บทที่ 18 นายกองขั้นหนึ่งสองนาย
เจียงผิงอันจัดหมวดหมู่สิ่งของทั้งหมดแล้วเก็บไว้อย่างดี
นอกจากอาวุธกับคัมภีร์แล้ว ยังมีโอสถอีกสองขวด
ขวดหนึ่งเขียนกำกับไว้ว่าโอสถรวมปราณ อีกขวดเขียนกำกับว่าโอสถสยบวิญญาณ
เขารู้จักโอสถสยบวิญญาณ เพราะไอ้แก่หยวนปินเคยให้เขากิน ทำให้ปราณวิญญาณในตัวหายไปสิ้น
แต่โอสถรวมปราณนี้คืออะไร?
เพราะความสงสัย เจียงผิงอันจึงเปิดขวดและลองดมดู
การทำเช่นนี้อันตรายมาก หากเป็นพิษร้ายแรง เขาอาจถึงแก่ความตายภายในไม่กี่ลมหายใจ
ทว่าเจียงผิงอันโชคดีมาก โอสถรวมปราณไม่ใช่ยาพิษ
เมื่อเขาสูดกลิ่นโอสถรวมปราณเข้าสู่ร่าง ปราณวิญญาณในกายเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งยังโคจรอย่างรวดเร็วอีกด้วย
เจียงผิงอันสะดุ้งในใจ
“หรือว่าสิ่งนี้จะเป็นยาที่สามารถเพิ่มระดับการฝึกตนให้รวดเร็วขึ้น?”
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่ามียาลักษณะนี้ แต่ไม่มีขายในอำเภอผิงสุ่ย
เจียงผิงอันเทยาใส่มือ ในขวดมีทั้งหมดสองเม็ด
โอสถรวมปราณมีสีขาวและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
เจียงผิงอันลองกินไปหนึ่งเม็ด
ครู่หนึ่ง ปราณวิญญาณในตัวก็เพิ่มสูงขึ้น และโคจรรวดเร็วกว่าเดิมถึงสามเท่า!
เจียงผิงอันรีบนั่งลงและใช้เคล็ดกำหนดลมหายใจทันที
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในหัวพลันได้ยินเสียงแตกร้าวสดใสกังวานดังออกมาจากภายใน ปราณวิญญาณโดยรอบมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลายโอนเอนจนเกิดเสียง
เจียงผิงอันลืมตาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ขอบเขตก่อปราณขั้นห้า!
โอสถรวมปราณเม็ดนี้เทียบได้กับหินวิญญาณสิบก้อน และที่สำคัญคือเขาสามารถเร่งการโคจรปราณวิญญาณในตัวให้เร็วขึ้นได้
ในสถานการณ์ปกติ เขาต้องใช้หินวิญญาณเกือบสี่สิบก้อนเป็นอย่างน้อย จึงสามารถบรรลุขอบเขตหนึ่งได้
ทว่า… ลำพังเพียงแค่โอสถรวมปราณเพียงเม็ดเดียวก็สามารถทำให้บรรลุได้แล้ว!
ประหยัดเวลาในการฝึกตั้งสามสี่วัน!
โลกทัศน์ของเจียงผิงอันมีสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง นั่นคือโอสถเป็นของดี
“ทางนั้นมีคลื่นพลัง หยวนปินอาจจะอยู่ที่นั่น!”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก เสียงร้องคำรามดังขึ้น
คนสองคนพุ่งโฉบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจียงผิงอันถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
การบรรลุขอบเขตอย่างกะทันหันทำให้ปราณวิญญาณพลุ่งพล่านจนเกิดเป็นคลื่นพลังให้คนอื่นจับสัมผัสได้
เจียงผิงอันรีบเก็บข้าวของหนีโดยเร็ว
แต่สองคนนั้นรวดเร็วกว่ามาก เพียงพริบตาเดียวก็ตามมาติด ๆ แล้ว
“ไอ้เด็กคนนั้นที่ท่านแม่ทัพต้องการตัว!”
“ฮ่า ๆ ตามหาจนรองเท้าเหล็กสึกก็หาไม่เจอ แต่กลับมาเจอโดยบังเอิญ!”
นายกองขั้นหนึ่งสองนายเห็นว่าเป็นเจียงผิงอัน ความปีติยินดีฉายชัดอยู่บนใบหน้า
เจ้าหนูนี่สังหารลูกชายของแม่ทัพสวีเทาเมื่อหลายวันก่อน หากเอาตัวกลับไปไม่ได้ ท่านแม่ทัพจะต้องไม่พอใจเป็นแน่
และเมื่อท่านแม่ทัพไม่พอใจ ต่อไปก็คงไม่แบ่งอะไรให้พวกเขาอีก
ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเจ้าเด็กนี่ขณะที่ตามล่าหยวนปิน! ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าเด็กนี่ยังฆ่าหยวนปินตายไปแล้ว!
ทหารสองนายสำเร็จวิชาเคล็ดปราณโลหิตขั้นสาม มีร่างกายแข็งแกร่ง สามารถพุ่งมาอยู่ข้างหลังเจียงผิงอันได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
เจียงผิงอันถ่ายทอดปราณโลหิตเข้าไปในดาบ จากนั้นฟันคนที่อยู่ข้าง ๆ ทันที
“รวดเร็วมาก! มิน่าเล่าถึงฆ่าสวีฮ่าวกับหยวนปินได้ แต่… ไร้ประโยชน์!”
นายกองขั้นหนึ่งตื่นตะลึงในกระบวนดาบที่รวดเร็วของเจียงผิงอัน แต่แน่นอน การโจมตีเช่นนี้ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
เขาหลบแล้วซัดหมัดสวนออกไป
โครม!
เกราะป้องกันบนตัวเจียงผิงอันแผ่หุ้มกาย แต่กลับโดนหมัดของอีกฝ่ายซัดจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
พลังของหยกคุ้มภัยยังไม่ได้รับการเติมเต็ม จึงไม่สามารถต้านพลังของพวกนายกองได้
แรงสะเทือนทำให้เจียงผิงอันกระเด็นชนต้นไม้จนหักติดต่อกันหลายต้น
ในใจของเจียงผิงอันเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง คนคนนี้แข็งแกร่งมาก ต้องสำเร็จเคล็ดปราณโลหิตขั้นสามแล้วเป็นแน่!
ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้ว พอหมุนตัวได้ เจียงผิงอันก็วิ่งหนีทันที
โครม!
นายกองขั้นหนึ่งนามหม่าหลินถีบหลังเจียงผิงอันเต็มแรง จนได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวดังชัดเจน
เลือดกระอักออกจากปากของเจียงผิงอัน ร่างกระแทกกับหินอย่างแรง
เด็กหนุ่มอยากจะลุกหนีจากสถานการณ์คับขันนี้ แต่บาดแผลสาหัสบนตัวทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้
แค่กระบวนท่าเดียว เขาก็หมดกำลังต่อสู้โดยสิ้นเชิง
เห็นทหารดุดันสองนายเผยสีหน้าฮึกเหิมเดินเข้ามาใกล้ เจียงผิงอันพลันรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง
ต่อให้เอาหยกคุ้มภัยทั้งหมดออกมา มากสุดก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาชั่วครู่เท่านั้น
ต่อหน้ายอดฝีมือ ไม่ว่าไพ่ตายแบบใดก็ล้วนไร้ประโยชน์
อ่อนเกินไป สู้ไม่ได้เลย
แต่… ต่อให้ต้องตาย ก็ขอฟันอีกฝ่ายสักสองสามรอบเถอะ!
“เจ้าหนู ทำให้พวกข้าต้องอยู่ในที่แบบนี้นานหลายวัน ข้าอยากจะกระทืบเจ้าให้ตายจริง ๆ เลย” หม่าหลินร้องด่าด้วยสีหน้าดุดัน
“อย่าวู่วามไป ท่านแม่ทัพต้องการจับเป็น” ทหารอีกนายเตือนสติ
“ข้ารู้ ขอหักขามันสักข้างก็พอใจแล้ว”
ขณะที่หม่าหลินกำลังยกเท้าขึ้น ฉับพลันนั้นกิ่งก้านของต้นไม้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เข้ามาพันตัวเจียงผิงอันและดึงตัวไปอย่างรวดเร็ว
นายทหารสองนายสีหน้าเปลี่ยนในทันใด ขณะที่กำลังจะตามไป ต้นไม้ขนาดใหญ่พากันถอนรากออกจากพื้น เรียงหน้ากระดานเข้ามาขวางทางคนทั้งสอง
“ใครกัน!”
พวกเขาชักดาบออกมาฟันต้นไม้ที่ขวางหน้าอย่างรวดเร็ว
“ยอดฝีมือที่แคว้นหลิงไถของพวกเจ้าไม่ต้องการ แคว้นต้าเซี่ยของพวกเราต้องการ!” เสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น
สีหน้าของทหารสองนายเปลี่ยนไปทันที
คนของแคว้นต้าเซี่ย!
จะปล่อยให้คนของแคว้นต้าเซี่ยเอาตัวเจ้าเด็กคนนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่!
ทั้งสองคนกวัดแกว่งดาบในมืออย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายต้นไม้ที่ขวางหน้า
ดาบของพวกเขาคมกริบมากกว่าดาบธรรมดา ทว่าต้นไม้รอบด้านพากันดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน ล้อมพวกเขาอยู่ตรงกลางราวกับปราการไม้หนาแน่น
เมื่อพวกเขาฟันต้นไม้จนหมด เจียงผิงอันก็หายไปแล้ว
ใบหน้าของทหารทั้งสองนายซีดเผือด
แย่แล้ว!
หม่าหลินพูดเสียงเครียด “เรื่องนี้จะให้ท่านแม่ทัพรู้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องบอกว่าไม่เจอตัวเจ้าเด็กคนนั้น”
“ทำตามที่เจ้าว่า” ทหารอีกนายเอ่ยอย่างเห็นด้วย
หากให้ท่านแม่ทัพรู้ว่าพวกเขาปล่อยเจ้าเด็กคนนั้นให้หนีไปได้ ทั้งยังหนีไปกับคนของแคว้นต้าเซี่ย ชีวิตของพวกเขาคงถึงคราวจบสิ้นแน่
ให้ตายสิ เพราะเหตุใดผู้ฝึกตนของแคว้นต้าเซี่ยจึงปรากฏตัวที่นี่!
ชายชราคนหนึ่งแบกร่างของเจียงผิงอันขึ้นหลัง ทะยานออกมาไกล
ชายชราเอื้อมมือเหี่ยวย่นออกมา ยื่นโอสถกลิ่นหอมเม็ดหนึ่งให้เจียงผิงอัน
“นี่คือโอสถรักษาบาดแผล กินแล้วนอนพักผ่อนสักครู่ เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่ช่วยเจ้าหรอก”
“ขอบคุณมากขอรับ”
เจียงผิงอันกล่าวขอบคุณด้วยเสียงอ่อนแรง แล้วกลืนโอสถเข้าไป อาการเจ็บปวดทำให้ร่างกายอ่อนล้าผล็อยหลับไป
ชายชรายกยิ้ม “เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ คนพวกนี้ช่างน่าไม่อายเสียเหลือเกิน ให้นายกองขั้นหนึ่งถึงสองคนมาจับตัวเด็กตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว”
หนึ่งวันผ่านไป เจียงผิงอันลืมตาขึ้น ความทรงจำก่อนหมดสติทำให้ความระแวดระวังพุ่งทะยานถึงขีดสุด
อยู่ในช่วงเวลาวิกฤตนาน ๆ ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้เด็กหนุ่มอยู่ในห้องนอนที่มีการตกแต่งแบบโบราณ ทุกอย่างโดยรอบถูกประดับประดาอย่างสวยงาม ห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นในชีวิต ต่างจากกระท่อมเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เขาเคยอยู่ลิบลับ
“ตื่นแล้วหรือ?”
ชายวัยกลางคนนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะ คนผู้นั้นมีเบ้าตาลึก รอยแผลเป็นยาวพาดผ่านใบหน้าที่เกิดจากคมดาบ ดูสง่างามน่ายำเกรง
ชายวัยกลางคนเงยหน้ามองไปที่เจียงผิงอัน “ข้าขอแนะนำตัวสักหน่อย ข้ามีนามว่าเมิ่งโค่ว เป็นแม่ทัพของอำเภอเหลียนซาน”
“อำเภอเหลียนซาน”
เจียงผิงอันสะดุ้งเล็กน้อย
อำเภอเหลียนซานอยู่ห่างจากอำเภอผิงสุ่ยไม่มาก อยู่ในเขตของแคว้นต้าเซี่ย
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองแคว้นยังไม่เปิดศึก สองอำเภอไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด ต่อมาเมื่อสงครามปะทุขึ้น จึงขาดการติดต่อไป
นึกไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะเป็นแม่ทัพของอำเภอเหลียนซาน
เจียงผิงอันลูบถุงเก็บของที่ห้อยเอว
ยังอยู่! อีกฝ่ายไม่ได้เอาไป
เมิ่งโค่วเห็นท่าทางของอีกฝ่าย แต่ไม่ได้พูดอะไร
“บาดแผลบนตัวเจ้า ผู้เฒ่าหลี่รักษาจนหายแล้ว ผู้เฒ่าหลี่ก็คือคนที่ช่วยเจ้าคนนั้น”
“ขอบคุณมากขอรับ”
เจียงผิงอันกล่าวขอบคุณ
หากไม่ใช่เพราะคนคนนั้นช่วยเขาไว้ ป่านนี้เขาคงตายไปนานแล้ว
เมิ่งโค่วรินชาให้เจียงผิงอันจอกหนึ่ง “ข้าขอพูดตรง ๆ พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลย ข้าอยากจะให้เจ้าเข้ามาอยู่ในกองทัพของข้า”
“ได้ขอรับ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่ยอม...ฮะ?”
เมิ่งโค่วนิ่งไป คำพูดมากมายที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ถูกเก็บลงท้องอย่างกะทันหัน
อีกฝ่ายรับปากรวดเร็วง่ายดายถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
เดิมทีเขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงลังเลใจ หรือไม่ก็อาจปฏิเสธเพราะไม่ชอบการถูกมัดมือชก หรืออาจต้องการเงื่อนไขที่ดีกว่า
ผลลัพธ์เช่นนี้… ทำให้เขารับมือไม่ถูกเลยทีเดียว
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว