ชายาลูกอนุ-ตอนที่ 56 ไม่เห็นด้วย!

โดย  Camellianovel

ชายาลูกอนุ

ตอนที่ 56 ไม่เห็นด้วย!

เมื่อฮ่องเต้ตรัสเช่นนั้นเสิ่นอวิ๋นโยวจึงจำต้องกลั้นใจเอ่ยปาก สมองนางแล่นอย่างรวดเร็ว คิดว่าควรพูดเช่นไรถึงจะไม่ทำให้ฮ่องเต้ที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นองค์นี้ไม่ทรงกริ้วได้ เสิ่นอวิ๋นโยวก้มหน้าพลางเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ที่วันนี้หม่อมฉันเข้าวังมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเพราะหวังว่าฝ่าบาทจะทรงถอนราชโองการ ยกเลิกการแต่งงานระหว่างหม่อมฉันกับรุ่ยอ๋องด้วยเพคะ”

เสิ่นอวิ๋นโยวลองหยั่งเชิงเอ่ยไปประโยคหนึ่ง พอเห็นว่าฮ่องเต้มิได้มีปฏิกิริยาอันใดจึงพูดต่อไปว่า “หม่อมฉันไม่คู่ควรกับท่านอ๋องเพคะ และใจของท่านอ๋องก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ที่หม่อมฉัน ดังนั้นขอฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตาช่วยให้หม่อมฉันสมปรารถนาด้วยเถิดเพคะ!”

“อวิ๋นโยวเอ๋ย” อยู่ๆ ซือถูอี้อวิ๋นก็เรียกชื่อเสิ่นอวิ๋นโยว ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวตัวสั่นสะท้าน “เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำหรือไม่”

“เคยได้ยินเพคะ” เสิ่นอวิ๋นโยวเงยหน้าขึ้นสบตากับซือถูอี้อวิ๋นโดยที่เขาไม่ทันคาดคิด “แต่หม่อมฉันเห็นว่า ฮ่องเต้ทรงมีฐานะเป็นประมุขแห่งแคว้น จิตใจยิ่งใหญ่ รักใคร่ชาวประชา ทรงลำบากตรากตรำเพื่อให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่นนั้นแล้วความสุขของพระโอรสของตน จะมิใส่ใจได้อย่างไรเพคะ ฝ่าบาททรงหวังให้รุ่ยอ๋องมีชีวิตที่ดี หม่อมฉันเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นบิดาดีเพคะ แต่หากท่านอ๋องต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับหม่อมฉัน คงจะไม่มีวันมีความสุขนะเพคะ ดังนั้น... ทูลขอฝ่าบาทได้โปรดทรงพิจารณาด้วยเถิดเพคะ!”

ซือถูอี้อวิ๋นขมวดคิ้วมองเสิ่นอวิ๋นโยว เมื่อได้ยินที่เสิ่นอวิ๋นโยวเอ่ยจึงขยับพระวรกายเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับเจิ้น มิกลัวว่าเจิ้นจะตัดหัวเจ้าทิ้งหรือ”

“กลัวเพคะ แต่คำพูดบางคำ อวิ๋นโยวจำต้องเอ่ยกับฝ่าบาทเพคะ” เสิ่นอวิ๋นโยวกัดริมฝีปาก มองซือถูอี้อวิ๋นด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แล้วจึงหันไปมองซือถูรุ่ยที่อยู่ข้างกายด้วยสีหน้าลำบากใจ ซือถูอี้อวิ๋นเข้าใจความหมายของนางในทันที

ซือถูอี้อวิ๋นแย้มยิ้มเล็กน้อย โบกพระหัตถ์ให้ซือถูรุ่ยแล้วตรัสว่า “รุ่ยเอ๋อร์ เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”

“เสด็จพ่อ...” สิ่งที่ซือถูรุ่ยคิดจะพูด ถูกสายตาของซือถูอี้อวิ๋นขัดไว้เพียงเท่านั้น เขาถลึงตาดุ ให้เสิ่นอวิ๋นโยวทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ชายหนุ่มเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกห้องด้วยความร้อนรน

เมื่อซือถูรุ่ยออกไปแล้ว เสิ่นอวิ๋นโยวจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางอาศัยจังหวะนั้นเหลือบมองชายที่คุกเข่าอยู่กับพื้นมาตลอดทีหนึ่ง เสิ่นอวิ๋นโยวเห็นว่าฝ่าบาทยังไม่สั่งให้เขาลุกขึ้นเสียที คิดเพียงว่าเขาคงจะเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ จึงไม่ได้สนใจเขามากนัก “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันทราบว่าพระองค์ทรงกำลังกังวลเรื่องใดอยู่ แต่สิ่งที่หม่อมฉันอยากจะกล่าวก็คือ ของบางสิ่งยิ่งจับไว้แน่น ก็มีแต่จะยิ่งหายไปรวดเร็วเท่านั้น เรื่องระหว่างท่านอ๋องกับแม่นางฉู่คงเป็นหนามยอกอกในพระทัยของฝ่าบาทเป็นแน่ แต่ฝ่าบาทเพคะ แม่นางฉู่ผู้นี้สามารถทำให้ท่านอ๋องรักใคร่หลงใหลได้ถึงเพียงนี้ นั่นก็หมายความว่านางหาใช่สตรีธรรมดาไม่เพคะ พระองค์สามารถมีราชโองการสั่งประหารนางได้ ให้ท่านอ๋องไม่มีโอกาสได้พบหน้านางอีก ทว่าในใต้หล้านี้มีสตรีอยู่ตั้งมากมาย ฝ่าบาททรงมั่นพระทัยได้อย่างไรว่าจะไม่มีแม่นางฉู่อวี้คนที่สองคนที่สามโผล่ขึ้นมาอีกเพคะ โปรดอภัยที่หม่อมฉันต้องกล่าวเช่นนี้ หม่อมฉันเห็นว่าเรื่องนี้จะจัดการที่แม่นางฉู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ ฝ่ายสำคัญกว่าที่ต้องจัดการคือท่านอ๋องเพคะ พวกเราต้องทำให้ท่านอ๋องเห็นถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่แม่นางฉู่คิดอยากเข้าใกล้ท่านอ๋องและความรู้สึกแท้จริงที่นางมีต่อท่านอ๋อง อีกประการหนึ่งคือเรื่องฐานะที่เท่าเทียมกัน มิอาจทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายขายหน้าเพคะ”

สิ่งที่เสิ่นอวิ๋นโยวเอ่ยออกมาทำให้คนภายในห้องเงียบงันกันไปราวกับสิ้นชีพแล้ว ผ่านไปพักใหญ่ซือถูอี้อวิ๋นถึงกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง “ดังนั้นความเห็นที่เจ้าต้องการจะบอกเจิ้นคือสิ่งใด”

“ยกเลิกการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิขอปิดบังฝ่าบาท อันที่จริงท่านอ๋องได้ส่งหนังสือหย่าขาดมาที่จวนตระกูลเสิ่นของหม่อมฉันตั้งแต่วันมงคลสมรสแล้วเพคะ ท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อหม่อมฉันนั้นชัดเจนเสียยิ่งกว่ากระไร หากหม่อมฉันต้องแต่งงานเข้าจวนรุ่ยอ๋อง อยู่ข้างกายรุ่ยอ๋องไปตลอดจริงๆ มีแต่จะยิ่งทำให้ท่านอ๋องรู้สึกว่าหม่อมฉันน่ารังเกียจ ส่วนแม่นางฉู่ยิ่งเป็นที่น่าพึงใจ เรื่องมาถึงยามนี้แล้ว มิสู้ฝ่าบาททรงยกเลิกงานสมรสครั้งนี้ไปก่อน จากนั้นปล่อยให้ท่านอ๋องกับแม่นางฉู่ได้ไปมาหาสู่กัน หม่อมฉันกล้ารับประกันกับฝ่าบาทว่า อย่างมากไม่เกินหนึ่งปี ท่านอ๋องจะต้องหมดใจต่อแม่นางฉู่แน่นอนเพคะ”

“เจ้าจะใช้สิ่งใดมารับประกันกับเจิ้น”

“หม่อมฉันขอใช้ศีรษะของหม่อมฉันเป็นเดิมพันเพคะ”

คำยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจของเสิ่นอวิ๋นโยว ทำให้ซือถูอี้อวิ๋นมีประกายวาบผ่านดวงตา และทำให้ชายที่คุกเข่าอยู่กับพื้นผงะไปเล็กน้อยเช่นกัน

ซือถูอี้อวิ๋นใคร่ครวญอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งยังมองเสิ่นอวิ๋นโยวอีกพักใหญ่ ซือถูอี้อวิ๋นที่อ่านคนมานักต่อนักรู้ดีว่าตนเองไม่อาจเชื่อคำพูดของเด็กสาวเสิ่นอวิ๋นโยวผู้นี้ง่ายๆ ได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ยามนี้เขากลับรู้สึกอยากเชื่อนางขึ้นมา อย่างบอกไม่ถูก เป็นเพราะท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของนางอย่างนั้นหรือ ช่วงเวลาหนึ่งปีนั้นไม่ถือว่านานมากนัก หากสามารถทำให้รุ่ยเอ๋อร์หมดใจรักสตรีนางนั้นได้จริง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี...

สายตาของซือถูอี้อวิ๋นค่อยๆ เลื่อนจากเสิ่นอวิ๋นโยวไปยังชายที่คุกเข่าอยู่กับพื้น แววตาพลันเปลี่ยนไปทันที ส่งเสียงหึเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าเศษสวะ ลุกขึ้นมา!”

ชายคนนั้นได้ยินที่ซือถูอี้อวิ๋นเอ่ยจึงลุกขึ้นตามที่รับสั่ง แต่ด้วยเพราะคุกเข่านานเกินไป ขาทั้งสองข้างจึงคล้ายจะเป็นเหน็บชา เขาจึงลุกยืนได้อย่างโงนเงนเต็มที

เสิ่นอวิ๋นโยวเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของชายผู้นั้นอย่างรวดเร็วทีหนึ่ง ก่อนจะถูกคำพูดของซือถูอี้อวิ๋นดึงความสนใจไป

“เช่นนี้ก็ได้ เรื่องนี้เจิ้นจะทำตามที่เจ้าว่าแล้วกัน ภายในหนึ่งปี เจ้าจะต้องทำให้รุ่ยเอ๋อร์เลิกยุ่งกับสตรีที่ชื่อฉู่อวี้อะไรนั่นให้ได้ ทั้งยังจะต้องเลือกคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงมาให้เจิ้นพระราชทานสมรสให้เขาด้วย หากเจ้าทำไม่ได้ เจิ้นก็จะมาเอาศีรษะของเจ้า!”

“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ” เสิ่นอวิ๋นโยวก้มหน้าลงต่ำ แววตาเริ่มบ่งบอกถึงความไม่พอใจขึ้นมา ให้เวลาแค่หนึ่งปี... ใจของฮ่องเต้พระองค์นี้ช่างโลภมากเอาเรื่องเสียจริง!

เสิ่นอวิ๋นโยวบ่นซือถูอี้อวิ๋นกระปอดกระแปดอยู่ในใจ เดิมทีเรื่องนี้ควรจะจบลงที่ตรงนี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้กลับตรัสต่ออีกประโยคว่า

“ในเมื่อการแต่งงานระหว่างเจ้ากับรุ่ยเอ๋อร์ถือเป็นโมฆะไปแล้ว เช่นนั้นเจิ้นพระราชทานสมรสให้เจ้าอีกครั้งก็แล้วกัน เจ้าลองดูเศษสวะที่อยู่ข้างกายเจ้าดู เจ้าเห็นว่าเป็นเช่นไร”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว