เมื่อรถแท็กซี่เลี้ยวผ่านประตูใหญ่เข้าไปตามถนนสู่ตัวคฤหาสน์ ความเศร้าโศกของเวหาต่อมารดาผู้วายชนม์ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังไม่ลดน้อยลง แต่ถูกบดบังชั่วขณะด้วยความยินดีที่จะได้พบหน้าสมาชิกอื่นในครอบครัว พ่อ น้องชาย น้องสาว และสุดท้ายแต่มีความหมายยิ่งคือคนรัก
น้องทั้งสองบินจากอเมริกาจะมาถึงเมืองไทยพรุ่งนี้ ส่วนเวหาจากอังกฤษมาถึงก่อนเพราะรู้ตั้งแต่ตอนโทร.มาเช็คอาการของแม่กับหมอเมื่อวานนี้ว่าเวลาของท่านเหลือน้อยชนิดที่ลุ้นกันชั่วโมงต่อชั่วโมงไม่ใช่เดือนหรือวัน เขาจึงจับไฟลต์แรกกลับเมืองไทยทันทีโดยยังไม่ทันได้ติดต่อบอกใคร ก่อนขึ้นเครื่องคิดจะโทรหาพ่อ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ทำ เดาว่าที่พ่อไม่เรียกตัวลูกๆ กลับมาดูใจแม่ น่าจะเป็นความต้องการของแม่เองที่ไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ขณะกำลังคร่ำเคร่งกับการสอบ ดังนั้นถ้าโทร.มาบอกล่วงหน้าก็อาจถูกทัดทาน
เขาตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันทีที่ถึงเมืองไทย แต่ไม่ทันเสียแล้ว แม่สิ้นใจไปเมื่อสี่ชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มกอดร่ำลาและกราบศพแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะระงับความโศกเศร้าเรียกแท็กซี่จากโรงพยาบาลกลับบ้าน รู้จากเลขาของพ่อที่มาช่วยจัดการเรื่องการขนย้ายศพไปวัดว่าพ่อกับโรสกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปรดน้ำศพ และก่อนหน้านี้พ่อพยายามติดต่อเขาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะเขาปิดโทรศัพท์ระหว่างอยู่บนเครื่อง
พ่อกับโรส...สองคนที่เขารักที่สุดในโลกกำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์ ชายหนุ่มคิดถึงด้วยความห่วงหา อยากปลอบประโลมให้คลายความโศกเศร้า หัวใจโลดลิ่วนำรถแท็กซี่ไปถึงบ้าน
พ่อนั้นใครๆ ก็รู้ว่ารักแม่สุดหัวใจ แม้จะเป็นอภิมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ที่รูปหล่อและร่ำรวย แต่ตลอดเวลายี่สิบห้าปีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไม่เคยนอกใจภรรยา ยิ่งแม่ล้มเจ็บในช่วงสองปีหลังจากส่งลูกๆไปเรียนต่อต่างประเทศ ความรักของพ่อที่มีต่อแม่ยิ่งเห็นได้ชัด คนบ้างานและหายใจเข้าออกเป็นผลกำไรเช่นอาทิตย์ยอมทิ้งธุรกิจหลายพันล้านให้มือขวาบริหาร ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลภรรยาด้วยตัวเอง
ส่วนโรสถึงจะไม่ใช่ลูกในไส้และยังไม่ทันได้เป็นสะใภ้เต็มตัว แต่การย้ายมาอยู่ร่วมบ้านและได้ใกล้ชิดผู้หญิงซึ่งเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นเช่นแม่ของเขาย่อมต้องเกิดความผูกพันรักใคร่เป็นธรรมดา หล่อนมาจากครอบครัวยากจน พ่อทำงานการรถไฟเงินเดือนน้อยนิด แม่เป็นแม่บ้าน ออกไปทำงานช่วยทำมาหากินไม่ได้เพราะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกซึ่งมีหลายคน โรสเป็นพี่สาวคนโตต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องและทำงานจิปาถะนอกเวลาเรียนเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว การใช้ชีวิตลำเค็ญข้นแค้นทำให้คนในครอบครัวไม่มีโอกาสจะแสดงความรักความอบอุ่นต่อกัน หล่อนจึงโหยหามันยิ่งนัก
สิ่งที่โรสขาดแคลนแสวงหาเวหามีล้นเหลือ ความแตกต่างตรงนี้เองที่ดึงดูดทั้งสองเข้าหากัน เขาเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับหล่อนตั้งแต่เรียนมัธยมต้น รู้เรื่องความลำบากยากจนของหล่อนดีและคอยช่วยเหลือจุนเจือเท่าที่ทำได้ตามประสาคนที่มีทุกอย่างเกินพอและใจกว้าง ความสงสารและเห็นอกเห็นใจแปรเปลี่ยนความรักแบบเพื่อนให้กลายเป็นพัพพี้เลิฟและค่อยๆ พัฒนาเป็นรักของหนุ่มสาวที่ผูกพันหยั่งรากลึกตามเวลาที่ผ่านไป เมื่อทั้งสองจบมัธยมปลาย ถึงเวลาที่เวหาจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ชายหนุ่มตัดใจจากโรสไปไม่ได้เพราะความเป็นห่วง เลยขอร้องให้พ่อแม่ส่งหล่อนไปเรียนต่อพร้อมกับเขาและน้องสองคน แต่แม่ต่อรองเป็นแค่รับโรสมาดูแลส่งเสียให้เรียนต่อมหาวิทยาลัยในประเทศจนกว่าเวหาจะเรียนจบกลับมาแต่งงาน นางไม่ได้มีเจตนาจะกีดกันหรือเสียดายเงิน แต่กลัวว่าถ้าส่งไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองไกลหูไกลตาผู้ใหญ่จะชิงสุกก่อนห่าม เสียการเรียนทั้งคู่
เมื่อหมดห่วงเรื่องโรส เวหาก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ลงทะเบียนทุกซัมเมอร์เพื่อเก็บหน่วยกิตให้มากที่สุดและเร็วที่สุด จะได้กลับไปแต่งงานกับโรส ระหว่างนั้นระยะเวลาไม่มีผลต่อหัวใจและความรักของทั้งสอง สี่ปีที่ผ่านมาแม้ได้พบกันแค่ปีละครั้งตอนพ่อแม่พาหล่อนบินไปเยี่ยมช่วงวันหยุดคริสต์มาส หากความรักยังมั่นคงลึกซึ้งเพราะติดต่อกันทางเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไม่เว้นวัน ถึงกระนั้นการได้ยินเสียงและได้เห็นหน้าผ่านโทรศัพท์กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เทียบไม่ได้กับการได้พบตัวจริงเสียงจริง
หัวใจของเวหาเต้นระทึก ลงจากแท็กซี่ได้ก็หิ้วกระเป๋าก้าวกระโดดเข้าไปในห้องโถงใหญ่ นิ่วหน้าเมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนรับใช้สักคนอยู่แถวนั้น ทั้งหมดคงไปรวมตัวอยู่หลังบ้าน อาลัยกับการจากไปของประมุขฝ่ายหญิงผู้เป็นที่รักของทุกคน ส่วนพ่อกับโรสคงจะอยู่ในห้อง เตรียมอาบน้ำแต่งตัวไปวัด อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะถึงเวลารดน้ำศพแล้ว
เวหาทิ้งกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างล่าง หิ้วกระเป๋าใบเล็กวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องพ่อแล้วเปิดโดยไม่เคาะ เขากับพ่อสนิทกันยิ่งกว่าพ่อกับลูกชายทั่วไป พ่อนอกจากจะเป็นผู้ให้กำเนิดและเป็นวีรบุรุษในดวงใจแล้วยังเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักรู้ใจเขาที่สุดอีกด้วย
พ่อ...เขาขานเรียกในใจด้วยความอาทรห่วงใยความรู้สึกของอีกฝ่าย กวาดตามองหาไปรอบห้อง ก่อนจะไปสะดุดหยุดตะลึงที่เตียงกว้างอันเป็นเตียงวิวาห์ของพ่อกับแม่ เตียงอันเป็นศูนย์รวมของความรักที่ตอนเด็กๆ เขากับน้องๆ ชอบใช้ฝันร้ายเป็นข้ออ้างมาเบียดแทรกตรงกลางอ้อมอกอุ่นของพ่อแม่ แม้ตอนโตเป็นหนุ่มสาวพวกเขาก็ยังหาเหตุมานอนเล่นเกลือกกลิ้งอยู่เสมอ
บัดนี้เตียงนั้นแปรสภาพกลายเป็นสมรภูมิย่อยๆ หญิงในวัยสาวสะพรั่งกับชายวัยกลางคนที่ยังหล่อล่ำบึกบึนกำลังเปลือยกายสับประยุทธ์กันอย่างเร่าร้อน ฝ่ายหญิงอ้าขาโอบรัดร่างกำยำสูงใหญ่ โยกย้ายส่ายช่วงล่างรับการสอดเสียบรัวแรง ใบหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวเหยเกหากมิใช่ด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยความเสียวสยิวสูงสุด หล่อนครางหงิงสลับกับกัดฟันซี๊ดปาก มือหนึ่งจิกตรึงบ่ากว้าง อีกมือกดบั้นท้ายตอบตุบในการอาการเร่งเร้า เวหาไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชายที่กำลังหมกมุ่นกับการพาคู่สวาทไปถึงจุดสุดกระสัน แต่เสียงคำรามครืดคราดเหมือนสัตว์ติดสัดสมสู่ก็บอกให้รู้ว่าถึงอกถึงใจเพียงใด
“กรี๊ดดดด” ในที่สุดฝ่ายหญิงก็ไปถึงฝั่งฝัน ขาเรียวที่รวบรัดบั้นเอวยกสูงขึ้นจนเกือบถึงท้ายทอยฝ่ายชาย มันเกร็ง กระตุกแล้วบีบรัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลายออกและตกลงแนบกับที่นอนอย่างอ่อนเปลี้ย ใบหน้าที่บิดเบ้หลับพริ้ม คลายเป็นรอยยิ้มอิ่มกาม
ฝ่ายชายโถมตัวเข้าใส่สุดแรงอีกหลายครั้ง ก่อนจะกัดฟันข่มเสียงคำราม เกร็งตามไปติดๆ ก่อนจะหมดแรงฟุบหน้ากับอกขาวผ่องเต่งตึง แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาก็ผงกหัวขึ้นพึมพำพร่ำเพ้อสลับกับคลุกเคล้าจูบเม้มดูดเลียยอดอกเป่งบวมอย่างแสนรักแสนหลง “ยอดรัก รักหนูเหลือเกิน รักตั้งแต่แรกพบ รอวันนี้มานานเหลือเกิน”
ฝ่ายหญิงครวญครางตอบรับ แต่เวหาไม่เห็นหรือได้ยินอะไรอีกแล้ว ตาของเขาพร่ามัวด้วยน้ำตา หูอื้อ สมองเบลอ
พ่อกับคู่หมั้นของเขาเริงรักกันบนเตียงวิวาห์ของแม่...ทั้งที่แม่เพิ่งตายไม่ถึงห้าชั่วโมง และที่เห็นอยู่นี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียว กลิ่นกามคละคลุ้งฟุ้งในห้องบอกให้รู้ว่าทั้งสองไม่ได้ปล่อยให้เวลาห้าชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างเปล่าประโยชน์ ทั้งยังทำท่าเหมือนจะไม่หยุดลงเพียงนี้ เพราะหลังการร่วมรักเร่าร้อนก็ยังเฝ้าพร่ำพรอดโลมเล้ากันต่อ ไม่ยอมรับรู้เลยว่ามีบุคคลที่สามมายืนทื่อตกตะลึงจังงังอยู่ในห้อง จนกระทั่งมือที่อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงของเวหาปล่อยกระเป๋าใบเล็กในมือตกลงกระทบพื้นดังปัง
“ฟ้า...” ใบหน้าของคู่สวาทหันขวับมามองเขา เบิกตากว้างและเรียกเสียงหลงอย่างตกใจสุดขีดพร้อมกัน หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจ พ่อของเขาขยับตัวลุกขึ้น เผยร่างเปลือยชุ่มโชกด้วยเหงื่อและน้ำกามของทั้งสองต่อสายตาของเขา ตอกย้ำฝันร้ายที่เป็นจริงให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ช็อกเหมือนถูกฟ้าผ่า...ปวดร้าวเหมือนถูกควักหัวใจออกมาขย้ำขยี้...แหลกสลายเหมือนโลกถล่มทลายไปตรงหน้า
“ฟ้า...” พ่อของเขาเรียกเสียงโหย ยื่นมือมาข้างหน้าเหมือนจะไขว่คว้าตัวลูกชาย
เวหาผงะถอยหลังชนประตู ก่อนจะวิ่งเตลิดเปิดเปิงหนีภาพสยดแสยงเสียดแทงใจ ไปถึงหน้าบ้านเขาเรียกแท็กซี่ไปวัด รดน้ำศพและร่ำลาแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปสนามบินเพื่อจับเที่ยวบินต่อไปกลับลอนดอน ชายหนุ่มทำทุกอย่างเหมือนถูกสะกดจิต เบลอและมึนชา มาได้สติเต็มตัวอีกครั้งเมื่ออยู่บนเครื่องเรียบร้อยแล้ว
แววตาและน้ำเสียงของแอร์โฮสเตสเจือกระแสความเห็นอกเห็นใจขณะยัดเยียดแก้วบรั่นดีใส่มือ “ขออนุญาตนะคะ ฉันคิดว่าคุณต้องการมัน”
เวหาเงยหน้าขึ้นมองแล้วผงกศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ จึงเห็นว่าหล่อนเป็นแอร์ที่ค่อนข้างอาวุโส คงเห็นผู้โดยสารท่าทางแปลกๆ มามากและเดาได้ไม่ยากว่าเขาอยู่ในอาการช็อกจากสาเหตุบางอย่าง แต่คงเดาไม่ถูกหรอกว่าเขาพบเจออะไรมา พ่อกับคู่หมั้นของเขาเล่นชู้กัน! ความจริงอันปวดร้าวสะท้อนก้องในความทรงจำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชายหนุ่มนั่งหลับตานิ่ง จมลึกในภวังค์ทุกข์ ไม่รับรู้ความเป็นไปรอบตัว จนกระทั่งฟ้าฟาดเป็นสายนอกหน้าต่าง เครื่องบินไหวยวบเพราะเจอหลุมอากาศ ลดระดับวูบยาวแล้วทรงตัวได้อีกครั้ง แต่นาทีต่อมาก็โยกคลอนเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาขึ้นๆ ลงๆ เหมือนถูกเขย่าด้วยมือยักษ์ ผู้โดยสารหลายคนคลื่นเหียนวิงเวียน บางคนเริ่มมองหน้ากันอย่างกังวลระคนกลัวตาย พนักงานต้อนรับหญิงชายยังทำหน้าเรียบเก็บความรู้สึก แต่พากันไปนั่งรัดเข็มขัดประจำที่ แววตาฉายความตะหนกอย่างเห็นได้ชัด เวหารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่อากาศแปรปรวนธรรมดาแต่เป็นพายุร้าย ความตายอยู่ใกล้ชนิดหายใจรดต้นคอ บางทีเขาอาจได้ตามแม่ไปในนาทีใดนาทีหนึ่งข้างหน้า
ทว่าน่าแปลก...เขารักแม่มากขนาดที่คิดว่าตายแทนได้โดยไม่เสียดายชีวิต แต่พอต้องเผชิญหน้ากับมรณะ ชายหนุ่มกลับประจักษ์ว่า แม้รักมากแต่ไม่ถึงขั้นจะตายตาม ถึงตกอยู่ในห้วงทุกข์มหันต์และผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่ แต่ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดเต้นเร่า ข่มความรู้สึกอื่นหมดสิ้น
เวหาค้นพบสัจธรรมที่อาจเคยได้ยินผ่านหูอ่านผ่านตา...ไม่มีชะตากรรมใดเลวร้ายเท่าความตาย เพราะมันคือความสิ้นสูญ ในขณะที่หากยังมีลมหายใจ ย่อมสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ขอเพียงรอดชีวิตกลับไป แล้วเขาจะฯลฯ...เวหาให้สัญญากับตัวเองมากมายหลายเรื่อง
หลังจากนั่งใจหายใจคว่ำนานนับชั่วโมง ในที่สุดนักบินผู้มีประสิทธิภาพก็พานกเหล็กลำยักษ์ตะลุยฝ่าพายุสู่จุดหมายโดยสวัสดิภาพ ผู้โดยสารทั้งลำพร้อมใจกันปรบมือชื่นชม เฉียดตายขนาดนี้ เวหาเชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ เขาเองเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเดินตามคนอื่นๆ ลงจากเครื่องบิน เขารู้สึกเหมือนแก่กว่าตอนขึ้นเครื่องอีกเท่าตัว ไม่ใช่ในด้านกายภาพ แต่เป็นสภาพจิตใจและวิสัยทัศน์ หนุ่มน้อยผู้มีน้ำใจและมองผู้อื่นในแง่ดีงามเสมอตายไปแล้ว เขาเกิดใหม่เป็นบุรุษผู้เจนโลก แกร่งกร้าว รู้ลึกซึ้งและเท่าทันถึงความโสมมในหัวใจมนุษย์ ไม่มีอีกแล้วที่จะเผลอหันหลังให้ใครแทงซ้ำสอง และไม่มีทางที่จะยอมใจอ่อนให้ความรักได้เฉียดใกล้อีกครั้ง
หัวใจของเวหาคนใหม่มีหน้าที่สูบฉีดโลหิตหล่อเลี้ยงร่างกายเพียงอย่างเดียว และถ้าจะเปรียบหัวใจเป็นประตู มันก็เป็นประตูที่จะปิดตายสำหรับความรัก...ตลอดไป