วิมานสอยดาว [Heaven]-บทนำ 1 [100%]

โดย  NujanC

วิมานสอยดาว [Heaven]

บทนำ 1 [100%]

“บอกแล้วว่าที่นี่น่ะเจ๋ง” ฉันเอ่ยขึ้นตอนที่พาเพื่อนสาวสุดเปรี้ยวอย่างยัยขมเข้ามาในผับใต้ดินที่ฉันชอบมาบ่อยๆ ตอนแรกมันก็อิดออดเหมือนไม่อยากจะมาด้วย แต่พอบอกว่าที่นี่มีแต่ผู้ชายแซ่บๆ เท่านั้นแหละยัยเพื่อนตัวดีก็รีบกลับลำทันที... ไม่ค่อยบ้าผู้ชายเท่าไหร่เลยเพื่อนฉัน

ส่วนเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก... มันเหมือนได้ปลดปล่อยน่ะ ฉันชอบบรรยากาศดิบๆ การได้มองผู้คนที่เต้นอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางเสียงเพลงบีตหนักมันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย อาจจะฟังดูแปลกๆ ไปหน่อย... แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ

“ยัยโม... ดูผู้ชายคนนั้นดิแก อย่างแซ่บอ่ะ” เสียงยัยขมดังขึ้นด้วยความระริกระรี้ตอนที่เราทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวทีไลฟ์สดมากนัก... เอาเป็นว่าที่ตรงนี้มันวิวดีที่สุดแล้ว

อันที่จริงฉันเองก็ไม่เคยดูไลฟ์สดของผับนี้มาก่อน เคยได้ยินว่านักร้องและนักดนตรีของที่นี่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันในหมู่คนกลางคืน แต่ฉันเองก็ไม่เคยได้ดูการแสดงของพวกเขาเลยสักครั้งเพราะคนมันเยอะมาก ฉันขี้เกียจเข้าไปเบียดเสียดกับใครน่ะ... มันน่ารำคาญจะตายไป

“ว่าแต่วันนี้วงอะไรนั่นมาแน่หรอ ทำไมคนน้อยจัง” ยัยขมถามขึ้นหลังจากที่เลิกส่งสายตาหวานเยิ้มให้ผู้ชายโต๊ะข้างๆ แล้ว ให้ตายเถอะ... ฉันให้มันมานั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันนะ

“ไม่รู้สิ ปกติวันธรรมดาแบบนี้พวกนั้นไม่ค่อยมาหรอก สงสัยวันนี้ผับคงจัดเซอร์ไพรส์อะไรล่ะมั้ง” ฉันตอบไปเท่าที่รู้ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานในร้านที่เดินเข้ามาพอดี

หลังจากนั้นฉันและขมก็นั่งดื่มกันไปสักพักใหญ่ๆ พอดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ มันก็เริ่มอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมา

“ขม ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ไปเปล่า” ฉันสะกิดยัยเพื่อนสาวที่นั่งส่งสายตาหวานเยิ้มให้ผู้ชายโต๊ะข้างๆ ไม่หยุด ดูก็รู้แล้วว่าคำตอบของมันคืออะไร

“ไม่ไปอ่ะ แกไปเถอะ... เดี๋ยวฉันเฝ้าของให้” นั่นไง... เห็นมั้ยล่ะ ฉันคิดผิดเสียที่ไหน

“เออๆ เดี๋ยวฉันมานะ” เอ่ยจบฉันก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะปรายตาไปยังเพื่อนรักและผู้ชายโต๊ะข้างๆ ที่มองมันกลับมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม พอกันเลยสองคนนี้... น่าจะไปเปิดห้องซะจะได้จบๆ

พอเดินมาถึงห้องน้ำซึ่งอยู่แถวๆ หลังผับคนก็ค่อนข้างบางตากว่าด้านในมาก ที่จริงมันมีห้องน้ำอีกฝั่งน่ะ แต่ตรงนั้นคนใช้เยอะฉันเลยมาใช้ห้องน้ำข้างหลังแทน ทว่าพอเข้าไปด้านในฉันกลับต้องมาเจออะไรที่น่ารำคาญมากกว่าเดิมเสียอีก...

“อ๊ะ... ทศ วันไม่ไหวแล้วค่ะ” เสียงหวานของใครสักคนดังออกมาจากห้องน้ำด้านในพร้อมกับเสียงหอบกระเส่าและบานประตูที่สั่นกึกๆ

ฉันพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะปรายตามองไปยังห้องน้ำห้องที่อยู่ใกล้ทางออกที่สุดด้วยความระอา ทำไมฉันเข้าห้องน้ำในผับทีไรจะต้องมาเจอเรื่องทุเรศแบบนี้ด้วย แค่ไปเปิดห้องในโรงแรมให้มันเป็นกิจจะลักษณะนี่มันยากมากรึไง

สุดท้ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ถัดจากห้องที่บานประตูสั่นกึกๆ นั่น ต้องมาปลดปล่อยพร้อมกับฟังเสียงครวญครางของพวกนั้นไปด้วยมันเสียอารมณ์ชะมัด และเมื่อฉันเสร็จธุระ...เสียงของห้องข้างๆ ก็เงียบไป

ฉันเปิดประตูออกมาแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้า ก่อนที่ชายหญิงคู่หนึ่งจะออกมาจากห้องน้ำเจ้าปัญหาในสภาพเสื้อผ้ายับย่น ฉันตวัดสายตามองสองคนนั้นผ่านบานกระจกเงาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเลิกสนใจเพราะคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรกับฉัน

ทว่าแวบหนึ่งที่สายตาของฉันสบกับดวงตาคู่คมของผู้ชายคนนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่... แววตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงชะมัด

เคยเป็นมั้ย... เวลาที่เจอใครสักคนเป็นครั้งแรกแล้วรู้สึกไม่ถูกชะตาน่ะ

“งี่เง่าชะมัด” ฉันบ่นกับตัวเองอย่างเซ็งๆ เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คือฉันเป็นพวกขี้หงุดหงิดน่ะ เจออะไรน่ารำคาญเข้าหน่อยก็หัวร้อนแล้ว

ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพโซเซนิดๆ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าเล่นงาน ไม่รู้ป่านนี้ยัยขมจะเป็นยังไงบ้าง ไม่ใช่เมาหลับคาโต๊ะไปแล้วนะ

ตึก!

“อ๊ะ” ฉันหลุดเสียงออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรองเท้าส้นสูงกว่าสิบนิ้วที่สวมอยู่ดันพลิกในจังหวะหนึ่งตอนที่ฉันก้าวขา

เวร... ฉันหน้าทิ่มแน่

นั่นเป็นสิ่งที่คิดในขณะที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะล้มลง ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่ออ้อมแขนของใครคนหนึ่งรวบเอวของฉันเอาไว้ ร่างกายฉันถูกรั้งเข้าไปปะทะกับแผ่นอกกว้าง กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายลอยเข้ามาเมื่อจมูกของฉันซุกลงไปที่ต้นคอขาวๆ ของร่างสูงตรงหน้า

หมับ!

ฉันถูกกอด... โดยผู้ชายแปลกหน้า วินาทีแรกฉันคิดที่จะใช้กำปั้นทุบเขาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังถูกลวนลาม ใช่... ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ อาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อย แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฉันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการนางแบบ แต่สุดท้าย...

ฟึ่บ!

ฉันตัดสินใจใช้มือผลักคนตรงหน้าให้ถอยออกไปแทนที่จะใช้กำปั้นทุบเขา เผื่อเอาไว้น่ะ... ถ้าเกิดเขาไม่ได้ตั้งใจแต๊ะอั๋งฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันก็หน้าแหกสิ

“ขะ... ขอโทษครับ คือผมเห็นคุณจะล้ม” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยด้วยท่าทีตกใจเมื่อเห็นว่าฉันไม่พอใจ ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่... หมอนี่หน้าตาน่ารักชะมัด

“ไม่เป็นไร ฉันแค่ตกใจน่ะ... โทษที” ฉันเอ่ยพลางยกมือขึ้นโบกแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนที่คนตรงหน้าจะอมยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วเดินจากไป

บ้าชะมัด... ฉันใจเต้นเพราะเห็นหมอนั่นยิ้มหรอเนี่ย เมาแล้วสินะ

หลังจากนั้นฉันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ก่อนจะต้องอารมณ์เสียอีกรอบเพราะรู้ตัวว่าถูกนังขมเพื่อนรักมันเทเข้าให้แล้ว

“อีขม!” ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะใช้มือที่ท้าวสะเอวอยู่ยกขึ้นเสยผมตัวเองลวกๆ ด้วยความเซ็ง ดูท่าแล้วมันคงหายไปกับไอ้ผู้ชายโต๊ะข้างๆ แน่ เพราะตอนนี้หายหัวกันไปทั้งคู่ แถมมันยังเอากระเป๋าฉันไปด้วยนี่สิปัญหา แล้วฉันจะกลับบ้านยังไง... กระเป๋าเงินกับกุญแจรถดันอยู่ที่มันแบบนี้

สุดท้ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งดื่มต่อรอมันอยู่ที่นี่ เผื่อนังเพื่อนรักมันเสร็จธุระกับผู้ชายแล้วอาจจะกลับมา

ระหว่างนั้น... วงดนตรีไลฟ์สดของที่นี่ก็เริ่มแสดงพอดี ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่านักร้องนำของวงนั้นคือผู้ชายที่ช่วยฉันไว้ตอนอยู่ที่หน้าห้องน้ำ

นี่เจ้าก้อนเป็นนักร้องงั้นหรอ!

เอ่อ... ฉันหมายถึงหมอนั่นนั่นแหละ แต่ที่เรียกเจ้าก้อนเพราะคิดว่ามันเหมาะกับหน้าตาหมอนั่นดี

ฉันนั่งฟังเจ้าก้อนร้องเพลงพลางจิบเหล้าไปด้วย คงต้องยอมรับแหละว่าหมอนั่นเสียงดีสุดๆ แถมยังหุ่นดีจนทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่รู้ตัว

“กรี๊ด! รามสูร!” กลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ฉันส่งเสียงด้วยความฟินเมื่อหมอนั่นถกเสื้อขึ้นมาจนเห็นกล้ามท้องขาวๆ ก็รู้แหละว่ามันเป็นการแสดงเพื่อเรียกลูกค้าในผับ แต่เห็นแล้วมันหงุดหงิดชะมัด... ผู้ชายอะไรทำไมไม่หัดหวงเนื้อหวงตัวบ้างวะ

ด้วยความไม่สบอารมณ์ฉันจึงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตาคู่คมของคนบนเวทีจดจ้องมายังฉัน ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าที่เห็นว่าหมอนั่นส่งยิ้มมาให้... แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่ฉันจะเห็นเขากลับไปโฟกัสกับการร้องเพลงต่อ

บางทีเขาอาจจะไม่ได้ยิ้มให้ฉันก็ได้... ที่นี่มีคนเยอะแยะจะตายไป

คิดดังนั้นฉันจึงเลิกสนใจความรู้สึกแปลกๆ ของตัวเองแล้วดื่มเหล้าต่อ ยิ่งคิดไปถึงยัยขมก็ยิ่งหงุดหงิด... นี่ถ้ามันไม่กลับมาฉันจะทำยังไงล่ะเนี่ย

ผ่านไปสักพักไลฟ์สดก็จบลง... ผู้คนเริ่มทยอยกันกลับเพราะผับก็ใกล้จะปิดแล้วเหมือนกัน แน่นอนว่าตอนนี้ฉันมึนหัวไปหมด สงสัยจะดื่มเพลินไปหน่อย

“ยัยขม... ยัยเพื่อนแรด อย่าให้เจอตัวนะ เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนได้ไงวะ” ฉันบ่นกระปอดกระแปดขณะที่ลุกจากโต๊ะเพราะอยากจะกลับบ้าน แต่แล้วก็มีบริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางเอาไว้จนฉันต้องชะงักเท้า

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว