ถนนกว้างหลายสิบเมตร ซึ่งคดเคี้ยวไปมาราวกับมังกรยักษ์ตัดข้ามภูเขาสูง
ในตอนเย็น เสียงล้อรถที่หมุนช้าๆ ดังขึ้น ขบวนรถม้าสิบสองคันกำลังมาถึง บนรถม้าแต่ละคันบรรทุกกล่องไม้ขนาดใหญ่ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของขบวนมีผู้ฝึกยุทธ์มากกว่ายี่สิบคนทั้งชายฉกรรจ์และสตรี
"ทุกคนขอให้ทำงานหนักขึ้นอีกนิด ราวๆ สักครึ่งชั่วโมงเราจะสามารถไปถึง 'เมืองฟีนิกซ์' ที่อยู่ข้างหน้าแล้ว เมื่อไปถึงที่นั่นรางวัลทั้งหมดของทุกคนจะเพิ่มขึ้นอีก กึ่งหนึ่ง"
บนรถม้าด้านหน้า ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีหัวเราะออกมาเสียงดัง ๆ
"เยี่ยมเลย!"
ทันใดนั้นเสียงประสานรับคำก็ดังขนาบอยู่โดยรอบ พวกเขาทุกคนยิ้มแย้มกันถ้วนหน้า
เมืองฟีนิกซ์ที่เชิงเขาเฟิงหมิง ก็เป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนกลุ่มนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคนหรือคนหนุ่มสาวที่อยู่รอบ ๆ เมื่อเลิกหยอกล้อกันพวกเขาก็เหลือบมองเด็กหนุ่มผิวคล้ำที่ขี่ม้าอย่างเงียบๆ อยู่ในขบวนรถ
เด็กหนุ่มในชุดดำขี่ม้าอยู่ท้ายขบวน ร่างกายกำยำขับผิวที่มองเห็นมีสีเหมือนทองสัมฤทธิ์ เขาสวมหน้ากากสีเหลืองปิดบังใบหน้าไว้ โผล่พ้นออกมาเพียงปากจมูกและตาเท่านั้น อีกทั้งยังหลับตามาตลอดอย่างน้อยราวสิบชั่วโมงได้แล้ว
เด็กหนุ่มในชุดดำเป็นใครไปไม่ได้นอกจากถังฮวน!
หลังจากพักค้างแรมที่เมืองจันทร์เสี้ยวหนึ่งคืน ถังฮวนก็ซื้อม้า กระโจมและอาหารแห้งในเช้าวันรุ่งขึ้นแล้วออกจากเมืองไป
เขาไม่ได้วางแผนที่จะไปคนเดียว การเดินทางต้องใช้เวลาถึงสิบวันจากเมืองจันทร์เสี้ยวไปยังเมืองฟีนิกซ์ใต้เชิงภูเขาเฟิงหมิง ระหว่างทางต้องผ่านภูเขาและป่าไม้นับไม่ถ้วน ไม่มีเมืองให้หยุดพัก ระหว่างทางอาจเจอสัตว์ร้ายได้ตลอดเวลา การโจมตีนั้นอันตรายมาก
ในทางกลับกันการหาคนร่วมเดินทางไปด้วยจะปลอดภัยและสะดวกกว่ากันเยอะ
ทันทีที่มาถึงทางตอนเหนือของเมือง เขาก็พบกับขบวนนี้ ที่กำลังจัดหาผู้คุ้มกันและผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งต้องการผู้ที่มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับผู้ฝึกยุทธระดับสี่ หากเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่จะได้รับค่าตอบแทนหนึ่งร้อยเหรียญทอง เมื่อมาถึงเมืองฟีนิกซ์หากเป็นผู้ฝึกยุทธระดับห้าจะได้รับถึงสี่ร้อยเหรียญทอง
ถังฮวนที่เป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่จึงเข้าร่วมโดยไม่ลังเล
แม้ว่าหนึ่งร้อยเหรียญทองจะไม่มากนัก แต่ในการเดินทางนี้มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากติดตามมาด้วย ทั้งยังได้เงินอีก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ลองทำดู
ประมาณเที่ยง เมื่อคณะรวบรวมคนของพวกเขาได้แล้วจึงเริ่มออกเดินทาง
ในกลุ่มนั้นมีชายสิบสามคนซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่ และชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าคณะเป็นผู้ฝึกยุทธระดับห้า รับคัดเลือกทหารมายี่สิบสี่คน ในบรรดาพวกเขามีชายยี่สิบสามคนรวมทั้งถังฮวน พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่ทั้งสิ้น ยกเว้นชายหนุ่มที่ชื่อหยินเฟยซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธระดับห้า
ในวันแรกทุกคนมีความสุขดี พวกเขาเข้ากันได้ดีทีเดียว
วันถัดมาถังฮวนสังเกตเห็นว่าใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงสวมหน้ากากที่เตรียมไว้แล้ว อย่างไรก็ตามการกระทำของเขาทำให้ทุกคนค่อนข้างสงสัย แม้แต่ชายวัยกลางคนและคนอื่น ๆ ก็มองเขาด้วยความระแวงเล็กน้อย
ทว่าถังฮวนไม่สนใจ
ถ้าเขาไม่สวมหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันเกรงว่ามันจะทำให้คนอื่นสงสัยมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะแยกตัวออกไปคนเดียวสักพักในทุกๆ เย็น เพื่อหลอมอัญมณีให้เสี่ยวเป่า นั่นยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยในตัวเขามากยิ่งขึ้น
ยังไงก็ถูกสงสัยอยู่แล้ว ดังนั้นสวมหน้ากากไว้จะดีกว่า
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาพูดคุยกับถังฮวนอีก แต่ถังฮวนก็มีความสุขดีจากที่ได้ชำระล้าง 'พลังหยางบริสุทธิ์' อยู่ทุกๆ วัน แม้กระทั่งบนหลังม้า
ความร้อนของ 'พลังหยางบริสุทธิ์' นั้นยอดเยี่ยมมาก มันไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ "อัคคีพิสุทธิ์" ของเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มพลังปราณแท้ของเขาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ในสิบวันนี้ภายในจุดตันเถียนของถังฮวน วงล้อวิญญาณดวงที่สองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ถังฮวนคาดว่าหากเขายังคงฝึกฝนเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะใช้เวลาอย่างมากอีกสิบวัน วงล้อวิญญาณที่สองก็จะเสร็จสมบูรณ์ เขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธระดับห้า
ในเวลานั้นความร้อนของ 'พลังหยางบริสุทธิ์' แม้จะยังไม่ได้รับการกลั่น แต่ความร้อนที่เหลือก็เพียงพอที่จะหลอมรวมรอบวงล้อวิญญาณที่สามและกลายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับหกได้!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังฮวนรู้สึกซาบซึ้งซานซานอย่างมาก
“ตอนนี้นางจะออกจากเมืองนู่ลั่งไปรึยังนะ?”
ใบหน้างดงามไร้ที่ติของซานซานแวบเข้ามาในหัว ถังฮวนอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวในใจเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกวูบโหวงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
สำหรับผู้หญิงที่ลึกลับและงดงามคนนี้ ถังฮวนค่อนข้างรู้สึกหวั่นไหวกับนาง
ตอนที่กล่าวลา ถังฮวนอยากชวนนางมาที่ภูเขาเฟิงหมิงด้วยกันสักครั้ง แต่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ด้วยรู้สึกได้ว่าซานซานตั้งใจที่จะออกจากเมืองนู่ลั่ง แต่ไม่ได้ต้องการที่จะไปกับตน ถ้าพูดออกไปคงจะทำให้นางลำบากใจ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงจะดีกว่าถ้าจะแยกจากกันเช่นนั้น
ถังฮวนถอนหายใจเบา ๆ ระงับอารมณ์ที่เศร้าหมองในก้นบึ้งหัวใจ เหล่ตาและโคจร 'โอสถวิญญาณแห่งโชคชะตา' เต็มกำลัง
"อิ๋ง!" (ระวัง!)
เสียงแหลมเล็กน้อยๆ ดังขึ้นในทันใด
เสี่ยวเป่าตื่นแล้ว?
หลังจากตะลึงไปชั่วครู่ถังฮวนก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังชายหนุ่มคนหนึ่งเงียบ ๆ หลีกเลี่ยงสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นค่อยๆ เปิดกระเป๋าผ้าที่หน้าอกของเขาแต่ก็พบว่าเจ้าตัวเล็กยังคงนอนหลับอยู่ แค่ละเมอไม่หยุด
แม้ว่าเสียงเรียกของมันจะแผ่วเบาราวกับยุง แต่ถังฮวนก็สัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลของมัน
"เป็นไปได้ไหมว่าข้างหน้าจะมีอันตราย?"
ถังฮวนอดใจสั่นไม่ได้ หลังจากใช้เวลาหลายวันกับเสี่ยวเป่าก็ไม่ยากเลยที่จะเข้าใจความหมายในเสียงของเสี่ยวเป่า
"ข้าเข้าใจแล้ว นอนหลับให้สบายเถอะนะ"
ถังฮวนกระซิบเบา ๆ ยื่นฝ่ามือลึกเข้าไปในกระเป๋าผ้าแล้วลูบหัวมันเบา ๆ เสี่ยวเป่าเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงสงบลง แล้วนอนหลับต่อไป
หลังจากผ่านไปสิบวัน อัญมณีส่วนใหญ่ในกล่องไม้ถูกใช้จนเกือบหมดแล้ว
แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะยังไม่ลืมตา แต่เขาสีทองบนหัวมันก็สว่างขึ้น เห็นได้ชัดว่าได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาก มิฉะนั้นจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายในขณะที่นอนหลับสนิท แล้วแจ้งเตือนถังฮวนด้วยเสียงของมันได้
ถังฮวนเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ด้านหน้ามืดสลัวเล็กน้อย
"ในเมื่อรับเงินเขามาแล้ว ก็คงต้องปัดเป่าภัยพิบัติให้กับผู้อื่น"
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งถังฮวนก็ควบม้าไปข้างหน้าทันที
คนคุ้มกันจะได้ค่าตอบแทนมาแล้วครึ่งหนึ่งก่อนออกเดินทาง เมื่อได้รับคำเตือนจากเจ้าตัวเล็กมาแล้ว เขาก็ควรเตือนคนอื่นให้พวกเขาระมัดระวังมากขึ้นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
อย่างไรก็ตามการกระทำของเขาดึงดูดความสนใจอย่างมากในทันที
“น้องชายมีอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเห็นถังฮวนเข้ามา ชายวัยกลางคนก็ถามด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของเขาแสดงถึงความระแวดระวัง
“นายท่านตู๋ เราต้องระวังนะ เกรงว่าจะมีอันตรายอยู่ข้างหน้า”
ถังฮวนกล่าวช้าๆ
"อะไรนะ?...อันตรายเหรอ?"
ชายวัยกลางคนแซ่ตู๋คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แววตาดูเหมือนจะประชดประชัน แต่ก็ยังประสานมือกล่าว
"ถ้าเช่นนั้น ขอขอบคุณน้องชายสำหรับความปรารถนาดีของเจ้า"
-โปรดติดตามบทต่อไป-
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว