ชายาลูกอนุ-ตอนที่ 7 น้อมคารวะ

โดย  Camellianovel

ชายาลูกอนุ

ตอนที่ 7 น้อมคารวะ

“ไปพบรุ่ยอ๋องหรือเจ้าคะ!!”

เสิ่นอวิ๋นโยวพูดประโยคเดียว เล่นเอาซิ่วเอ๋อร์ถึงกับหายใจไม่ทันจนไอแค่กๆ ออกมาอย่างแรง ซิ่วเอ๋อร์ตบหน้าอกตนเองแรงๆ พยายามให้ตัวเองสงบลงให้มากที่สุด จากนั้นก็หันไปทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่เสิ่นอวิ๋นโวย เอ่ยเสียงเบากับผู้เป็นนายว่า “คุณหนู รุ่ยอ๋องไม่มีทางออกมาพบพวกเราหรอกเจ้าค่ะ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ แค่เรื่องที่ท่านก่อไว้ก่อนหน้านี้ กับความสัมพันธ์ที่ท่านอ๋องมีกับนายท่านในตอนนี้...”

“พอที ข้ามีวิธีของข้า ครั้งนี้ที่พวกเราจะไปจวนรุ่ยอ๋องก็เพื่อไปแก้ไขเรื่องระหว่างท่านอ๋องกับท่านพ่อ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด” เสิ่นอวิ๋นโยวตัดบทสาวใช้แล้วให้นางออกจากห้องด้วยตนเอง จากนั้นก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง ภายใต้แสงเทียนสลัว นางจับจ้องคนในกระจกไม่วางตา

มุมปากเสิ่นอวิ๋นโยวค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ยืดหลังตรงแล้วเดินกลับไปนอนหลับสนิทบนเตียง วันต่อมาขณะที่ฟ้าเพิ่งสาง เสิ่นอวิ๋นโยวก็ลุกจากเตียงแล้ว

เสิ่นอวิ๋นโยวเดินวนอยู่ในห้องสองรอบ เปิดตู้เสื้อผ้า มองเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีเพียงไม่กี่ชุดที่อยู่ด้านใน ก่อนจะเบ้ปากแล้วเลือกชุดหนึ่งมาสวม จากนั้นเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ผัดหน้าสองสามทีเสร็จก็นั่งรอการมาถึงของพายุที่โหมกระหน่ำเงียบๆ

ข่าวว่าตนยังไม่ตายนั้นน่ากลัวว่าคงกระจายไปทั่วทั้งจวนเสนาบดีแล้วกระมัง หากเป็นไปตามที่เสิ่นอวิ๋นโยวคาดไว้ วันนี้น่าจะได้พบบุคคลสำคัญส่วนใหญ่ในจวนเสนาบดีแห่งนี้ เสิ่นอวิ๋นโยวนึกถึงมารดาที่อ่อนแอไม่ได้ความของตนแล้วลอบกำหมัดแน่น

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เสิ่นอวิ๋นโยวข่มอารมณ์นั่งอยู่ภายในห้องจนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก นางถึงได้เรียกสติตนเองกลับมาพร้อมขยับนั่งตัวตรง

ซิ่วเอ๋อร์ผลักประตูเข้ามาพร้อมกาละมังล้างหน้า นางอ้าปากกำลังจะเรียกเสิ่นอวิ๋นโยวให้ตื่นนอนแต่กลับเห็นเจ้านายที่ประหนึ่งเป็นคนใหม่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตนแล้ว

ซิ่วเอ๋อร์ตกใจจนตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะ กาละมังล้างหน้าในมือหล่นลงบนพื้นห้องดังก้องทำลายความเงียบ น้ำอุ่นๆ หกรดกระโปรงของซิ่วเอ๋อร์จนเปียกไปหมดทันที และทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวยิ้มเย็นขึ้นทีหนึ่งเช่นกัน

เสิ่นอวิ๋นโยวนั่งมองสาวใช้เช็ดถูพื้นอยู่เงียบๆ แล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนเดินตรงไปหยุดตรงหน้าซิ่วเอ๋อร์

“คุณ คุณหนูเจ้าคะ” ซิ๋วเอ๋อร์มองสำรวจเสิ่นอวิ๋นโยวขึ้นลงรอบหนึ่ง นางลอบกลืนน้ำลายก่อนถามเสียงเบาว่า “ท่านคงหิวแล้วกระมัง ซิ่วเอ๋อร์จะไปยกอาหารเช้ามาให้ประเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”

“ถ้าต้องยกมาก็แล้วไปเถิด เจ้าพาข้าไปพบท่านพ่อที” เสิ่นอวิ๋นโยวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมเอ่ยสิ่งที่ทำให้ซิ่วเอ๋อร์ตกใจเหลือแสน

“นี่...” ซิ่วเอ๋อร์ก้มหน้า แอบเหลือบมองเสิ่นอวิ๋นโยวทีหนึ่ง เห็นเสิ่นอวิ๋นโยวมองนางอยู่ด้วยสายตาเรียบเฉย จึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คุณหนู ไม่ใช่ว่าซิ่วเอ๋อร์ไม่อยากพาคุณหนูไปนะเจ้าคะ เพียงแต่ เพียงแต่จวนเสนาบดีของเรามีกฎอยู่ว่า ไม่อนุญาตให้คุณหนูไปที่ห้องทานอาหารเจ้าค่ะ”

“เพราะเหตุใดกัน” เสิ่นอวิ๋นโยวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ นางหลุบตาลงอย่างใช้ความคิดก่อนเอ่ยถามต่อว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยก่อเรื่องอะไรไว้ที่นั่นหรือ”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเคยเอาน้ำแกงไก่ทั้งหมดเทใส่หัวฮูหยินรอง จนฮูหยินรองไม่กล้าออกไปที่ใดถึงหนึ่งเดือนเต็มๆเลยเจ้าค่ะ ดังนั้นนายท่านจึงสั่งไว้ว่า ไม่อนุญาตให้คุณหนูไปที่ห้องอาหารอีกเจ้าค่ะ” ซิ่วเอ๋อร์เล่า ‘เกียรติประวัติอันเลื่องลือ’ เมื่อก่อนให้เสิ่นอวิ๋นโยวฟังจบก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ตอนนี้คุณหนูไม่ใช่คนสติไม่สบประกอบแล้ว แต่ฐานะในจวนเสนาบดีแห่งนี้กลับยังไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้ด้วยเพราะเรื่องของรุ่ยอ๋อง นายท่านจะสั่งลงโทษคุณหนูหรือไม่...

ถูกน้ำแกงไก่รดหัวถึงกับนอนอยู่บนเตียงเป็นเดือนเลยหรือ ฮูหยินรองผู้นี้ออกจะบอบบางไปสักหน่อยแล้วกระมัง

เสิ่นอวิ๋นโยวเบ้บาก ลอบแขวะในใจเงียบๆ ยกมือขึ้นตบบ่าซิ่วเอ๋อร์พร้อมเอ่ยปลอบอีกฝ่ายว่า “วางใจเถิด พาข้าไปก็พอ หากเกิดปัญหาอะไรข้าจะรับผิดชอบเอง”

เสิ่นอวิ๋นโยวพูดจบก็บังคับให้ซิ่วเอ๋อร์พาตนไปที่ห้องอาหาร

เสิ่นอวิ๋นโยวหยุดยืนที่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อนเคาะประตูเบาๆ หลังจากได้ยินเสียงทุ่มต่ำดังว่า “เข้ามา” จากด้านในแล้ว เสิ่นอวิ๋นโยวก็ค่อยๆ ผลักประตูเปิดเข้าไปปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

เสิ่นอวิ๋นโยวค่อยๆ เดินเข้าไปภายในห้อง แล้วกวาดตามองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะก่อนหยุดมองที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง

เสิ่นอวิ๋นโยวค้อมกายลง อมยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “อวิ๋นโยวน้อมคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”

เสิ่นจื้อหย่วนตะลึงค้างจนทำตะเกียบหลุดมือ เขาเบิกตาโตจ้องมองมาทางหญิงสาวที่คล้ายจะคุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้า หน้า นางผัดหน้าเล็กน้อย ทาปากสีระเรื่อ นัยน์ตามีประกายสดใสกลิ้งกลอกไปมา รูปโฉมงดงามหาใดเปรียบ อาภรณ์สีเขียวอ่อน เส้นผมดำขลับดังน้ำหมึกสยายตัวปลิวไสวระย้าอยู่บริเวณบั้นเอว ใบหน้าที่ซีดขาวแต่หยาดเยิ้มพอจะมีส่วนคล้ายตนเองอยู่หลายส่วน

นางคือบุตรสาวที่สติไม่สบประกอบคนนั้น และน่าจะลงปรโลกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เสิ่นอวิ๋นโยวหรือ

เสิ่นจื้อหย่วนมองบุตรสาวนิ่ง เดิมทีเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับสิ่งที่เมิ่งอวี่ชิงบอกเล่าให้เขาฟัง เพราะถึงอย่างไรท่านหมอที่ตนเชิญมาก็พูดด้วยความมั่นใจว่า อวิ๋นโยวไร้ซึ่งทางรอดแล้ว แต่หญิงสาวที่ท่วงท่าสง่างามตรงหน้านี้คือบุตรสาวของตนอย่างไม่ต้องสงสัย หนำซ้ำนางยังดูไม่เหมือนคนปัญญาอ่อนอย่างเมื่อก่อน เสิ่นอวิ๋นโยวในตอนนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น

เสิ่นจื้อหย่วนหันไปมองเมิ่งอวี่ชิงด้วยความสงสัย ส่งสายตาถามอย่างไร้ซุ่มเสียงว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นไรกันแน่

“นายท่านเจ้าคะ” ซิ่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเสิ่นอวิ๋นโยว พอเห็นสีหน้างุนงงของเสิ่นจื้อหย่วนแล้วก็ทำใจกล้าก้าวขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง เอ่ยอย่างยินดีว่า “คุณหนูมีโชคหลังเคราะห์ร้าย ไม่ใช่คนปัญญาไม่สมประกอบแล้วเจ้าค่ะ!”

“ไม่ปัญญาไม่สมประกอบแล้วรึ” เสิ่นอวิ๋นซิ่วที่นั่งอยู่ที่โต๊ะมองเสิ่นอวิ๋นโยวอย่างมาดร้าย นางยิ้มเยาะพลางเอ่ยทวนสิ่งที่ซิ่วเอ๋อร์พูดก่อนจะแดกดันต่อว่า “เหตุใดข้าถึงไม่เชื่อเล่า คนที่เดิมทีลงไปนอนอยู่ในโลงแล้ว อยู่ๆ ก็กลับมีชีวิตขึ้นมา ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าว่าต่อให้นางไม่ปัญญาไม่สมประกอบ เช่นนั้นก็คงเป็นปีศาจ! ข้าไม่เชื่อคำที่คนข้างกายนังเด็กปัญญาไม่สมประกอบเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ!”

คำพูดของเสิ่นอวิ๋นซิ่วทำให้บรรยากาศภายในห้องเลวร้ายลงโดยพลัน เสิ่นอวิ๋นโยวอมยิ้มมองไปทางเสิ่นอวิ๋นซิ่ว แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ประสานสายตากับเสิ่นอวิ๋นซิ่วแล้วพูดเปลี่ยนเรื่องว่า “ดูเหมือนใบหน้าของท่านพี่จะบวมอยู่เล็กน้อย ไม่ทราบว่าเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทหรืออย่างไร”

“เจ้า!” เสิ่นอวิ๋นซิ่วตบโต๊ะพลางผุดลุกขึ้น ชี้หน้าเสิ่นอวิ๋นโยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่พูดถึงเรื่องนี้ยังไม่เท่าไร แต่เมื่อพูดขึ้นมาแล้วเสิ่นอวิ๋นซิ่วก็พลันมีน้ำโหขึ้นมาในทันที! เมื่อคืนนางถูกเสิ่นอวิ๋นโยวตบหน้าให้ฉาดหนึ่ง ทำให้เสิ่นอวิ๋นซิ่วนอนไม่หลับไปทั้งคืน แล้วตอนนี้นางยังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องนี้กับตนอีกหรือ!

“นี่มันอะไรกัน!” เสิ่นจื้อหย่วนตะคอกดุเสียงดัง หยุดเสิ่นอวิ๋นซิ่วที่กำลังสาวเท้าเดินเข้าไปหาเสิ่นอวิ๋นโยว ตาคมดุมองไปยังเสิ่นอวิ๋นซิ่วที่เตรียมจะลงมือพร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “ในสายตาเจ้ายังมีพ่อคนนี้อยู่หรือไม่!”

“นายท่านอย่าได้โกรธเคืองเลยเจ้าค่ะ เป็นเพียงเรื่องทะเลาะกันของเด็กๆ เท่านั้น เหตุใดท่านต้องถือเป็นจริงเป็นจังด้วยล่ะเจ้าคะ!” เมื่อเห็นเสิ่นจื้อหย่วนมีโทสะ ฮูหยินใหญ่ เซวียหลันเจินที่นั่งอยู่ข้างเสิ่นจื้อหย่วนก็รีบเอ่ยปลอบเสียงหวานทันที “อวิ๋นโยวไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ตอนนี้ปัญหาที่เราควรรีบแก้ให้เร็วที่สุดคือจะอธิบายต่อรุ่ยอ๋องกับฮ่องเต้อย่างไร ในเมื่ออวิ๋นโยวก็หายดีแล้ว เช่นนั้นสู้พวกเรา...”

“เป็นหน้าที่ของสตรีในเรือนเช่นเจ้าตั้งแต่เมื่อใดที่ต้องมาช่วยข้าวางแผนสั่งการ” เสิ่นจื้อหย่วนปรายตามองเซวียหลันเจินทีหนึ่งพร้อมตัดบทนาง เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องอาหารไป ทิ้งให้คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว