เทพแห่งระบบ-บทที่ 390 หลงเอ้าเทียน

โดย  NNewnovel

เทพแห่งระบบ

บทที่ 390 หลงเอ้าเทียน

บทที่ 18 นายกองขั้นหนึ่งสองนาย


เจียงผิงอันจัดหมวดหมู่สิ่งของทั้งหมดแล้วเก็บไว้อย่างดี


นอกจากอาวุธกับคัมภีร์แล้ว ยังมีโอสถอีกสองขวด


ขวดหนึ่งเขียนกำกับไว้ว่าโอสถรวมปราณ อีกขวดเขียนกำกับว่าโอสถสยบวิญญาณ


เขารู้จักโอสถสยบวิญญาณ เพราะไอ้แก่หยวนปินเคยให้เขากิน ทำให้ปราณวิญญาณในตัวหายไปสิ้น


แต่โอสถรวมปราณนี้คืออะไร?


เพราะความสงสัย เจียงผิงอันจึงเปิดขวดและลองดมดู


การทำเช่นนี้อันตรายมาก หากเป็นพิษร้ายแรง เขาอาจถึงแก่ความตายภายในไม่กี่ลมหายใจ


ทว่าเจียงผิงอันโชคดีมาก โอสถรวมปราณไม่ใช่ยาพิษ


เมื่อเขาสูดกลิ่นโอสถรวมปราณเข้าสู่ร่าง ปราณวิญญาณในกายเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งยังโคจรอย่างรวดเร็วอีกด้วย


เจียงผิงอันสะดุ้งในใจ


“หรือว่าสิ่งนี้จะเป็นยาที่สามารถเพิ่มระดับการฝึกตนให้รวดเร็วขึ้น?”


ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่ามียาลักษณะนี้ แต่ไม่มีขายในอำเภอผิงสุ่ย


เจียงผิงอันเทยาใส่มือ ในขวดมีทั้งหมดสองเม็ด


โอสถรวมปราณมีสีขาวและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ


เจียงผิงอันลองกินไปหนึ่งเม็ด


ครู่หนึ่ง ปราณวิญญาณในตัวก็เพิ่มสูงขึ้น และโคจรรวดเร็วกว่าเดิมถึงสามเท่า!


เจียงผิงอันรีบนั่งลงและใช้เคล็ดกำหนดลมหายใจทันที


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในหัวพลันได้ยินเสียงแตกร้าวสดใสกังวานดังออกมาจากภายใน ปราณวิญญาณโดยรอบมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลายโอนเอนจนเกิดเสียง


เจียงผิงอันลืมตาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง


ขอบเขตก่อปราณขั้นห้า!


โอสถรวมปราณเม็ดนี้เทียบได้กับหินวิญญาณสิบก้อน และที่สำคัญคือเขาสามารถเร่งการโคจรปราณวิญญาณในตัวให้เร็วขึ้นได้


ในสถานการณ์ปกติ เขาต้องใช้หินวิญญาณเกือบสี่สิบก้อนเป็นอย่างน้อย จึงสามารถบรรลุขอบเขตหนึ่งได้


ทว่า… ลำพังเพียงแค่โอสถรวมปราณเพียงเม็ดเดียวก็สามารถทำให้บรรลุได้แล้ว!


ประหยัดเวลาในการฝึกตั้งสามสี่วัน!


โลกทัศน์ของเจียงผิงอันมีสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง นั่นคือโอสถเป็นของดี


“ทางนั้นมีคลื่นพลัง หยวนปินอาจจะอยู่ที่นั่น!”


ห่างออกไปไม่ไกลนัก เสียงร้องคำรามดังขึ้น


คนสองคนพุ่งโฉบเข้ามาอย่างรวดเร็ว


เจียงผิงอันถึงกับหน้าเปลี่ยนสี


การบรรลุขอบเขตอย่างกะทันหันทำให้ปราณวิญญาณพลุ่งพล่านจนเกิดเป็นคลื่นพลังให้คนอื่นจับสัมผัสได้


เจียงผิงอันรีบเก็บข้าวของหนีโดยเร็ว


แต่สองคนนั้นรวดเร็วกว่ามาก เพียงพริบตาเดียวก็ตามมาติด ๆ แล้ว


“ไอ้เด็กคนนั้นที่ท่านแม่ทัพต้องการตัว!”


“ฮ่า ๆ ตามหาจนรองเท้าเหล็กสึกก็หาไม่เจอ แต่กลับมาเจอโดยบังเอิญ!”


นายกองขั้นหนึ่งสองนายเห็นว่าเป็นเจียงผิงอัน ความปีติยินดีฉายชัดอยู่บนใบหน้า


เจ้าหนูนี่สังหารลูกชายของแม่ทัพสวีเทาเมื่อหลายวันก่อน หากเอาตัวกลับไปไม่ได้ ท่านแม่ทัพจะต้องไม่พอใจเป็นแน่


และเมื่อท่านแม่ทัพไม่พอใจ ต่อไปก็คงไม่แบ่งอะไรให้พวกเขาอีก


ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเจ้าเด็กนี่ขณะที่ตามล่าหยวนปิน! ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าเด็กนี่ยังฆ่าหยวนปินตายไปแล้ว!


ทหารสองนายสำเร็จวิชาเคล็ดปราณโลหิตขั้นสาม มีร่างกายแข็งแกร่ง สามารถพุ่งมาอยู่ข้างหลังเจียงผิงอันได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ


เจียงผิงอันถ่ายทอดปราณโลหิตเข้าไปในดาบ จากนั้นฟันคนที่อยู่ข้าง ๆ ทันที


“รวดเร็วมาก! มิน่าเล่าถึงฆ่าสวีฮ่าวกับหยวนปินได้ แต่… ไร้ประโยชน์!”


นายกองขั้นหนึ่งตื่นตะลึงในกระบวนดาบที่รวดเร็วของเจียงผิงอัน แต่แน่นอน การโจมตีเช่นนี้ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้


เขาหลบแล้วซัดหมัดสวนออกไป


โครม!


เกราะป้องกันบนตัวเจียงผิงอันแผ่หุ้มกาย แต่กลับโดนหมัดของอีกฝ่ายซัดจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ


พลังของหยกคุ้มภัยยังไม่ได้รับการเติมเต็ม จึงไม่สามารถต้านพลังของพวกนายกองได้


แรงสะเทือนทำให้เจียงผิงอันกระเด็นชนต้นไม้จนหักติดต่อกันหลายต้น


ในใจของเจียงผิงอันเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง คนคนนี้แข็งแกร่งมาก ต้องสำเร็จเคล็ดปราณโลหิตขั้นสามแล้วเป็นแน่!


ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้ว พอหมุนตัวได้ เจียงผิงอันก็วิ่งหนีทันที


โครม!


นายกองขั้นหนึ่งนามหม่าหลินถีบหลังเจียงผิงอันเต็มแรง จนได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวดังชัดเจน


เลือดกระอักออกจากปากของเจียงผิงอัน ร่างกระแทกกับหินอย่างแรง


เด็กหนุ่มอยากจะลุกหนีจากสถานการณ์คับขันนี้ แต่บาดแผลสาหัสบนตัวทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้


แค่กระบวนท่าเดียว เขาก็หมดกำลังต่อสู้โดยสิ้นเชิง


เห็นทหารดุดันสองนายเผยสีหน้าฮึกเหิมเดินเข้ามาใกล้ เจียงผิงอันพลันรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง


ต่อให้เอาหยกคุ้มภัยทั้งหมดออกมา มากสุดก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาชั่วครู่เท่านั้น


ต่อหน้ายอดฝีมือ ไม่ว่าไพ่ตายแบบใดก็ล้วนไร้ประโยชน์


อ่อนเกินไป สู้ไม่ได้เลย


แต่… ต่อให้ต้องตาย ก็ขอฟันอีกฝ่ายสักสองสามรอบเถอะ!


“เจ้าหนู ทำให้พวกข้าต้องอยู่ในที่แบบนี้นานหลายวัน ข้าอยากจะกระทืบเจ้าให้ตายจริง ๆ เลย” หม่าหลินร้องด่าด้วยสีหน้าดุดัน


“อย่าวู่วามไป ท่านแม่ทัพต้องการจับเป็น” ทหารอีกนายเตือนสติ


“ข้ารู้ ขอหักขามันสักข้างก็พอใจแล้ว”


ขณะที่หม่าหลินกำลังยกเท้าขึ้น ฉับพลันนั้นกิ่งก้านของต้นไม้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เข้ามาพันตัวเจียงผิงอันและดึงตัวไปอย่างรวดเร็ว


นายทหารสองนายสีหน้าเปลี่ยนในทันใด ขณะที่กำลังจะตามไป ต้นไม้ขนาดใหญ่พากันถอนรากออกจากพื้น เรียงหน้ากระดานเข้ามาขวางทางคนทั้งสอง


“ใครกัน!”


พวกเขาชักดาบออกมาฟันต้นไม้ที่ขวางหน้าอย่างรวดเร็ว


“ยอดฝีมือที่แคว้นหลิงไถของพวกเจ้าไม่ต้องการ แคว้นต้าเซี่ยของพวกเราต้องการ!” เสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น


สีหน้าของทหารสองนายเปลี่ยนไปทันที


คนของแคว้นต้าเซี่ย!


จะปล่อยให้คนของแคว้นต้าเซี่ยเอาตัวเจ้าเด็กคนนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่!


ทั้งสองคนกวัดแกว่งดาบในมืออย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายต้นไม้ที่ขวางหน้า


ดาบของพวกเขาคมกริบมากกว่าดาบธรรมดา ทว่าต้นไม้รอบด้านพากันดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน ล้อมพวกเขาอยู่ตรงกลางราวกับปราการไม้หนาแน่น


เมื่อพวกเขาฟันต้นไม้จนหมด เจียงผิงอันก็หายไปแล้ว


ใบหน้าของทหารทั้งสองนายซีดเผือด


แย่แล้ว!


หม่าหลินพูดเสียงเครียด “เรื่องนี้จะให้ท่านแม่ทัพรู้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องบอกว่าไม่เจอตัวเจ้าเด็กคนนั้น”


“ทำตามที่เจ้าว่า” ทหารอีกนายเอ่ยอย่างเห็นด้วย


หากให้ท่านแม่ทัพรู้ว่าพวกเขาปล่อยเจ้าเด็กคนนั้นให้หนีไปได้ ทั้งยังหนีไปกับคนของแคว้นต้าเซี่ย ชีวิตของพวกเขาคงถึงคราวจบสิ้นแน่


ให้ตายสิ เพราะเหตุใดผู้ฝึกตนของแคว้นต้าเซี่ยจึงปรากฏตัวที่นี่!


ชายชราคนหนึ่งแบกร่างของเจียงผิงอันขึ้นหลัง ทะยานออกมาไกล


ชายชราเอื้อมมือเหี่ยวย่นออกมา ยื่นโอสถกลิ่นหอมเม็ดหนึ่งให้เจียงผิงอัน


“นี่คือโอสถรักษาบาดแผล กินแล้วนอนพักผ่อนสักครู่ เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่ช่วยเจ้าหรอก”


“ขอบคุณมากขอรับ”


เจียงผิงอันกล่าวขอบคุณด้วยเสียงอ่อนแรง แล้วกลืนโอสถเข้าไป อาการเจ็บปวดทำให้ร่างกายอ่อนล้าผล็อยหลับไป


ชายชรายกยิ้ม “เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ คนพวกนี้ช่างน่าไม่อายเสียเหลือเกิน ให้นายกองขั้นหนึ่งถึงสองคนมาจับตัวเด็กตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว”


หนึ่งวันผ่านไป เจียงผิงอันลืมตาขึ้น ความทรงจำก่อนหมดสติทำให้ความระแวดระวังพุ่งทะยานถึงขีดสุด


อยู่ในช่วงเวลาวิกฤตนาน ๆ ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา


ตอนนี้เด็กหนุ่มอยู่ในห้องนอนที่มีการตกแต่งแบบโบราณ ทุกอย่างโดยรอบถูกประดับประดาอย่างสวยงาม ห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นในชีวิต ต่างจากกระท่อมเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เขาเคยอยู่ลิบลับ


“ตื่นแล้วหรือ?”


ชายวัยกลางคนนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะ คนผู้นั้นมีเบ้าตาลึก รอยแผลเป็นยาวพาดผ่านใบหน้าที่เกิดจากคมดาบ ดูสง่างามน่ายำเกรง


ชายวัยกลางคนเงยหน้ามองไปที่เจียงผิงอัน “ข้าขอแนะนำตัวสักหน่อย ข้ามีนามว่าเมิ่งโค่ว เป็นแม่ทัพของอำเภอเหลียนซาน”


“อำเภอเหลียนซาน”


เจียงผิงอันสะดุ้งเล็กน้อย


อำเภอเหลียนซานอยู่ห่างจากอำเภอผิงสุ่ยไม่มาก อยู่ในเขตของแคว้นต้าเซี่ย


เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองแคว้นยังไม่เปิดศึก สองอำเภอไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด ต่อมาเมื่อสงครามปะทุขึ้น จึงขาดการติดต่อไป


นึกไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะเป็นแม่ทัพของอำเภอเหลียนซาน


เจียงผิงอันลูบถุงเก็บของที่ห้อยเอว


ยังอยู่! อีกฝ่ายไม่ได้เอาไป


เมิ่งโค่วเห็นท่าทางของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้พูดอะไร


“บาดแผลบนตัวเจ้า ผู้เฒ่าหลี่รักษาจนหายแล้ว ผู้เฒ่าหลี่ก็คือคนที่ช่วยเจ้าคนนั้น”


“ขอบคุณมากขอรับ”


เจียงผิงอันกล่าวขอบคุณ


หากไม่ใช่เพราะคนคนนั้นช่วยเขาไว้ ป่านนี้เขาคงตายไปนานแล้ว


เมิ่งโค่วรินชาให้เจียงผิงอันจอกหนึ่ง “ข้าขอพูดตรง ๆ พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลย ข้าอยากจะให้เจ้าเข้ามาอยู่ในกองทัพของข้า”


“ได้ขอรับ”


“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่ยอม...ฮะ?”


เมิ่งโค่วนิ่งไป คำพูดมากมายที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ถูกเก็บลงท้องอย่างกะทันหัน


อีกฝ่ายรับปากรวดเร็วง่ายดายถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก


เดิมทีเขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงลังเลใจ หรือไม่ก็อาจปฏิเสธเพราะไม่ชอบการถูกมัดมือชก หรืออาจต้องการเงื่อนไขที่ดีกว่า


ผลลัพธ์เช่นนี้… ทำให้เขารับมือไม่ถูกเลยทีเดียว


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว