เมื่อสุดยอดนักฆ่ามาเป็นหนุ่มออฟฟิศ-บทที่ 42 คุณชอบฉันใช่ไหม

โดย  สำนักยุทธ

เมื่อสุดยอดนักฆ่ามาเป็นหนุ่มออฟฟิศ

บทที่ 42 คุณชอบฉันใช่ไหม

บทที่ 8 เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน


อันโหรวพยักหน้า “ฉันรู้ดี เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”


“แม่คะ แม่กับป้าจือเสี่ยวกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ หน่วนหน่วนอยากฟังด้วย” อันหน่วนดึงชายเสื้อแม่ด้วยความน้อยใจ


“ป้าจือเสี่ยวกำลังชมว่าพี่ชายของลูกทำอาหารอร่อยมากเลย”


หลินจือเสี่ยวรีบตอบรับทันที “หยางหยางเก่งมากจริง ๆ เธอทำอาหารอร่อยกว่าป้าซะอีก ไว้คราวหน้าให้หยางหยางทำอาหารแทนป้าเลยดีไหม”


อันโหรวดึงแขนเธอ “ฉันจะใจร้ายยอมปล่อยให้ลูกชายลำบากได้ยังไง เธออย่าหวังว่าจะแอบขี้เกียจได้นะ”


“แหม ความรักของแม่ช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ ตกลง เพื่อเป็นการฉลองที่แม่โหรวโหรวได้เข้าทำงานที่บริษัทจิ่ง วันนี้พวกเราไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ ป้าจะเลี้ยงเอง!”


ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง


“หยางหยาง หน่วนหน่วน ป้าสั่งอาหารมาเยอะมาก ถึงแม้พวกเธอจะอยู่ที่อังกฤษนานขนาดนั้น แต่ยังไงอาหารจีนก็อร่อยที่สุด” หลินจือเสี่ยวเอ่ยพลางตักอาหารให้พวกเด็ก ๆ ไปด้วย


อันโหรวมองลูกสาวกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อหันไปมองลูกชายกลับต้องขมวดคิ้ว


“หยางหยาง ทำไมลูกไม่กินล่ะ หรืออาหารไม่ถูกปาก” เธอลูบไหล่ลูกชายเบา ๆ


“แม่ อาหารที่นี่อร่อยกว่าของที่ผมทำ ตอนนี้ผมกำลังวิเคราะห์มันอยู่ แม่อย่าเพิ่งรบกวนผมเลย”


หลินจือเสี่ยวมองอันหยางทำท่าครุ่นคิด จนหัวเราะออกมา “โหรวโหรว ลูกชายเธอนี่สุดยอดจริง ๆ ทั้งดูแผนที่ได้ วิเคราะห์เรื่องอาหารได้ ถ้าเขาโตอีกหน่อย วิชาทั้งสิบแปดศาสตร์เขาคงจะรู้หมดแน่ กลายเป็นอัจฉริยะในอนาคต น่าอิจฉาจริง ๆ”


“คุณป้า ต่อให้อิจฉายังไงก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้คุณคลอดเด็กสักคนเถอะ” อันหยางเงยหน้า ขมวดคิ้วน้อย ๆ ท่าทางจริงจังเหมือนใครบางคน


จังหวะหัวใจของหลินจือเสี่ยวกระตุกวูบ ก่อนเต้นตึกตักขึ้นเรื่อย ๆ


ให้ตายสิ พอถูกคุณจิ่งเวอร์ชันตัวน้อยมองแบบนี้ เธอขอพูดตามตรงได้หรือเปล่าว่าตัวเองกลัวสายตาแบบนี้มาก


“ว่าแต่ เธอรู้เรื่องคุณจิ่งจำใบหน้าคนไม่ค่อยได้หรือเปล่า แถมยังมีอาการแค่กับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย”


หลินจือเสี่ยวอึ้งไปสักพัก ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนสนิทถึงถามอย่างนี้ แต่ก็ตอบไปตามตรง “คุณจิ่งเก่งกาจในด้านอื่น ๆ มีแค่เรื่องจำหน้าผู้หญิงไม่ได้เท่านั้น พนักงานในบริษัทบางคนยังล้อกันเล่น ๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งคุณจิ่งจำหน้าภรรยาตัวเองไม่ได้ เขาจะทำยังไง”


“คงไม่ได้มีปัญหาหนักขนาดนั้นหรอก...” อันโหรวตกใจ ที่แท้เขาก็มีปัญหาแบบนี้ด้วย


“เธอยังไม่บอกฉันเลยว่าทำไมเธอต้องเปลี่ยนเสียงด้วย”


“แม่ไปเรียนกับนักร้องโอเปร่าชื่อดังมา เรื่องเปลี่ยนเสียงนี้ถือว่าง่ายมาก” อันหยางว่าขณะตักอาหารให้แม่


“ว้าว เธอเก่งจังเลย!”


อันโหรวยิ้มน้อย ๆ “ถ้าเธอฝึกฝน เธอก็สามารถทำได้ ไว้ว่าง ๆ แล้วฉันจะสอนให้ แต่คืนนี้เธอต้องให้รายชื่อของนางแบบกับฉัน”


“แม่ ตอนกินข้าวอย่าคุยเรื่องงานสิ” อันหยางบอกอย่างใส่ใจและจริงจัง


อันโหรวหัวเราะ พลางยกมือสองข้างขึ้นแสดงท่าทางยอมแพ้ เธอไม่มีทางสู้เจ้าลูกชายคนนี้ได้เลยจริง ๆ


“แม่ หนูรู้สึกไม่ดี” อันหน่วนพูดเสียงอู้อี้ อันโหรวเปลี่ยนสีหน้าทันที เธอรีบอุ้มลูกสาวเดินไปทางห้องน้ำ


หลินจือเสี่ยวมองอันหยางที่ยังคงจดจ้องเธอ ความประหม่าเกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ เด็กคนนี้จะเลิกมองเธอแบบนี้ได้ไหมนะ


ตั้งแต่ที่เธอคิดว่าอันหยางเหมือนคุณจิ่ง เธอก็รู้สึกหวาดเกรงเขาอยู่ตลอด


ส่วนอันโหรวเดินอุ้มลูกสาวไปห้องน้ำ อันหน่วนดิ้นไปมาในอ้อมกอด


ทุกครั้งที่ลูกสาวทำแบบนี้ เธอก็รู้แล้วว่าลูกสาวเริ่มอั้นไม่ไหว


“หน่วนหน่วน ห้องน้ำอยู่ข้างหน้าแล้ว ลูกอดทนอีกหน่อยนะ อย่าฉี่ใส่แม่ ตอนนี้ลูกห้าขวบแล้วด้วย”


อันหน่วนน้ำตาคลอเบ้า กัดริมฝีปากแน่น “แม่ หนูจะอดทน”


จังหวะที่เธอกำลังจะเลี้ยวตรงหัวมุมนั้นเอง จู่ ๆ กลับมีร่างสูงใหญ่โผล่มา อันโหรวยั้งเท้าไม่ทันจึงชนเข้าอย่างจัง ทว่าชายคนนั้นมีสัญชาตญาณที่ดี เขากอดเด็กหญิงในอ้อมแขนเธอไว้ได้ แรงปะทะไม่น้อยนี้ทำให้อันหน่วนเจ็บจมูก เธออดกลั้นต่อไปไม่ไหว ฉี่ราดไหลเป็นทางจนเปื้อนชุดสูทราคาแพงของผู้ชายคนนั้น


อันโหรวอ้าปากค้าง รีบขอโทษเขาโดยที่ยังไม่ทันได้มองหน้าให้ชัด “ขอโทษค่ะ ขอโทษจริง ๆ เด็กยังเล็กจึงอั้นไม่ไหว”


“อันอวี้หาน” เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยแรงดึงดูด


หลังได้ยินสุ้มเสียงของอีกฝ่าย เปลือกตาของอันโหรวพลันกระตุก รีบเงยหน้าขึ้นทันที


ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง...เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อีกทั้งอันหน่วนยังฉี่ใส่เขาจนเปื้อนเต็มตัวอีก!


โชคดีที่วันนี้เธอยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางและใช้น้ำเสียงแหบแห้งพูดอยู่


และยังโชคดียิ่งกว่าคือ คนที่เขาเห็นคืออันหน่วนไม่ใช่อันหยาง


“ลูกสาวคุณเหรอ” จิ่งเป่ยเฉินเพิ่งเอ่ยปากถาม อันหน่วนดิ้นไปมาในอ้อมแขนของเขา ก่อนเด็กหญิงตัวน้อยจะพูดอย่างน้อยใจ “คุณลุง หนูขอโทษ แม่อุ้มหนูหน่อย”


ชายหนุ่มเพียงแค่ถามไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่คิดว่าเด็กหญิงคนนี้จะเรียกเธอว่าแม่ ที่แท้เธอก็มีลูกแล้ว


ทั้ง ๆ ที่ดวงตาคู่นี้...จิ่งเป่ยเฉินเบนสายตาไม่มองตาเธออีก


“ขอโทษนะคะ คุณจิ่ง” อันโหรวแสดงสีหน้าเสียใจด้วยเสียงแหบแห้ง ยื่นมือทั้งสองออกไปหมายจะอุ้มอันหน่วนกลับมา


โชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเธอ


แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่มือของเธอกำลังเอื้อมถึงตัวอันหน่วน จิ่งเป่ยเฉินจะเบี่ยงตัวหลบ


“คุณแต่งงานแล้วเหรอ” เขาถามเสียงเย็น


เธอพยักหน้าทันที “แน่นอน ฉันแต่งงานแล้ว ลูกก็อายุห้าขวบ”


“สามีคุณเป็นชาวต่างชาติ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ใช้สายตาประเมินเธอไปมา


“ใช่” คำตอบนั้นเรียบง่ายและกระชับ เธออยากหลุดพ้นไปจากเขาโดยเร็วที่สุด ถ้าเขาเห็นอันหยางต้องไม่ดีแน่


“แม่ หนูไม่สบายตัว” เสียงของอันหน่วนขัดสถานการณ์อันน่าอึดอัด


ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินอุ้มเด็กหญิงลูกครึ่งไว้ในอ้อมแขน สีหน้าของเขาพลันชะงักงันก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เขาค้อมตัวนอบน้อม “คุณจิ่ง ทางนี้ครับ”


“ผมมีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อน” น้ำเสียงเรียบนิ่งของจิ่งเป่ยเฉินทำให้ชายวัยกลางคนตกใจอย่างมาก เขาพยายามอย่างยากเย็นกว่าจะเชิญชายหนุ่มมาได้ แต่อีกฝ่ายกลับจะออกไปกะทันหันเสียแล้ว


“คุณจิ่งครับ...” ชายวัยกลางคนเอ่ยราวกับกำลังอ้อนวอน


จิ่งเป่ยเฉินไม่แม้แต่จะมองเขา สาวเท้าเดินออกไปทันที


“คุณจิ่ง!” อันโหรวร้อนใจ เห็นเขายังอุ้มอันหน่วนไม่ยอมปล่อย จึงไม่สนใจเรื่องมารยาท ตะโกนเรียกเสียงดัง


“แม่” อันหน่วนตกใจเช่นกัน เธอดีดดิ้นเตะขาไปมาอยู่ในอ้อมกอดของจิ่งเป่ยเฉิน


“ฉันจะพาหนูไปเปลี่ยนชุด หนูไม่สบายตัวไม่ใช่เหรอ” คำพูดนี้ทำให้ท่าทีของอันหน่วนค่อย ๆ สงบลง


“หน่วนหน่วนอยากได้ชุดเจ้าหญิง”


“ได้”


อันโหรวไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน แต่เมื่อเห็นลูกสาวนิ่งสงบอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอก็ยิ่งร้อนใจ


สิ่งนี้คือความผูกพันทางสายเลือดใช่ไหม ต่อให้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวแท้ ๆ แต่ก็ยังอดใจให้เข้าใกล้ไม่ได้


“คุณจิ่ง คืนลูกให้ฉันค่ะ” อันโหรวรีบวิ่งตามหลังจิ่งเป่ยเฉินมาตลอดทาง ขาเขายาวมากทั้งยังเดินเร็วอีก พอเธอตามถึงตัวพวกเขาก็อยู่หน้าลิฟต์แล้ว


“ตอนนี้เด็กไม่สบายตัว ผมจะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” จิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็กดลิฟต์ทันที


เธอรีบตามเข้าไปด้านใน หลังจากเข้ามาแล้วจึงรู้ว่าลิฟต์นี้แปลกประหลาด เพราะภายในมีเพียงตัวเลขสิบแปดอยู่เพียงเลขเดียว


ลิฟต์ตัวนี้ตรงจากชั้นหนึ่งขึ้นไปถึงที่ชั้นสิบแปด นั่นหมายความว่ามันเป็นลิฟต์ส่วนตัวของใครบางคน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว