เมื่อสุดยอดนักฆ่ามาเป็นหนุ่มออฟฟิศ-บทที่ 11 ได้เวลาอาหารกลางวัน

โดย  สำนักยุทธ

เมื่อสุดยอดนักฆ่ามาเป็นหนุ่มออฟฟิศ

บทที่ 11 ได้เวลาอาหารกลางวัน

นางซุนชักสีหน้าใส่ลูกสะใภ้คนที่สาม ก่อนรับโก่วเอ๋อร์ไปอุ้ม แล้วจงใจกล่าววาจาเหน็บแนม “ไม่ต้องสนใจแม่เจ้า แม่เจ้าเป็นผู้หญิงสิ้นเปลือง!”

เหอจิ่วเหนียงเพียงยิ้มโดยไม่พูดอะไร

คนอื่นต่างขำขัน เพราะรู้สึกนิสัยใจคอของนางซุนดี นางหยูกล่าว “ท่าทางของน้องสะใภ้สามเมื่อครู่ข้าคิดว่าจะรับสองพี่น้องนั่นไว้จริง ๆ ซะแล้ว ตกใจแทบแย่!”

นางฉินพยักหน้าหงึกหงัก “นั่นสิ!”

“เหอะ หากนางกล้ารับไว้จริง ข้านี่แหละจะไล่นางออกไปเอง ช่างสร้างเรื่องเก่งนัก!”

นางซุนทำเสียงฮึดฮัด ก่อนพาเด็ก ๆ ไปทำกิจส่วนตัว

เหอจิ่วเหนียงหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นเอ่ย “ข้าจะจูงม้าออกไปเดินเล่น หาหญ้าให้มันกินสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”

ตั้งแต่ครอบครัวลู่มีม้า เหอจิ่วเหนียงก็รับหน้าที่เป็นคนจูงม้าออกไปผ่อนคลาย ดังนั้นจึงไม่มีใครทักท้วงอะไร

.

ที่นี่เป็นเส้นทางผ่านภูเขา เต็มไปด้วยหินและดิน แม้ม้าจะหากินเองได้แต่เหอจิ่วเหนียงก็มักจะหาสถานที่ลับตาคนแอบเอาอาหารม้าออกมาจากห้วงมิติให้พวกมันกิน กินเสร็จนางก็เอาน้ำสะอาดให้พวกมันดื่มอีกตัวละถัง ช่วงเวลามื้ออาหารของพวกมันเปรมปรีดิ์ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก

“แม้แต่มนุษย์ก็ยังมีความสุขได้ไม่เท่าม้า เฮ้อ∼”

เหอจิ่วเหนียงทอดถอนใจ ก่อนจะยกมือนวดศีรษะและไหล่ให้ผ่อนคลาย

ตั้งแต่ทะลุมิติมาอยู่ที่นี่จนถึงวันนี้นางยังไม่ได้อาบน้ำเลย ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้อาบน้ำเช่นกัน หากนับรวมแล้วน่าจะถึงหนึ่งเดือนได้กระมัง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก

หญิงสาวคิดว่าตนเป็นคนค่อนข้างรักสะอาดคนหนึ่ง ในทุกวันนางจะหาโอกาสตอนที่ทุกคนไม่สังเกตออกมาล้างหน้าล้างตา ส่วนคนอื่นไม่ต้องพูดถึง กลิ่นตัวโชยมาแต่ไกล

…หากที่นี่มีบ่อน้ำก็คงดี

หญิงสาวครุ่นคิดกับตัวเอง

ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็เกิดการยุบตัวเป็นบ่อขนาดใหญ่โดยไร้ซึ่งสุ้มเสียง จากนั้นก็ค่อย ๆ มีน้ำผุดออกมาจากก้นบึ้ง

ดวงตาของเหอจิ่วเหนียงเบิกกว้างด้วยความตกใจ

ห้วงมิติมีความสามารถเช่นนี้ด้วยหรือ!

นางรีบเดินเข้าไปดู พบว่าหลุมขนาดมหึมาตรงหน้าคือบ่อน้ำจริง ๆ! ที่สำคัญที่สุดคือ บ่อน้ำแห่งนี้ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเลย หากแต่ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาแห่งนี้มานานหลายล้านปีแล้ว

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวสตรีปราดเปรื่อง …หากให้ห้วงมิติช่วยเนรมิตผักป่าขึ้นตามริมบ่อจะได้หรือไม่นะ?

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้น ผักกาดน้ำก็งอกออกมารอบบ่อทันตาเห็น!

ผืนดินแห้งแล้งสีน้ำตาลในรัศมีขนาดกว้างรอบบ่อน้ำพลันกลายเป็นสีเขียวชอุ่ม เป็นภาพที่พลอยทำให้รู้สึกว่าความหวังถูกเติมเต็มอีกครั้ง

“ขอบคุณมาก! ขอบคุณมาก!”

เหอจิ่วเหนียงแทบกลั้นเสียงกรีดร้องเอาไว้ไม่ไหว รีบนำกริชออกมาตัดผักใส่ถุงใบใหญ่อย่างขันแข็ง จากนั้นก็วิ่งปราดไปบอกทุกคน

“ท่านแม่! ข้าเจอบ่อน้ำเล็ก ๆ อยู่ทางด้านโน้น มีน้ำเต็มบ่อเลย! น้ำสะอาดมาก สามารถใช้ดื่มได้ แถมริมบ่อยังมีผักป่าอีกด้วยเจ้าค่ะ!”

วาจาตื่นเต้นของสตรีมากฝีมือทำให้ทุกคนตะลึงพรึงเพริด และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือความดีใจอย่างถึงขีดสุด โดยปกติแล้วแหล่งน้ำมักจะพบได้ในหุบเขาลึก แต่สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่หุบเขาลึก เป็นเพียงเส้นทางตัดผ่านภูเขา และคาดว่าที่บ่อน้ำยังอยู่ยงมาจนถึงบัดนี้ได้คงเป็นเพราะมันอยู่ในที่ลับตาคน และเหอจิ่วเหนียงที่จูงม้าเดินเล่นไปเจอเข้าพอดี

“นี่มันผักกาดน้ำจริง ๆ ด้วย!”

ดวงตาของนางซุนทอประกาย เด็ดผักกาดน้ำขึ้นมาดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นน้ำตาแห่งความปีติก็หลั่งออกมาอย่างไม่อาจห้าม “นะ นี่มัน…นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นผักป่าต้นอวบใหญ่แบบนี้! ฮือ ๆ ๆ เจ้าดูสิ งามยิ่งนัก! หากพืชผลของพวกเราโตงามได้อย่างนี้ก็คงดี พวกเราคงไม่ต้องระหกระเหินหนีตายกันแบบนี้! ฮือ ๆ ๆ…”

คนอื่นต่างเข้ามามุงดู เมื่อได้ยินวาจาของนางซุนก็หวนนึกถึงสิ่งที่ตนประสบพบเจอตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ละคนน้ำตาพานคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว

เหอจิ่วเหนียงไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ผักกาดน้ำจะสามารถดึงอารมณ์ของทุกคนได้หลากหลายขนาดนี้ นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ไปกันเถอะ พวกเราเอาถังไปใส่น้ำอาบกันดีกว่า เกือบเดือนแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ ตัวเหม็นไปหมดแล้ว!”

“อาบน้ำอะไรของเจ้า?”

ได้ยินดังนั้นนางซุนก็ปาดน้ำตาแรง ๆ หยุดร้องไห้ทันที “เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่ารอบบ่อมีผักป่าเต็มไปหมด ทุกคนรีบเก็บผักกันก่อนเถอะ กินอิ่มแล้วค่อยว่ากัน!”

“ท่านแม่พูดถูก เรื่องกินสำคัญที่สุด!”

ลู่จิ้งซวนพยักหน้าเห็นด้วย และให้นางหยูกับนางฉินตั้งเตาเตรียมทำอาหารอยู่ที่นี่ ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวไปช่วยกันเก็บผักป่า

ครอบครัวอื่นก็ให้ตัวแทนหนึ่งคนอยู่ทำอาหาร ส่วนคนที่เหลือก็ไปตักน้ำ เก็บผักป่าเช่นกัน

จะว่าไปก็นานมากแล้วที่ผู้อพยพอย่างพวกเขาไม่ได้กินผักใบเขียวต้นใหญ่เช่นนี้ ในสถานการณ์ความเป็นความตายได้กินอิ่มท้องก็นับว่าดีมากแล้ว แต่ตอนนี้โชคหล่นทับเจอผักสดใหม่ที่สามารถนำไปปรุงอาหารได้ ทุกคนจึงตื้นตันใจอย่างมาก

หลังจากแห้งแล้งมานานจู่ ๆ ก็ได้เจอบ่อน้ำ อีกทั้งยังมีผักป่าเขียวขจีขึ้นอยู่รอบบ่อเต็มไปหมด แววตาของทุกคนทอประกายเต็มตื้น ต่างคนต่างตั้งใจทำงานของตนเองอย่างมุมานะ

แม้พวกเขาจะมีน้ำดื่มที่ได้มาจากรังโจรแต่ก็ไม่มีใครกล้าดื่มเยอะ โดยปกติแล้วเพียงแค่จิบเพื่อพอให้ริมฝีปากไม่แห้งเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับสามารถดื่มจนพุงกางได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถใช้ชำระร่างกายได้อีกด้วย!

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังขึ้นรอบบ่อ

หลังจากดื่มน้ำจนชื่นใจทุกคนก็เริ่มเก็บผักป่า ลู่จิ้งซวนยังคงประหลาดใจไม่หาย “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีบ่อน้ำอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าน้ำผุดออกมาได้อย่างไร รอบ ๆ นี้ก็ไม่มีแหล่งต้นน้ำ น้ำในบ่อนอกจากจะไม่แห้งเหือด ยังทำให้ดินโดยรอบชุ่มชื้นจนหล่อเลี้ยงผักเหล่านี้ได้!”

“นั่นน่ะสิ อัศจรรย์ยิ่งนัก!”

ใบหน้าของแต่ละคนประดับรอยยิ้มแห่งความสุข พวกเขารู้สึกว่าความหวังที่จะไปถึงอันโจวอย่างปลอดภัยแจ่มชัดขึ้นอีกขั้น

เหอจิ่วเหนียงนั่งยอง ๆ เก็บผักกับนางซุน “ท่านแม่ เดี๋ยวให้พี่สะใภ้ใหญ่ต้มผักนี่เป็นน้ำแกงนะเจ้าคะ มีประโยชน์ต่อร่างกาย”

นางซุนคว่ำปากและหันมองคนข้างกาย “เอาไปต้มเป็นน้ำแกงก็ขมน่ะสิ ขม ๆ แบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?”

“ท่านแม่ ข้าเคยได้ยินมาว่าผักกาดน้ำนำมาใช้เป็นยาได้ โดยเฉพาะในสภาพอากาศแบบนี้ ดื่มเข้าไปจะช่วยป้องกันการเกิดลมแดด อีกอย่างมันต้องต้มจนสุกถึงจะกินได้ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องดื่มนะเจ้าคะ!”

หากเป็นเมื่อก่อน นางซุนไม่มีทางเชื่อสะใภ้คนนี้เป็นแน่ แต่หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกันมาหลายวัน ลึก ๆ ในใจของหญิงชราก็เชื่อใจหญิงสาวไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้สึกว่าบางสิ่งที่นางบอกไม่ถูกต้องแต่ก็ยังรับปาก

คนจำนวนเกือบสามสิบคนช่วยกันเก็บผักป่า ไม่นานพืชสีเขียวรอบบ่อน้ำก็ถูกเก็บจนเกลี้ยง เหอจิ่วเหนียงย้ำเรื่องดื่มน้ำแกงอีกครั้ง ให้ทุกคนต้มแล้วดื่มน้ำใบผักกาดน้ำลงไป

แน่นอนว่าทุกคนทำตามที่นางบอก อย่างไรเสียเหอจิ่วเหนียงก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาออกมาจากความตาย

เด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วยู่ ถึงจะเด็กแต่พวกเขาก็รู้ว่าน้ำแกงที่ต้มมาจากผักกาดน้ำรสชาติแย่เพียงใด แต่ไม่มีใครกล้าขัดขืนอาสะใภ้สามผู้เก่งกาจ จึงทำได้เพียงกลั้นใจดื่มลงไป

.

หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหาร นางซุนลุกขึ้นยืน “เอาละ ทุกคนคงไม่ได้อาบน้ำล้างหน้าล้างตากันมาหลายวันแล้ว นานทีจะมีแอ่งน้ำเช่นนี้ ให้บรรดาแม่ ๆ อาบน้ำให้เด็ก ๆ ก่อน จากนั้นให้ผู้หญิงได้อาบ แล้วผู้ชายก็อาบทีหลัง”

การจัดระเบียบเช่นนี้สมเหตุสมผล ในขณะที่ผู้หญิงอาบ ให้ผู้ชายเป็นคนเฝ้ารอบ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผู้มีเจตนาร้าย

แต่อันที่จริงเส้นทางนี้นอกจากกลุ่มของพวกเขาก็ยังไม่พบคนกลุ่มอื่นเลย

ด้วยสภาพอากาศร้อนจัด ระหว่างที่ทุกคนกินข้าวกันแดดก็ส่องลงมาแผดเผาน้ำในบ่อจนอุ่นหมดแล้ว เด็ก ๆ ที่ผิวบอบบางจึงรู้สึกได้

เหอจิ่วเหนียงถอดเสื้อผ้าโก่วเอ๋อร์จนตัวเปลือย มือข้างหนึ่งจับตัวเขา มืออีกข้างใช้โคลนถูตัวให้เขาเพื่อเพิ่มความเย็น

แม้โก่วเอ๋อร์จะเดินยังไม่คล่องจึงไม่ค่อยได้ออกแรงแต่ก็เสียเหงื่อเช่นกัน ร่างกายสกปรกมอมแมมมาก เมื่อมารดาจำเป็นอาบน้ำให้เสร็จ เนื้อตัวของเด็กน้อยก็กลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง

ส่วนนางหยูและนางฉินก็ช่วยกันอาบน้ำให้ลูก ๆ ของตนเอง

ครอบครัวของบุตรชายคนโตตระกูลลู่มีบุตรสามคน บุตรคนโตก็คือ เหลยจื่อ คนรองเป็นบุตรสาวชื่อ ถิงยาโถว ส่วนคนสุดท้องก็เป็นบุตรสาวเช่นกัน ทุกคนมักเรียกนางว่า ซานยาโถว โตกว่าโก่วเอ๋อร์เพียงครึ่งปี

ส่วนครอบครัวบุตรชายคนรองมีบุตรสองคน บุตรคนโตคือ โยวยาโถว คนสุดท้องเป็นบุตรชาย ชื่อเจี๋ยเอ๋อร์ เพิ่งจะอายุห้าขวบ

ร่างกายของเด็กทั้งสองแข็งแรงกว่าโก่วเอ๋อร์มาก เดินทางไกลกับผู้ใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย หากเดินเหนื่อยแล้วผู้ใหญ่ถึงจะอุ้ม ไม่เหมือนโก่วเอ๋อร์ที่เหอจิ่วเหนียงต้องแบกไว้บนหลังตลอดทาง

.

.

.


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว