถึงกับทำตาโตตกตะลึง
“เจ้าใช้วิชาดาบมายาเป็นด้วย!”
เมื่อสักครู่ทั้งสองใช้วิชาดาบมายาในเวลาเดียวกัน ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันกลางอากาศจนเกิดประกายไฟ
สวีฮ่าวรู้ดีว่าดาบมายาเรียนรู้ยากถึงเพียงใด ในบรรดาทหารของอำเภอผิงสุ่ย คนที่เรียนวิชาดาบมายาได้สำเร็จจะได้เป็นนายกองขั้นสอง หากชำนาญก็อาจได้เป็นถึงนายกองขั้นหนึ่ง
อีกฝ่ายคงได้วิชาดาบหลังจากสังหารชุยเซียวเป็นแน่ แต่นี่เพิ่งผ่านไปได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น เจ้าเด็กนี่กลับศึกษาจนใช้ดาบมายาเป็นแล้ว!
คนอื่นต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเรียนวิชาดาบได้สำเร็จ แต่เด็กคนนี้… ยังไม่ถึงเดือนเลยกระมัง?
ขณะสวีฮ่าวกำลังตื่นตะลึง ในแววตาพลันปรากฏร่องรอยแห่งความริษยา
ภายใต้คำชี้แนะของบิดา เขาต้องใช้เวลาถึงหกเดือนถึงจะเรียนขั้นที่หนึ่งสำเร็จ กระทั่งบิดาก็ยังชื่นชมว่าเขามีพรสวรรค์
ทว่าอีกฝ่าย… ไม่ถึงเดือนก็สำเร็จแล้ว
ทั้งอายุน้อย และไม่มีใครคอยชี้แนะ
ในอำเภอผิงสุ่ยมีแค่เขา สวีฮ่าว เพียงคนเดียวที่มีพรสวรรค์ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคนที่สอง!
สวีฮ่าวตวัดดาบฟันเจียงผิงอันอีกครั้งด้วยความอิจฉา
เจียงผิงอันตวัดดาบขึ้นต้านทานอีกครั้ง อีกฝ่ายอำพรางดาบจริงภายใต้เงามายา จากนั้นฟันออกไป
ชั่วขณะนี้ หยกคุ้มภัยที่ห้อยอยู่ข้างเอวเจียงผิงอันสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีเขียวต้านคมดาบ
ทว่ากลับไม่สามารถขัดขวางการโจมตีของสวีฮ่าวได้!
เจียงผิงอันหน้าถอดสี
ทั้ง ๆ ที่ต้านดาบมายาไว้ได้แล้ว แต่เหตุใดยัง...
ดาบมายาขั้นที่สอง! เงามายาสองเงา!
“ฮ่า ๆ! ตกใจล่ะสิ คิดไม่ถึงเลยใช่หรือไม่?”
เห็นอาการตื่นตะลึงและหวาดกลัวบนใบหน้าเจียงผิงอัน สวีฮ่าวดีใจมาก เขาพลันบุกโจมตีเข้าใส่อีกครั้ง
ผลยังคงเหมือนก่อนหน้านี้ ดาบของอีกฝ่ายกระทบโดนเกราะคุ้มภัย
กำลังการโจมตีของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เพียงแค่สองดาบเท่านั้น พลังของเกราะคุ้มภัยลดลงไปถึงสองในสิบส่วน
หากฟันต่ออีกแปดครั้ง เกราะคุ้มภัยต้องพังแน่!
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว