น้ำเสียงที่ฉู่อวี้พูดกับซือถูหลิวอวิ๋น ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวอึ้งไปเลยทีเดียว เหงื่อนางแตกพลั่กอย่างไม่อาจควบคุม ดูจากการแต่งกายของซือถูหลิวอวิ๋นและข้างกายไร้คนคอยติดตามแล้ว แปดเก้าสิบส่วนจะต้องเป็นการลอบหนีออกจากวังมาคนเดียวอย่างแน่นอน
เสิ่นอวิ๋นโยวยืนอยู่กับที่อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เห็นสายตาซือถูหลิวอวิ๋นที่ลอบส่งมาให้ว่าไม่ให้ตนพูดอะไร นางพลันสังหรณ์ใจว่าเรื่องราวจะต้องไปกันใหญ่แน่แล้ว
“ข้าเป็นเพื่อนของอวิ๋นโยว แต่หาใช่คนบ้าอย่างที่เจ้าพูดไม่” ซือถูหลิวอวิ๋นปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มพูดกับฉู่อวี้ ในใจมีความประทับใจที่เลวร้ายต่อฉู่อวี้ทันที ก่อนหน้านี้นางนึกสงสัยมาตลอดว่าสตรีที่ทำให้พี่หกลุ่มหลงหัวปักหัวปำนั้น แท้จริงแล้วมีนิสัยเช่นไร แต่ก็จนใจด้วยเพราะพี่หกไม่เคยยอมให้ผู้ใดได้พบกับฉู่อวี้เลย ดังนั้นนางจึงไม่เคยได้มีปฏิสัมพันธ์กับฉู่อวี้มาก่อน เพียงแค่เคยแอบมองอยู่สองครั้งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าวันนี้ที่ออกมานอกวังพอดี จึงทำให้นงได้เห็นสมประสงค์เสียที
ซือถูหลิวอวิ๋นมองข้าวของมากมายที่เสิ่นอวิ๋นโยวหอบหิ้วอยู่ก็ถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนเป็นฝ่ายเข้าไปหยิบของบางส่วนมาช่วยถือแล้วเอ่ยว่า “ข้าช่วยเจ้าก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้” เสิ่นอวิ๋นโยวรีบส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจของซือถูหลิวอวิ๋น จะให้องค์หญิงช่วยนางถือของได้อย่างไร นางยังไม่ถึงขั้นเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่สักหน่อย!
“คนกันเองทั้งนั้น จะเกรงใจไปไย” คำพูดที่ซือถูหลิวอวิ๋นเอ่ยออกมา ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวงงงวยไปทันที และทำให้ฉู่อวี้พ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยเช่นกัน
“ช่างเป็นคนกันเองที่ดีจริงๆ ในเมื่อเจ้ากับอวิ๋นโยวเป็นคนกันเอง เช่นนั้นก็เดินซื้อของเป็นเพื่อนข้าก็แล้วกัน” ฉู่อวี้ตอบรับการเสนอตัวเข้ามาเป็นสาวใช้ของซือถูหลิวอวิ๋นอย่างไม่เกรงใจ การได้เรียกใช้และกลั่นแกล้งเสิ่นอวิ๋นโยวทำให้นางอารมณ์ดียิ่ง และทำให้นางไม่มีแก่ใจไปคิดว่าสตรีที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นนั้น แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่
เสิ่นอวิ๋นโยวมององค์หญิงที่มาร่วมรับชะตากรรมกับตนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จึงส่งยิ้มอย่างประทานโทษให้ซือถูหลิวอวิ๋น แล้วทำท่าบอกให้อีกฝ่ายเอาของในมือมาให้ตน
ซือถูหลิวอวิ๋นเห็นท่าทางของเสิ่นอวิ๋นโยวก็ส่ายหน้าเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเดินตามหลังเสิ่นอวิ๋นโยวกับฉู่อวี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฉู่อวี้เดินเล่นจนพอใจและรู้สึกเหนื่อยแล้ว ถึงได้พากันกลับไปยังถนนอวิ๋นหลิ่ว
เสิ่นอวิ๋นโยวกับซือถูหลิวอวิ๋นช่วยกันส่งฉู่อวี้กลับเรือน ทั้งยังถูกฉู่อวี้พูดจาเยาะหยันอีกคำรบใหญ่ถึงได้ปล่อยให้พวกนางกลับไป ซือถูกหลิวอวิ๋นนวดบ่าที่ปวดหนึบ ฝืนกลั้นความไม่พอใจและความโกรธที่มีต่อฉู่อวี้เอาไว้ แล้วหันไปพูดกับเสิ่นอวิ๋นโยวว่า “ต่อไปไม่ต้องไปหานางแล้ว ข้าจะไปพูดกับพี่หกเอง”
“ขอบพระคุณในน้ำใจขององค์หญิงเพคะ เพียงแต่เรื่องนี้...” เสิ่นอวิ๋นโยวถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า “องค์หญิงอย่าได้เอ่ยกับท่านอ๋องเลยจะดีกว่าเพคะ”
“เพราะเหตุใด!” ซือถูหลิวอวิ๋นได้ยินเสิ่นอวิ๋นโยวพูดเช่นนี้ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที “ฉู่อวี้ผู้นั้นมีอะไรดีกัน เจ้าไม่ต้องกลัว! เรื่องนี้องค์หญิงอย่างข้าจะให้ท้ายเจ้าเอง!”
“ต่อให้นางมีข้อเสียเป็นพันเป็นหมื่นข้อ แต่ในสายตาของท่านอ๋องนางคือฉู่อวี้ที่ไม่มีผู้ใดเข้ามาแทนที่ได้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าผู้ใดก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อฉู่อวี้ องค์หญิงน่าจะทราบดีกว่าหม่อมฉันนะเพคะ แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้ท่านอ๋องเปลี่ยนใจได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับท่านเล่า อย่าให้เรื่องนี้กระทบถึงความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างท่านกับท่านอ๋องเลยเพคะ”
ซือถูหลิวอวิ๋นตั้งใจฟังสิ่งที่เสิ่นอวิ๋นโยวเอ่ย ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางพยักหน้า พอพี่หกได้ยินผู้อื่นพูดถึงฉู่อวี้ในทางที่ไม่ดีหน่อย เป็นต้องโวยวายว่านางไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนั้นเสมอ เพียงแต่ฉู่อวี้ที่หยิ่งผยองผู้นี้ ถึงขั้นกล้าใช้งานตนให้ไปนั่นไปนี่ แค้นนี้จะชำระคืนเช่นไรดี!
ซือถูหลิวอวิ๋นสะบัดแขนที่เมื่อยหล้า ลอบคิดในใจว่าจะต้องหาโอกาสให้ฉู่อวี้ผู้นี้ได้เห็นดีกันบ้าง! นางถอนหายใจหนักๆ มองเสิ่นอวิ๋นโยวที่กำลังยิ้มน้อยๆ แล้วก็ได้พบว่ารูปโฉมของอวิ๋นโยวไม่ได้ด้อยไปกว่าฉู่อวี้เลยจนนิดเดียว เหตุใดพี่หกถึงไม่ถูกใจนางนะ
เสิ่นอวิ๋นโยวเดินตามซือถูหลิวอวิ๋นไปเงียบๆ อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งบังเอิญได้พบกับเยี่ยจื่อเซวียนที่กำลังเดินสวนมา เสิ่นอวิ๋นโยวกับซือถูหลิวอวิ๋นถึงได้หยุดลง
เยี่ยจื่อเซวียนพอเห็นซือถูหลิวอวิ๋นกับเสิ่นอวิ๋นโยวก็หันไปพยักหน้าให้ซือถูหลิวอวิ๋น พลางเอ่ยเสียงต่ำว่า “เยี่ยจื่อเซวียนคารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่สาม...” ซือถูหลิวอวิ๋นกัดริมฝีปาก มองเยี่ยจื่อเซวียนที่โค้งตัวย่อเข่าให้ตนด้วยตาที่เป็นประกาย รอยยิ้มบนใบหน้านางพลันมลายหายไป เอ่ยด้วยความเสียใจว่า “พวกเราไม่ได้พบหน้ากันนานแล้วนะเจ้าคะ”
เสิ่นอวิ๋นโยวยืนอยู่ข้างๆ มองการกระทำระหว่างทั้งสองคนด้วยสีหน้าประหลาดใจ ที่แท้เยี่ยจือเซวียนผู้นี้เป็นถึงองค์ชายสาม ว่ากันตามชั้นอาวุโสแล้ว รุ่ยอ๋องยังต้องเรียกเขาว่าพี่สามอีกด้วย
“วันหน้าหากมีโอกาส จื่อเซวียนจะต้องเข้าวังไปพบองค์หญิงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยจื่อเซวียนยิ้มอย่างมีมารยาทพลางตอบรับซือถูหลิวอวิ๋น เขาไม่ได้สนใจสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของหญิงสาว หลังจากพูดคุยกันสามสี่ประโยคแล้วก็หาข้ออ้างปลีกตัวไปทันที
ซือถูหลิวอวิ๋นมองแผ่นหลังเยี่ยจื่อเซวียนที่เดินจากไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่นาน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวนึกสงสัยยิ่งนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงน้อยองค์นี้กับเยี่ยจื่อเซวียน องค์หญิงเป็นพวกเดียวกับรุ่ยอ๋อง จึงไม่ควรมีความเกี่ยวข้องใดกับเยี่ยจื่อเซวียนถึงจะถูก แต่สีหน้าที่องค์หญิงมองเยี่ยจื่อเซวียน เหตุใดถึงดูสนิทสนมกว่าพี่หกของนางมากนะ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว