ชายาลูกอนุ-ตอนที่ 47 ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ

โดย  Camellianovel

ชายาลูกอนุ

ตอนที่ 47 ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ

เสิ่นอวิ๋นโยวพอได้ยินฉู่อวี้บอกว่านางไม่ค่อยสบาย นัยน์ตาพลันมีประกายวาบผ่าน อาศัยจังหวะช่วงที่ซือถูหลิวอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไรกับฉู่อวี้ ก็รีบจับมืออีกฝ่ายแล้วลากออกจากห้องไปทันที

ซือถูหลิวอวิ๋นยืนอยู่หน้าประตูห้องฉู่อวี้ สีหน้าคล้ายไม่อยากเชื่อ นางแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยกับเสิ่นอวิ๋นโยวว่า “เหตุใดข้าถึงดูไม่ออกว่านางไม่สบายเลยเล่า เสแสร้ง! นางต้องเสแสร้งแกล้งทำแน่ๆ!”

“เสแสร้งก็ดี ไม่เสแสร้งก็ดี แต่สรุปแล้ววันนี้พวกเราไม่ต้องอยู่รับใช้นางแล้ว สำหรับหม่อมฉันแล้วล้วนถือเป็นเรื่องดีทั้งสิ้นเพคะ” เสิ่นอวิ๋นโยวระบายยิ้มเล็กน้อย เดินเคียงข้างกับซือถูอวิ๋นหลิวออกจากบ้านของฉู่อวี้ แล้วพากันเดินเรื่อยๆ ไปตามถนน

“อวิ๋นโยว เจ้าไปเป็นเพื่อนข้า...ที่ที่หนึ่งสิ...” อยู่ๆ ซือถูหลิวอวิ๋นก็หยุดเดิน แล้วเอ่ยปากอย่างลังเล เสิ่นอวิ๋นโยวเห็นสีหน้าท่าทางของนางแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ แต่เมื่อเดินเป็นเพื่อนองค์หญิงไปจนถึงจุดหมาย นางกลับชะงักงันไป และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

สถานที่ที่ซือถูหลิวอวิ๋นอยากมา คือจวนของเยี่ยจื่อเซวียน...

ซือถูหลิวอวิ๋นเคาะประตูใหญ่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่เมื่อไม่มีคนขานรับ จึงผลักประตูเบาๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน นางกวาดมองบรรยากาศโดยรอบ มองเรือนที่แห้งเหี่ยวและห้องหับที่ผุพัง ก็ทำปากยื่น สีหน้าเผยให้เห็นความเสียใจ

เสิ่นอวิ๋นโยวลอบสังเกตสีหน้าของซือถูหลิวอวิ๋น เดินตามเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วก็เป็นดังที่นางคิดไว้ เห็นเยี่ยจื่อเซวียนนอนหลับอยู่ที่เดียวกับตอนที่มาพบเขาเมื่อครั้งที่แล้ว

บนชายหนุ่มมีเสื้อคลุมตัวนอกสีขาวบางๆ คลุมอยู่ตัวเดียว เขานอนตะแคงอยู่บนเบาะใต้ต้นไม้ ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง นอนอย่างไร้ความระมัดระวังตัวอยู่อย่างนั้น รูปร่างด้านข้างดูสง่างาม มีประกายความอบอุ่นเรียบลื่นประหนึ่งก้อนหยก อยู่ใต้เงาไม้ที่ปกคลุมลงมา

เสิ่นอวิ๋นโยวเอียงคอพินิจมองเยี่ยจื่อเซวียน อันที่จริงรูปร่างหน้าตาชายหนุ่มนั้นถือว่าไม่เลว หากเทียบกับซือถูรุ่ยแล้วยังถือว่าดีกว่าอยู่หลายส่วน เพียงแต่ในเรื่องบุคลิกภาพนั้น นางเห็นถึงรัศมีจากตัวซือถูรุ่ยอย่างที่ผู้เป็นอ๋องควรมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด และสำหรับเยี่ยจื่อเซวียนนั้นแม้แต่ความมั่นใจและความเย่อหยิ่งที่ควรมีในบางครั้งอย่างคนทั่วไป นางก็ไม่เคยเห็นจากตัวเขามาก่อน

ในสายตาของเสิ่นอวิ๋นโยว เยี่ยจื่อเซวียนดูคล้ายตัวเม่นที่ขดตัวกลมอยู่มุมกำแพง ขอเพียงใครก็ตามที่ไม่กลัว ก็สามารถเข้าเตะเขาเล่นได้ทั้งสิ้น ทว่า...เข็มที่อยู่บนตัวเม่นนั้น เมื่อพุ่งเข้าใส่ศัตรูจนหมด จะเป็นเช่นไรหนอ

ซือถูหลิวอวิ๋นขมวดคิ้วเดินเข้าไปข้างกายเยี่ยจื่อเซวียน นางย่อตัวลงสะกิดไหล่คนที่นอนอยู่เบาๆ เขาสะดุ้งตื่น งัวเงียลืมตาขึ้นมองนางและเสิ่นอวิ๋นโยวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะอึ้งไปเล็กน้อยและถามว่า “พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“ท่านนอนอยู่ตรงนี่เช่นนี้ ประเดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอก” ซือถูหลิวอวิ๋นไม่ตอบคำถามชายหนุ่ม แต่กลับนึกเป็นห่วงสุขภาพอีกฝ่ายขึ้นมา นางมองผู้เป็นพี่ชายที่เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูดแล้วก็ลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่นัยน์ตามีแววผิดหวังปรากฏให้เห็น

ซือถูหลิวอวิ๋นฝืนยิ้มพลางลุกยืน แล้วนั่งลงข้างเยี่ยจื่อเซวียนด้วยสีหน้าไม่สนใจ นางเอ่ยต่อว่า “วันนี้ข้าอยู่ในวังแล้วรู้สึกเบื่อไม่มีอะไรทำ จึงแอบหนีออกมาเดินเล่นข้างนอก ก็เจอกับเสิ่นอวิ๋นโยวพอดี จึงให้นางมาเยี่ยมท่านเป็นเพื่อนข้า”

พูดจบ นางยังเหลือบมองเยี่ยจื่อเซวียนที่อยู่ข้างกายและเสิ่นอวิ๋นโยวด้วยสีหน้าอึกอัก แล้วถามเบาๆ ว่า “พวกท่านสองคน...ยังไม่รู้จักกันกระมัง”

“รู้จัก”

“ไม่รู้จัก”

เยี่ยจื่อเซวียนกับเสิ่นอวิ๋นโยวตอบกันไปคนละทาง ทำให้สีหน้าซือถูหลิวอวิ๋นดูจะงุนงงเล็กน้อย เสิ่นอวิ๋นโยวคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับเรื่องที่พวกตนรู้จักกัน

นางมองชายหนุ่มด้วยสายตานิ่งเรียบ ตอนที่เห็นมุมปากของเยี่ยจื่อเซวียนยกยิ้มขึ้นนั้น เสิ่นอวิ๋นโยวพลันรู้สึกว่า บางทีเยี่ยจื่อเซวียนผู้นี้อาจไม่ใช่คนอ่อนแอไม่เอาไหนเฉกเช่นภาพลักษณ์ภายนอก

“อวิ๋นโยว เจ้า...” ซือถูหลิวอวิ๋นเลื่อนสายตาไปมองเสิ่นอวิ๋นโยว เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“หม่อมฉันเพียงเคยพบหน้าท่านอ๋องสองครั้งเท่านั้น ไม่กล้าพูดว่ารู้จักกับท่านอ๋องเพคะ” เสิ่นอวิ๋นโยวอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเยี่ยจื่อเซวียนให้ซือถูหลิวอวิ๋นฟังอย่างตรงไปตรงมา พอเห็นว่าตอนที่ชายหนุ่มได้ยินตนเรียกขานเขาว่า ‘ท่านอ๋อง’ สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที เสิ่นอวิ๋นโยวจึงยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ

“คำว่าท่านอ๋องนี้ ผู้แซ่เยี่ยมิกล้ารับหรอก แม่นางเสิ่นเรียกชื่อข้าตรงๆ จะดีกว่า”

“พี่สาม ท่านอย่าเป็นเช่นนี้สิ” ซือถูหลิวอวิ๋นสังเกตเห็นถึงความไม่พอใจของเยี่ยจื่อเซวียน จึงรีบกอดแขนเขาไว้อย่างออดอ้อน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสนิทสนมว่า “ไว้ข้ากลับวังแล้วจะไปทูลขอความเห็นใจจากเสด็จพ่อ เมื่อก่อนท่านโปรดปรานพี่สามออกเพียงนั้น ยามนี้พระองค์ไม่มีทางไม่สนใจท่านเป็นแน่ เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานเพียงนี้แล้ว...”

“หลิวอวิ๋น” เยี่ยจื่อเซวียนได้ยินน้องสาวพูดนู่นพูดนี่ไม่หยุด ทั้งยังเริ่มจะเอ่ยถึงเรื่องในอดีต จึงรีบเอ่ยขัดนางทันที เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “เรื่องในอดีตเจ้าอย่าได้พูดถึงอีกเลย ข้าไม่อยากเป็นอ๋อง แล้วต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องมาที่นี่แล้ว หากฮ่องเต้ทรงทราบเข้า เดี๋ยวเจ้าจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”

คำพูดที่ไร้เยื่อใยของเยี่ยจื่อเซวียน ทำให้ซือถูหลิวอวิ๋นรู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันที เสิ่นอวิ๋นโยวที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยสังเกตพวกอากัปกิริยาของพวกเขาและคอยฟังพวกเขาสนทนากันอยู่เงียบๆ นางเริ่มอยากรู้เรื่องราวในอดีตของเยี่ยจื่อเซวียนขึ้นมาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว