ชายาลูกอนุ-ตอนที่ 42 เริ่มรับช่วงต่อกิจการตระกูลเสิ่น

โดย  Camellianovel

ชายาลูกอนุ

ตอนที่ 42 เริ่มรับช่วงต่อกิจการตระกูลเสิ่น

“ข้าน้อยรับบัญชาขอรับ”

ชายผู้นั้นก้มหน้ารับคำสั่งเงามืดอย่างนอบน้อม หลังจากเงามืดหายไปจากตรงหน้าเขาแล้ว ชายผู้นั้นถึงค่อยๆ เงยหน้ามองทางที่ผู้เป็นนายหายไปอย่างใช้ความคิด

เดิมทียังคิดว่าเสิ่นอวิ๋นโยวผู้นี้มีอะไรพิเศษ ถึงทำให้นายท่านสะกดรอยตามนางด้วยตนเองได้พักหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่ต่างจากที่ผ่านมา สุดท้ายนางก็หนีชะตาที่ต้องถูกกำจัดทิ้งไม่พ้นอยู่ดี

ชายคนนั้นยิ้มเยาะ หยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วจากไป หลังจากจัดการงานในมือเรียบร้อย เขาก็เตรียมพร้อมที่วันพรุ่งนี้จะไปจวนเสนาบดีเพื่อคอยจับตาดูพฤติกรรมทุกอย่างของเสิ่นอวิ๋นโยว

เสิ่นอวิ๋นโยวนอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียง นึกถึงประโยคสุดท้ายที่เงามืดพูดทิ้งไว้ก่อนไป นางกัดฟันแล้วกำหมัดแน่น ลอบด่าเยี่ยจื่อเซวียนว่าไม่เอาไหน และนางเองก็รู้ถึงสถานการณ์ของตนเองในยามนี้ชัดเจนขึ้น

นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้น จะต้องดูแลตนเองให้ได้ จะต้องมีความสามารถมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในตอนนี้เสียก่อน

หญิงสาวคิดแผนในช่วงต่อจากนี้ด้วยตาที่เป็นประกาย นางเอาความสำคัญทั้งหมดไปไว้กับเรื่องของเยี่ยจื่อเซวียน หากสามารถโน้มน้าวเยี่ยจื่อเซวียนให้มาเป็นพวกตนได้ เช่นนั้นพวกนางก็จะมีกันสองคนในการรับมือกับเงามืด อย่างไรก็ดีกว่าที่นางต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวมากนัก

เสิ่นอวิ๋นโยวนอนหลับด้วยความเหนื่อยหล้า วันต่อมาพอฟ้าสว่าง นางก็ถูกเสิ่นจื้อหย่วนเรียกให้ไปพบ

เมื่อมายืนอยู่หน้าผู้เป็นบิดา ไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก นางก็รีบชิงพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อเจ้าคะ สมุดบัญชีเหล่านั้น อีกเดี๋ยวข้าจะให้ซิ่วเอ๋อร์เอามาส่งให้ท่านเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ ไม่ต้องส่งมาแล้ว” เสิ่นจื้อหย่วนกวาดตามองบุตรสาวขึ้นลงรอบหนึ่ง แล้วเอ่ยสิ่งที่ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ช่วงนี้เรื่องสมุดบัญชีมอบหมายให้เจ้าดูแลไปก่อนก็แล้วกัน ระยะนี้งานราชการวุ่นวายนัก ข้าไม่มีแก่ใจเหลือไปไล่ตรวจสอบตามร้านค้าแล้ว ทุกเดือนหลังจากเจ้าทำบัญชีเสร็จค่อยส่งมาให้พ่อดูก็แล้วกัน จากนั้น...”

อยู่ๆ เสิ่นจื้อหย่วนก็หยุดพูดกะทันหัน มองนางด้วยสีหน้าไม่สู้ดีพลางเอ่ยสั่งว่า “เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ผู้ใดในบ้านรู้”

“อวิ๋นโยวเข้าใจเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่หากให้ลูกไปจัดการเรื่องที่ร้าน ลูกก็จำต้องใกล้ชิดกับหลงจู๊ทุกคน เรื่องนี้เกรงว่าอย่างไรก็คงปิดไม่อยู่ ช้าเร็วท่านแม่ใหญ่และท่านแม่รองก็ต้องรู้อยู่ดีนะเจ้าคะ”

“ให้วันนั้นมาถึงก่อนก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน!” เสิ่นจื้อหย่วนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หลังจากชี้แนะเรื่องที่ต้องระวังให้บุตรสาวรับรู้แล้ว เขาก็รีบร้อนออกไปประชุมราชการต่อทันที

เสิ่นอวิ๋นโยวมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของบิดา บนหน้าค่อยๆ มีรอยยิ้มสมใจอยากปรากฏขึ้น ในใจนางรู้ดีว่า ที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้หาใช่เพราะยินยอมพร้อมใจไม่ นางเป็นบุตรสาว ต่อให้เก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจรับช่วงสืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลเสิ่นได้ แต่ก็ต้องจนใจด้วยเพราะผู้สืบสกุลเพียงคนเดียวอย่างเสิ่นจิ่นอวี๋ แต่บุตรชายกลับเป็นคนไม่ค่อยเอาไหนเลย ผู้เป็นบิดาก็ยุ่งเกินไปจนจัดการเรื่องในตระกูลไม่ไหวถึงได้คิดวิธีนี้ออกมา เพราะถึงอย่างไรคนที่สามารถสืบหาว่าเงินหลายพันตำลึงหายไปที่ไหนในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีให้พบเห็นได้บ่อยนัก ส่วนหลังจากนี้ เกรงว่าเขาคงจะให้นางเข้าไปใกล้ชิดกับเสิ่นจิ่นอวี๋ จากนั้นก็ช่วยทำให้บุตรชายตนรับสิ่งเหล่านี้ต่อไป

ทว่านี่ก็เป็นไปตามที่เสิ่นอวิ๋นโยวต้องการพอดี นางเพียงคิดจะตักตวงจากตระกูลเสิ่นได้มากเท่าไรก็เท่านั้นอยู่แล้ว จากนั้นนางก็จะได้มองพวกเสิ่นอวิ๋นเชี่ยนกัดกันเองโดยที่ตนไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แล้วใช้โอกาสนั้นให้เมิ่งอวี่ชิงได้ขึ้นนั่งในตำแหน่งหลัก ให้มารดานางได้มีชีวิตที่ดีเท่านั้น ทรัพย์สมบัติที่พวกเขามีในตอนนี้นั้นนางไม่อยากได้หรอกและอยากได้ไม่ลงด้วย ยังไม่พูดถึงว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จหรือไม่ กับแค่ที่นางเข้าไปพัวพันกับเรื่องระหว่างเงามืดกับรุ่ยอ๋อง ก็ปวดหัวมากพอแล้ว

อยากเป็นแม่ค้าที่ทั้งตัวมีแต่กลิ่นทองแดง ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ ‘ขุนนาง’ ที่ต้องคอยกังวลอยู่ทุกลมหายใจว่าหัวจะหลุดออกจากบ่าเมื่อไร

เมื่อกลับไปถึงห้อง เสิ่นอวิ๋นโยวเก็บข้าวของเล็กน้อย แล้วเดินไปยังถนนอวิ๋นหลิ่วทันที เพื่อจะไปรับใช้แม่นางฉู่อวี้ผู้สูงศักดิ์

เสิ่นอวิ๋นโยวเอายาไปส่งให้คนต้มที่ห้องครัว แล้วก็เดินไปเคาะประตูห้องของฉู่อวี้ เมื่อได้ยินเสียงเกียจคร้านของฉู่อวี้ดังขึ้นว่า “เข้ามา” เสิ่นอวิ๋นโยวก็ผลักประตูเดินเข้าไป

“เชื่อฟังดีเหมือนกันนะ” เมื่อไม่มีซือถูรุ่ยอยู่ ท่าทางที่ฉู่อวี้ปฏิบัติต่อเสิ่นอวิ๋นโยวย่อมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฉู่อวี้ปรายตามองอีกฝ่าย มองชุดใหม่ที่นางใส่ด้วยสายตาเหยียดหยาม หัวเราะเยาะเล็กน้อยก่อนถามว่า “ไปเอายามาให้ข้าหรือยัง”

“ไปส่งให้ที่ห้องครัวต้มแล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางฉู่อวี้มีสิ่งใดต้องการให้อวิ๋นโยวทำอีกหรือไม่”

ฉู่อวี้คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำโดยไม่ต้องให้ตนสั่ง จึงอึ้งไปกับคำถามของนาง หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยเสียงเย็นว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า แล้วไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า!”

เสิ่นอวิ๋นโยวพยักหน้า เข้ามาช่วยฉู่อวี้เปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เดินอยู่ข้างกายฉู่อวี้ไปตามถนนในเมืองอันคึกคัก นางมองฉู่อวี้ซื้อโน่นซื้อนี่ประหนึ่งคนเพิ่งเคยรวย แล้วเอาทุกอย่างมาไว้ให้ตนถือ ในใจอดที่จะค่อนแคะไม่ได้ว่า เงินที่ตัวเองไม่ได้หามา ใช่แล้วสบายใจเชียวนะ!

“อ๊ะ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!”

เสิ่นอวิ๋นโยวมองหญิงสาวตรงหน้าที่ชี้มายังตนด้วยความตื่นเต้นยินดี พยายามระลึกความจำแล้วก็นึกออกว่าอีกฝ่ายคือใคร พอได้ยินที่นางเอ่ยทัก เสิ่นอวิ๋นโยวจึงอยากจะพูดคุยกับองค์หญิงองค์นี้สักหน่อย แต่กลับถูกฉู่อวี้ที่อยู่ด้านข้างขัดขึ้นเสียก่อน

“เจ้าเป็นใครกัน” ฉู่อวี้มองเด็กสาวที่พูดคุยกับเสิ่นอวิ๋นโยวด้วยท่าทางหยิ่งยะโส สองมือกอดอกพลางเอ่ยว่า “เพื่อนของคนปัญญาอ่อนหรือ ก็คนบ้าน่ะสิ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว