ร่างเปลือยเปล่าที่กำลังใช้ฟองน้ำถูสบู่เหลวไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งยวนใจมองเห็นเป็นเงารางเลือนหลังกระจกฝ้ากั้นส่วนอาบน้ำ แต่นั่นก็มากพอที่จะปลุกเร้าแม้แต่นักบวชให้ตบะแตก กิตติศักดิ์ซึ่งตั้งใจจะแวะมาดูว่าหล่อนไม่ขาดเหลืออะไรยืนตะลึงจ้องมองตรงประตูห้องน้ำที่เปิดอ้า
ทุกส่วนของร่างกายตื่นตัวลุกโลดขึ้นรับภาพยั่วกิเลสตรงหน้า โดยเฉพาะกึ่งกลางกายนั้นคึกแข็งดันเป้ากางเกงยีนส์จนโป่งตุง มันเต้นตุบๆ เสียวซ่านจนปวดร้าว อยากปลดปล่อยเหลือกำลัง มือของเขาเลื่อนไปที่เป้ากางเกง เกาะกุมแล้วบีบเบาๆ หวังปลุกปลอบให้สงบลง แต่มันกลับแข็งสู้หนักขึ้นกว่าเดิมจนต้องหลับหูหลับตาถูไถแรงๆ คิดว่าคงสำเร็จเสร็จสมก่อนที่คนอีกฟากกระจกจะอาบน้ำเสร็จ
เขากัดฟันข่มเสียงคำรามขณะจัดการกับตัวเองอย่างเมามัน ไม่รู้สึกตัวว่าเสียงน้ำจากฝักบัวหยุดลงตั้งแต่เมื่อไร มาริลินเปิดประตูกระจกออกมาตะลึงมอง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ก้าวเข้ามาหา จับมือของเขาอกจากเป้ากางเกงแล้วแทนที่ด้วยมือเล็กขาวผ่อง
เขาสะดุ้งลืมตาโพลง ถูกจับได้คาหนังคาเขาเลยตะกุกตะกักไปไม่ถูก “ลิน ลิน พี่...เอ่อ...พี่...”
“ให้ลินช่วยนะคะ” มาริลินยิ้มหวาน กระซิบเสียงแผ่ว หน้าแดงซ่าน ขณะที่มือน้อยบีบๆ กำๆ เช่นคนไม่เคย ไม่ประสีประสา แต่ก็สร้างความเสียวสยิวมากพอที่จะทำให้เขากัดฟันกรอด สั่นระริกไปทั้งตัว “ลิน ลินไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อน พี่สอนลินหน่อยสิคะ ลินอยากช่วยให้พี่หายอึดอัด”
“ลิน ลิน” เขาพึมพำชื่อหล่อนราวกับท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ รูดซิปกางเกงแล้วควักลำลึงค์ที่แข็งร้อนราวกับเหล็กจากเตาหลอมออกมาใส่มือเล็กๆ