เทพแห่งระบบ-บทที่ 47 การลอบสังหารที่สมบูรณ์แบบในความคิดของอวี๋ชิงเฟิง

โดย  NNewnovel

เทพแห่งระบบ

บทที่ 47 การลอบสังหารที่สมบูรณ์แบบในความคิดของอวี๋ชิงเฟิง

บทที่ 51 เจียงผิงอันเป็นไส้ศึก


วันนี้ เซี่ยชิงมาเพื่อประกาศหนึ่งเรื่องสำคัญ


“วันนี้เป็นวันหยุดหนึ่งวันเนื่องจากเทศกาลส่งเหมันต์ พวกเจ้าสามารถกระทำการได้อย่างอิสระ และวันนี้ในโรงอาหารยามเย็น ข้ามีบางสิ่งจะพูด”


เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยชิง ใบหน้าคนหนุ่มสาวมากมายก็ปรากฏเค้าปรีดา


“ฤดูกาลผ่านแล้ว? ไวจัง?”


“การฝึกฝนไร้เดือนปี ข้าลืมเรื่องเทศกาลข้ามฤดูไปสนิทเลย”


“เยี่ยมเลย ข้าชอบเทศกาลข้ามฤดูนี้ที่สุด!”


เทศกาลส่งเหมันต์เป็นวันเทศกาลของต้าเซี่ย จัดขึ้นในวันสุดท้ายของเหมันตฤดู เพื่อส่งท้ายฤดูหนาวและต้อนรับความหวังในวสันตฤดู


“เทศกาลข้ามฤดูแล้ว~”


เมิ่งจิงซึ่งเมื่อครู่ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนได้ยินเรื่องเทศกาลข้ามฤดูแล้ววิ่งฉิวลงมาจากชั้นที่สิบสอง


นางพุ่งมาข้างกายเจียงผิงอัน กระโดดโลดเต้นอย่างยินดี ผมหางม้าส่ายไปมา


“เจ้าท่อนไม้! วันนี้เทศกาลส่งเหมันต์ ไปซื้อของกับข้า! ถนนวันนี้ต้องครึกครื้นมากแน่!”


เจียงผิงอันส่ายหัว “ข้ายังมีเรื่องมากมายต้องเรียนรู้ ต้องเร่งฝึกฝนนะ”


หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ต้าเซี่ย และเฉลิมฉลองเทศกาลนี้เช่นกัน แต่เขาหามีเจตนาเล่นสนุกไม่


การประชันไต่อันดับนั้นยาก การแข่งขันประลองร้อยเมืองนั้นรวบรวมอัจฉริยะเลิศล้ำจากทั่วร้อยเมืองในแคว้นหมิงหวัง การต่อสู้จะยิ่งยากเย็นแน่แท้


กาลเวลาไม่คอยท่า ไม่มีเวลาให้ผ่อนคลาย


เมิ่งจิงพลันออกหมัดชกใส่เจียงผิงอัน รวดเร็วอย่างยิ่ง


หัวใจของเจียงผิงอันร่วงวูบ รีบยกมือขึ้นกัน งอแขนเบี่ยงแรงของอีกฝ่ายออกไป


“เจ้าทำอะไรนี่?”


หากหมัดนี้ถูกร่างเขา คงส่งเขาบินไปสิบกว่าจั้งแท้แน่


“ทำอะไร? ตีเจ้าน่ะสิ!”


เมิ่งจิงยกมือขึ้นฟาดศีรษะเจียงผิงอันพลางตะโกน


“ข้ารู้ว่าเจ้าฝันอยากเป็นเซียน คิดคืนชีพท่านอากับท่านป้า แต่การเป็นเซียนมันง่ายเสียที่ไหน?”


“เจ้าจะใช้เวลาทั้งชีวิตฝึกฝนหรือไร? หากท่านอากับท่านป้ายังอยู่ เจ้าว่าพวกเขาจะอยากให้เจ้าเป็นเช่นนี้ทุกวันหรือ?”


ตะโกนถึงตรงนี้ เมิ่งจิงพลันตระหนักรู้ตัว กระซิบออกมาว่า “ขอโทษด้วย ข้ามิได้ตั้งใจกล่าวถึงท่านอาและท่านป้าเช่นนั้น”


เจียงผิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มบางเฉียบพลัน “รอข้าเปลี่ยนเป็นชุดสักเดี๋ยวนะ”


“ได้~”


เมิ่งจิงคลี่ยิ้มดุจบุปผาแย้ม


ครู่ต่อมา เจียงผิงอันก็เปลี่ยนไปใส่อาภรณ์ขาวสะอาดเรียบร้อย


เนื่องจากการฝึกฝน เขาจึงเสียความผอมบางที่ตนมีเมื่อครึ่งปีก่อนไป ร่างของเขาสูงขึ้น ความเยาว์วัยสลายไปทีละน้อย


ภายในสองปี เขาก็จะกลายเป็นหนุ่มรูปงาม


หลังเทศกาลส่งเหมันต์นี้ เขาจะอายุสิบห้า


ทั้งสองยิ้มให้กัน มุ่งหน้าไปสู่เมืองเฮยเฟิง


โคมแดงแขวนทุกแห่งหน ผู้ฝึกตนเหาะเหินเดินอากาศ หยุดกุมกำปั้นยิ้มแย้ม ทักทายมิตรสหายที่รู้จัก


เพื่อเรียกลูกค้า ร้านรวงมากมายติดป้ายลดแลกแจกแถม บริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยความครึกครื้น


เจียงผิงอันเพิ่งได้เห็นความพลุกพล่านคึกคักเช่นนี้เป็นครั้งแรก หัวใจตกตะลึงอย่างยิ่ง


“หากท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่ ต้องตกใจกันแน่แท้ หากบรรลุเซียนได้ ก็จะสุขสำราญได้เช่นนี้ตลอดไป!”


ความหมกมุ่นอยากเป็นเซียนของเจียงผิงอันลึกล้ำขึ้นเรื่อย ๆ


เมิ่งจิงเหมือนลูกแมวน้อย วิ่งไปมาในเมือง ซื้อของไร้ประโยชน์มามากมาย ขณะที่เจียงผิงอันเดินตามไปเงียบ ๆ


ยามราตรีโรย เมิ่งจิงก็หวนสู่จวนเจ้าเมืองอย่างปรีดา เซี่ยชิงยังมีเรื่องจะพูด นางจึงโอ้เอ้มิได้


เมื่อมาถึงโรงอาหาร สำรับเลิศรสทั่วแดนดินก็วางเรียงราย ปลดปล่อยปราณวิญญาณเป็นม่านหมอกละล่องดุจแดนเซียน


“ว้าว! ขนมอบเพียบเลย!”


เมิ่งจิงจ้องกองขนมอบด้วยดวงตาลุกวาว ลากเจียงผิงอันวิ่งไปด้วยกัน


หม่าเหว่ยร่างอวบอ้วนเดินมาถามเจียงผิงอันยิ้ม ๆ “เทศกาลในแคว้นต้าเซี่ยเราเป็นเช่นไรบ้าง?”


เจียงผิงอันขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายใช้คำไม่ชอบมาพากลยิ่งนัก


หม่าเหว่ยพลันเร่งเสียง “แคว้นหลิงไถของพวกเจ้าก็ฉลองเทศกาลส่งเหมันต์ด้วยหรือไม่?”


ว่าแล้วเชียว จิ้งจอกเผยหางออกมาแล้ว


ผู้มากฝีมือทั้งหลายซึ่งกินดื่มกันอย่างสุขสันต์ได้ยินคำว่า ‘แคว้นหลิงไถ’ แล้วหันขวับมาทันควัน


เมิ่งจิงหน้าง้ำ กล่าวเสียงเข้มขึ้นว่า “หม่าเหว่ย! เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า?”


“ทำอะไร? ข้าแค่ถามสหายเจียงเองว่าที่แคว้นหลิงไถมีเทศกาลส่งเหมันต์ด้วยหรือไม่”


หม่าเหว่ยกล่าวยิ้ม ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง


“เจียงผิงอันมาจากแคว้นหลิงไถหรือ?”


“เวร! เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”


“ไส้ศึก!!”


ขณะนี้ แคว้นหลิงไถและแคว้นต้าเซี่ยทำสงครามกัน จึงมีสัมพันธ์เป็นศัตรู


แคว้นหลิงไถมิได้แข็งแกร่ง พวกเขาถูกแคว้นอื่น ๆ ยุยงให้สร้างสงคราม เกิดผลกระทบย่ำแย่แก่ต้าเซี่ย


คนจากต้าเซี่ยมิได้มองแคว้นหลิงไถดีนัก


ยามนี้เมื่อได้ยินหม่าเหว่ยบอกว่าเจียงผิงอันมาจากแคว้นหลิงไถ คนมากมายก็มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร


หม่าเหว่ยยิ้มเจิดจรัสยิ่ง


นี่แหละจุดประสงค์ของเขา


ยามให้คนไปสืบข้อมูลของเมิ่งจิง เขาก็บังเอิญพบข้อมูลของเจียงผิงอันด้วย


ปรากฏว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้มาจากต้าเซี่ยของพวกเขาเลย


จากการพิพาทกับเจียงผิงอันก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยมีโอกาสได้สั่งสอนเจ้านี่สักครั้ง


วันนี้เขาจึงนำเรื่องนี้มาพูดขณะทุกคนอยู่พร้อมหน้า ฉวยใช้ประโยชน์จากความเป็นปรปักษ์กับแคว้นหลิงไถของทุกคนเล่นงานเจียงผิงอัน


เมิ่งจิงย่อมมองแผนการของหม่าเหว่ยออก นางข่มเขี้ยวฟันแทบแหลก


“บุพการีของเจียงผิงอันถูกแคว้นหลิงไถบีบคั้นจนตาย เขามีความแค้นเกินลืมเลือนกับแคว้นหลิงไถ และครั้งหนึ่งยังเคยช่วยเราทำลายอำเภอผิงสุ่ยของแคว้นหลิงไถมาแล้ว ยามนี้เขาหาใช่คนของแคว้นหลิงไถไม่!”


มุมปากหม่าเหว่ยยกขึ้น กะไว้แล้วว่านางจะพูดเช่นนี้


“ใครจะรู้ว่านี่คือการกระทำของแคว้นหลิงไถเพื่อแทรกซึมต้าเซี่ยเราหรือไม่”


“แค่อำเภอผิงสุ่ย ข้าคนเดียวก็ทำลายได้ ไม่เห็นต้องใช้อำเภอไร้ค่าเช่นนี้มาแลกกับไส้ศึกเลย”


ได้ยินคำหม่าเหว่ย สายตาปรปักษ์ที่มองมายังเจียงผิงอันก็ยิ่งทวีความแรงกล้า


“เจียงผิงอันผู้นี้น่าจะเป็นไส้ศึก!”


“จับเขาไว้ ไต่สวนอย่างเคร่งครัด ห้ามปล่อยไส้ศึกไป!”


“ฆ่าคนผิดพันคน ดีกว่าปล่อยผิดคนสักหนึ่ง! หากเขาเป็นไส้ศึกจริง ๆ ต้าเซี่ยเราเสียหายแย่แน่!”


หลายต่อหลายคนเพ่งจิตมาที่เจียงผิงอัน ปรากฏเค้าลางปะทุศึกจาง ๆ


“ข้าจะรอดูว่าผู้ใดหาญกล้า!” เมิ่งจิงทิ้งขนมอบในมือ ขวางตรงหน้าเจียงผิงอัน


รอยยิ้มของหม่าเหว่ยยิ่งเจิดจรัส “แม่นางเมิ่ง เจ้าจะทรยศแคว้นหรือ?”


เยี่ยม หากเมิ่งจิงยืนกรานปกป้องเจียงผิงอัน ก็จะมีโอกาสขับสตรีผู้นี้ออกไปด้วย


หากสตรีผู้นี้เติบใหญ่ เขานี่แหละที่น่าจะเป็นฝ่ายถูกบีบออก


ด้วยความเห็นสาธารณะรุมเร้า ต่อให้เป็นองค์หญิงเก้าก็ไม่มีทางละเลยได้


“ข้ามิได้ทรยศแคว้น!” เมิ่งจิงแผดเสียง


“แล้วเหตุใดเจ้าจึงปกป้องคนจากแคว้นหลิงไถ?” หม่าเหว่ยจู่โจมต่อเนื่อง แม้อายุยังน้อย แต่เขาก็รอบคอบมากนัก


“เพราะเจียงผิงอันหาใช่ไส้ศึกไม่!” เมิ่งจิงจะร้องไห้อยู่แล้ว ดวงตาของนางรื้นน้ำ


“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น? เจ้าอ่านใจเขาได้หรือ?” หม่าเหว่ยยิ้มเยาะ


“เจ้า…”


เมิ่งจิงเหมือนจะพูดบางสิ่ง หนึ่งหัตถ์ใหญ่ก็วางบนบ่านาง


เจียงผิงอันก้าวออกมาจ้องมองหม่าเหว่ยอย่างสุขุม


“ข้าเกิดมาในครอบครัวชาวนา กระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่และทหารในอำเภอผิงสุ่ย มีความแค้นกับแคว้นหลิงไถแบบต้องตายกันไปข้าง”


“บิดาของเมิ่งจิงเป็นผู้หาคนมาช่วยชีวิตข้า ข้าติดหนี้บุญคุณเขา และองค์หญิงก็เมตตา ให้ทรัพยากรกับข้า ข้าไม่มีทางลืมบุญคุณเหล่านี้”


“ข้าเกิดในแคว้นหลิงไถก็จริง และไร้หลักฐานว่ามิใช่ไส้ศึก ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร เจ้าก็คงไม่เชื่อทั้งนั้น เพราะจุดประสงค์ของเจ้าก็คือเล่นงานข้า”


หม่าเหว่ยเมินเรื่องอื่น ๆ ตะโกนกล่าวกับผู้ฝึกตนรอบกาย “ทุกท่านได้ยินชัดแล้ว เขายอมรับเองว่ามาจากแคว้นหลิงไถ!”


คนหนุ่มสาวมากมายไร้สมองขบคิด มีเพียงความแค้นต่อแคว้นหลิงไถ


“คนเช่นนี้ต้องไม่อยู่ที่นี่!”


“หากเขาเป็นไส้ศึกจริง ๆ ขึ้นมา เขาก็กำลังใช้ทรัพยากรของเราต้าเซี่ยในการฝึกฝน!”


“ไล่เขาไปเสีย ไม่สิ จับเขาไปสอบสวน!”




รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว